ไฟในออฟฟิศส่องแสงสลัวจากโคมตั้งโต๊ะ อัญญานั่งก้มหน้าพิมพ์แป้นคีย์บอร์ด เสียง แปะแปะ ดังก้องอยู่ในห้องทำงานที่เหลือเธออยู่คนเดียว
บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ คำขึ้นต้นบทความชัดเจน
“Celestial Grand: โรงแรมที่ไม่ได้ขายเพียงความหรูหรา แต่ขายเสรีภาพในความลับของหัวใจ”
ปลายนิ้วเรียวยังไหลไปเรื่อย ๆ เธอถอดรหัสจากคำพูดของธาวินเมื่อเย็น เอามาเรียบเรียงเป็นประโยคคมคาย สลับกับสำนวนบรรยายบรรยากาศเมื่อคืนและรายละเอียดงานเลี้ยง
แต่ทุกครั้งที่มือหยุดพัก ภาพสายตาคมดุและแรงจูบเร่าร้อนในห้องทำงานก็แทรกเข้ามาไม่หยุด
อัญญาสะบัดศีรษะเบา ๆ ยิ้มกับตัวเอง “นี่ฉันกำลังเขียนงาน…ไม่ใช่เขียนบันทึกความทรงจำของผู้ชายคนนั้น”
เธอสูดลมหายใจลึก แล้วกลับไปพิมพ์ต่ออย่างจริงจัง ประโยคต่อประโยคเรียงกันราวกับน้ำไหล จนบทความเริ่มสมบูรณ์ขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง
ทว่าในส่วนลึกของใจ…ความสงสัยยังคงก้องอยู่
ทำไมเขาถึงโกรธ ทำไมเขาถึงหึง…ทั้งที่ฉันไม่เคยขออะไรจากเขาเลย
เสียงพิมพ์ยังดังต่อเนื่อง อัญญาใช้สมาธิเต็มที่ บทความค่อย ๆ รูปเป็นตัวชัดเจน
“Celestial Grand ไม่ได้เป็นเพียงโรงแรมหรู หากแต่เป็น ‘พื้นที่พิเศษ’ ที่ผู้คนกล้าจะเผชิญกับความปรารถนาลึกที่สุดของตนเอง ที่นี่ ความลับไม่ได้เป็นภาระ แต่กลายเป็นของขวัญ”
เธออ่านทวนประโยคสุดท้าย ยิ้มพอใจ ก่อนกดบันทึกและส่งไฟล์ไปยังอีเมลกองบรรณาธิการ เห็นแจ้งเตือน Sent ขึ้นมา เธอก็พิงเก้าอี้ ถอนหายใจยาว รู้สึกเหมือนเพิ่งปลดน้ำหนักก้อนใหญ่จากบ่า
แต่ในความเงียบของออฟฟิศยามค่ำ…เงาของชายคนหนึ่งยังติดอยู่ในหัวใจเธอ
แสงไฟยามค่ำสะท้อนผ่านผนังกระจก ธาวินยืนพิงขอบหน้าต่าง มือหนึ่งถือแก้ววิสกี้อีกครั้ง ดวงตาคมทอดมองท้องถนนเบื้องล่างอย่างเงียบงัน แต่สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจที่ยังคงคุกรุ่น
เสียงประตูเปิด แกร๊ก คิรินก้าวเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน เสื้อเชิ้ตสีเข้มปลดกระดุมสองเม็ดบนสุด เส้นผมยุ่งเล็กน้อยตามสไตล์ศิลปินที่เพิ่งเสร็จงาน
“วิน…หน้าตานายเหมือนคนถูกใครแย่งของเล่นเลยนะ”
เสียงติดขำของคิรินดังขึ้น
ธาวินปรายตาคมใส่ทันที “ฉันไม่ตลก”
คิรินหัวเราะเบา ๆ เดินไปหยิบขวดเหล้า รินใส่แก้วของตัวเอง “แน่นอนสิ…เพราะผู้หญิงคนนั้นทำให้นายหงุดหงิดจริง ๆ ใช่ไหม”
ริมฝีปากธาวินขบแน่น ไม่ตอบ แต่สายตาแวววาวยิ่งกว่าคำพูดใด ๆ
คิรินยกแก้วขึ้นจิบ มุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “อัญญา…เธอไม่ใช่คนธรรมดา เธอไม่กลัวนายเลยด้วยซ้ำ ที่สำคัญ เธอเก่งพอจะเล่นเกมเดียวกับนายได้”
ธาวินหันกลับมาช้า ๆ แววตาเข้มดุ “แล้วนายไม่รู้สึก…ว่ามันอันตรายเหรอ”
“หึ…ไม่หรอก” คิรินยกไหล่ สายตาเป็นประกาย “ตรงกันข้ามฉันกลับอยากรู้ ว่าเธอจะเลือกเต้นไปกับไฟของใครกันแน่ ระหว่างนาย…หรือฉัน”
สปอร์ทไลท์หลากสีสะท้อนผนังห้องกว้าง เสียงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์คลอเบา ๆ สลับกับจังหวะบีทหนัก ๆ ที่ทำให้คนในคลับขยับตัวตาม อัญญาเลือกนั่งโต๊ะมุมสงบที่สุด เครื่องดื่มสีอำพันในแก้วค็อกเทลถูกเธอยกขึ้นจิบช้า ๆ
หลังจากทำงานทั้งคืน เธออยากปล่อยใจให้ผ่อนคลาย ไม่ต้องคิดถึงประโยคคม ๆ หรือเส้นตายบทความอีกต่อไป
แต่สายตาเธอก็สะดุดเข้ากับร่างสูงในชุดสูทสีดำเรียบหรูที่เพิ่งก้าวเข้ามาธาวิน
หัวใจอัญญาสะดุดวูบ เธอหันหน้าหนีเล็กน้อย แต่สายตาคมกริบของเขาเหมือนจับจ้องตรงมาโดยไม่ต้องค้นหา
ไม่นานนัก เขาก็ก้าวผ่านฝูงชนเข้ามาอย่างมั่นคง ร่างสูงแผ่รัศมีที่ทำให้คนรอบข้างหลบให้โดยอัตโนมัติ จนในที่สุดเขามาหยุดตรงหน้าโต๊ะเธอ
อัญญาเงยหน้ามอง รอยยิ้มบางที่พยายามรักษามาดปรากฏขึ้น “คุณธาวิน…บังเอิญจังนะคะ”
“ไม่ใช่บังเอิญหรอก” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยชัด พลางเลื่อนเก้าอี้นั่งลงตรงข้ามโดยไม่รอคำเชิญ “เพราะต่อให้เธอไม่อยากเจอ…แต่คืนนี้ ฉันก็ต้องมาเจอเธออยู่ดี”
อัญญายกคิ้วเล็กน้อย วางแก้วลงบนโต๊ะ “คุณพูดเหมือนตั้งใจจะตามฉันมา”
ธาวินโน้มตัวเข้าหา ดวงตาคมกริบสะกดเธอไม่ให้ละสายตา ริมฝีปากเอ่ยช้า ๆ ชัดถ้อยชัดคำ
“ไม่ว่าที่ไหน…คืนนี้เธอต้องเป็นของฉัน”
เสียงเพลงและแสงไฟในคลับยังดังสะท้อนอยู่เบื้องหลัง แต่แขนแข็งแรงของธาวินกลับเอื้อมมาคว้าข้อมืออัญญาอย่างไม่เปิดช่องให้ปฏิเสธ
“ไปกับผม” เขาเอ่ยเสียงทุ้มสั้น ๆ
อัญญาสะดุ้งเล็กน้อย แต่สายตาคมกริบที่มองสบกันตรง ๆ ทำให้เธอเลือกเงียบ ไม่เอ่ยค้าน เดินตามเขาออกมาจากคลับท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่เหลียวมอง
ประตูรถหรูสีดำเงาวับถูกเปิดออก ร่างบางของเธอถูกเชื้อเชิญให้นั่งเบาะหลังอย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนที่เขาจะอ้อมไปนั่งข้าง ๆ แล้วปิดประตูเสียงดัง ปัง
เครื่องยนต์สตาร์ท เสียงทุ้มต่ำของมันตัดกับความเงียบในห้องโดยสาร อัญญาเหลือบมองใบหน้าคมเข้มของเขาในความมืดสลัว แสงไฟริมถนนลอดผ่านหน้าต่างสาดเงาเข้ามาทาบบนเสี้ยวหน้า
“เราจะไปไหนคะ” เธอถามในที่สุด น้ำเสียงเรียบแต่หัวใจยังเต้นแรง
ธาวินหันมามองเพียงครู่ สายตาหนักแน่นไม่เปิดช่องให้ถอย “ที่ของฉัน…ที่ที่ไม่มีใครมารบกวนได้”
ไม่นานนัก รถก็มาถึงคอนโดหรูริมแม่น้ำ ตึกสูงตระหง่านเงียบสงบ ต่างจากความพลุกพล่านของคลับโดยสิ้นเชิง เขาพาเธอขึ้นลิฟต์ส่วนตัว ก่อนหยุดที่ชั้นสูงสุด
เมื่อประตูเปิดออก เบื้องหน้าคือห้องเพนต์เฮาส์กว้างใหญ่ กระจกใสรอบด้านเผยให้เห็นวิวกรุงเทพยามค่ำคืน แสงไฟระยิบระยับราวกับดวงดาวตกต้องกลางเมือง
บรรยากาศเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมหายใจสองคนที่ดังชัดในความกว้างใหญ่ของห้อง
ธาวินปลดสูทวางลงบนพนักโซฟา สายตาคมยังตรึงอยู่ที่เธอไม่วาง ริมฝีปากเอ่ยช้า ๆและชัดเจน
“ที่นี่…เธอหนีฉันไม่ได้หรอก อัญญา”
ไฟในห้องสลัวเพียงพอจะเห็นเงาของทั้งคู่บนผนังกระจก ธาวินก้าวเข้ามาใกล้ทีละน้อย ก่อนคว้าข้อมืออัญญาแล้วดึงร่างบางเข้าหาอกกว้างอย่างแรงจนเธอเซชนอกเขา
“คุณธาวิน…” เสียงเธอสั่นน้อย ๆ แต่ยังแฝงความมั่นใจ
เขาไม่รอให้พูดต่อ ริมฝีปากหนากดลงมาปิดทันที จูบร้อนแรง หนักหน่วง เต็มไปด้วยความเป็นเจ้าของ ปลายลิ้นสอดลึก ไล่ควานหาความหวานที่เขาโหยหาจนเธอแทบหายใจไม่ทัน
อัญญาเบิกตากว้างเพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่หัวใจจะเต้นแรงเหมือนระเบิด ร่างกายทรยศต่อเหตุผล มือบางเลื่อนขึ้นโอบรอบต้นคอเขาโดยไม่รู้ตัว
ธาวินกอดร่างเธอแน่นขึ้น แรงจูบยิ่งเร่าร้อนเหมือนต้องการลงโทษ แต่เมื่อเธอเริ่มตอบกลับอย่างร้อนแรงพอ ๆ กัน มันกลับกลายเป็นไฟที่โหมสองด้าน
เสียงหอบหายใจสลับดังในความเงียบของห้อง เพียงชั่วครู่บรรยากาศก็แปรเปลี่ยนจากความดิบเถื่อนของเขา…เป็นการประลองแรงปรารถนาที่ไม่มีใครยอมใคร
อัญญาผละริมฝีปากออกน้อย ๆ รอยยิ้มบางแตะมุมปาก “ดิฉัน…ไม่เคยยอมแพ้ใครง่าย ๆ หรอกนะคะ”
ธาวินแค่นหัวเราะเบา ๆ ดวงตาคมกริบวาวโรจน์ “ก็ดี…เพราะฉันเองก็ไม่เคยยอมใครเหมือนกัน”