อบเชย...
เช้าตรู่ของวันนี้ฉันตื่นขึ้นมาบนโซฟาของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่เมื่อคืนมาเฝ้าใครบางคนที่มือเป็นแผลแค่นั้นแหละ งี่เง่าชะมัด!
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงประตูห้องดังขึ้นจากด้านนอกก่อนที่จะค่อยๆ แง้มออกแล้วมีใบหน้าของคุณหมอเจ้าของไข้คนที่ฉันเฝ้าอยู่โผล่หน้ามายิ้มให้
"สวัสดีค่ะคุณหมอ"
ฉันทักทายคุณหมอพร้อมกับลุกขึ้นยืนต้อนรับคุณหมอกับคุณพยาบาลที่เดินเข้ามาในห้อง เพื่อจะตรวจเช็คอาการของใครบางคนที่นอนทำตาปริบๆ ใส่คุณหมออยู่
"สวสัดีครับ"
คุณหมอทักทายฉันกลับพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเดินตรงไปยังเตียงของใครบางคนแล้วทำท่าจับนั่นตรวจนี่ไปด้วย
"วันนี้คนไข้เป็นยังไงบ้างครับ เจ็บแผลอยู่มั้ยแล้วรู้สึกคันๆ แผลหรือว่ามีแผลลุกลามเพิ่มมั้ยครับ"
คุณหมอถามคนบนเตียงพลางจดบันทึกอาการไปด้วย ส่วนฉันก็นั่งฟังคุณหมออยู่ตรงโซฟาเพราะถ้าจะให้ไปยืนบอกอาการก็คงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนายนั่นอยู่ดี
"รู้สึกตึงๆ ที่แผลนิดหน่อยครับแล้วก็ยังเพลียๆ อยู่"
เสียงทุ้มของใครบางคนตอบคุณหมอ
"คนไข้พยายามอย่าให้ตัวเองมีแผลหรือได้รับบาดเจ็บอีกนะครับ เพราะแผลของคนไข้หายยากมาก"
เสียงคุณหมอพูด
"แล้วแผลผมต้องรออีกนานมั้ยครับหมอถึงจะหายดี"
คนบางคนถามคุณหมอด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล อะไรแค่แผลเหมือนมีดบาดมือแต่ทุกคนกลับดูร้อนใจแปลกๆ
"หมอเองก็ตอบคนไข้ไม่ได้เหมือนกันครับ รู้แค่ว่าคนไข้ต้องพยายามไม่ให้มีแผลอีกแล้วก็ห้ามแผลเก่าฉีกหรืออักเสบเพิ่มด้วย ไม่อย่างนั้นโอกาสที่จะหายก็ช้าขึ้นไปอีกทั้งนี้ก็เพื่อสุขภาพของคนไข้เองด้วยนะครับ"
"ครับหมอ"
"เดี๋ยวหมอจะให้อินซูลินคนไข้เพิ่มในวันที่ออกจากโรงพยาบาลนะครับ"
คุณหมอพูดกับใครบางคนต่อก่อนจะยืนจดๆ อะไรสักพักแล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมกับคุณพยาบาล
"เอ่อคุณหมอคะ เดี๋ยวก่อนค่ะ"
ฉันรีบเดินตามคุณหมอที่เพิ่งออกจากห้องไปเพราะมีเรื่องสงสัยเกี่ยวกับนายนั่น แต่จะถามนายนั่นตรงๆ ก็ไม่กล้างั้นก็ถามคุณหมอนี่แหละง่ายดี
"อ้อ ครับ"
คุณหมอหันมาพูดพลางส่งยิ้มให้ฉัน
"พอดีตอนที่อยู่ในห้องคนไข้ได้ยินคุณหมอพูดถึงอินซูลินน่ะค่ะก็เลยอยากทราบว่าคนไข้เมื่อกี้เขา..."
ฉันที่ไม่รู้ว่าจะถามคุณหมอต่อยังไงดีถึงกับต้องอ้ำอึ้งเลยทีเดียว
"อ้าวคุณไม่รู้เหรอครับว่าคนไข้รายนี้เขาต้องใช้อินซูลินตลอดเวลา ผมคิดว่าคุณเป็นแฟนกันแล้วจะรู้ซะอีก"
คุณหมอถาม
"อ๋อชะใช่ค่ะเป็นแฟนกันก็จริงแต่เขาไม่ชอบเล่าเรื่องเจ็บป่วยให้ใครฟังน่ะค่ะคุณหมอ ถ้าหนูไม่รู้อะไรเลยก็จะดูแลเขาได้ยากนะคะ"
ฉันรีบบอก
"คืองี้นะครับ โดยปกติแล้วอินซูลินจะเป็นฮอร์โมนที่ตับอ่อนสร้างขึ้นมาเพื่อนำน้ำตาลในเลือดที่ได้จากการเปลี่ยนแปลงอาหารเนี่ยไปใช้ยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย แต่ของคนไข้รายนี้น่ะตับอ่อนสร้างอินซูลินไม่เพียงพอ ร่างกายก็ไม่สามารถนำเอาน้ำตาลในเลือดมาใช้ได้ก็เลยต้องให้อินซูลินเพิ่มครับ"
คุณหมออธิบาย
"แล้ววันนึงต้องใช้เยอะมั้ยคะคุณหมอ แล้วถ้าไม่ได้ใช้จะเกิดอะไรขึ้นมั้ยคะ"
ฉันถามต่อด้วยความสงสัย
"สำหรับของคนไข้เท่าที่หมอเช็คประวัติมา คนไข้ใช้อินซูลินแบบใสแสดงว่าใช้วันนึงสี่ถึงห้าครั้งครับ อินซูลินที่คนไข้ใช้อยู่จะออกฤทธิ์ได้นานเพียงห้าถึงหกชั่วโมงเท่านั้นนะครับ ส่วนอีกตัวนึงจะอยู่ได้สิบหกชั่วโมงแต่ไม่เกินยี่สิบชั่วโมงตัวนั้นจะใช้วันละประมาณหนึ่งถึงสองครั้งครับ แต่ส่วนมากแพทย์จะให้ใช้ตัวแรกมากกว่า"
คุณหมอตอบ
"ส่วนคำถามที่ว่าถ้าไม่ได้ใช้จะเกิดอะไรขึ้น หมอขออธิบายแบบง่ายๆ ว่าอาการจะเหมือนกับคนกำลังจะเป็นลมนะครับ เวียนหัวหน้ามืด กระหายน้ำหรืออ่อนเพลียถ้าหนักๆ เข้าก็จะหมดสติ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นให้รีบนำส่งโรงพยาบาลเลยนะครับเพราะไม่ใช่เป็นลมหมดสติแบบธรรมดาถ้ามาส่งไม่ทันคนไข้อาจเสียชีวิตได้ แต่ถ้ารุนแรงจริงๆ ก็คล้ายๆ กับคนลงแดงน่ะครับเห็นภาพง่ายๆ เลย"
พอคุณหมอพูดแบบนี้แล้วฉันก็รู้สึกสงสารนายนั่นขึ้นมานิดๆ แถมยังรู้สึกผิดที่ไปแทงเขาด้วยน่ะสิ
"สำคัญกว่านั้นก็คือคุณต้องพยายามอย่าให้คนไข้ได้รับบาดเจ็บอีกนะครับ อย่าให้คนไข้มีแผลแม้จะเป็นแผลเล็กๆ ก็ตามเพราะคนไข้เบาหวานแผลจะรักษาหายยากมากเลยครับ ถ้าเป็นแผลลุกลามขึ้นมาอาจเป็นอันตรายกับคนไข้ได้"
คุณหมอพูดต่อ
"ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ"
ฉันพูดพลางยกมือไหว้ขอบคุณคุณหมอพร้อมกับส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้เมื่อได้คำตอบ
แกร๊ก!
เสียงฉันเปิดประตูห้องคนไข้และกำลังจะเดินเข้าไปก็พบว่าในนั้นมีแม่ฉันกำลังคุยกับใครบางคนอยู่ ฉันไม่อยากรบกวนและเห็นว่าแม่มาแล้วเลยอยากกลับเข้าบ้านไปจัดการตัวเองแต่ก็ถูกแม่เรียกไว้ซะก่อน
"เชยจะไปไหนเข้ามาหาแม่ก่อน"
เสียงแม่ฉันเรียกพลางพยักหน้าให้ฉันเดินเข้าไปข้างใน
แน่นอนว่าตอนนี้ภาษาและสำเนียงการพูดของแม่ไม่ใช่ภาษาบ้านเกิดเหมือนที่ฉันได้ยินในทุกๆ วันอีกต่อไป ฉันเข้าใจนะว่าแม่ต้องการให้คนที่นอนอยู่บนเตียงฟังเราคุยกันรู้เรื่อง
".........."
ฉันไม่ได้พูดอะไรกับแม่เพียงแค่เกินเข้าไปนั่งโซฟาไม่ไกลจากเตียงมากนักเพื่อรอฟังว่าแม่จะพูดอะไรต่อ บางครั้งฉันอาจจะถูกแม่ตำหนิก็ได้ที่ไปทำร้ายเขา ทุกคนคงลืมไปแล้วว่าเขาเข้ามาแบบพละการถึงจะเป็นบ้านของเขาแต่เข้ามาแบบไม่บอกกล่าวล่วงหน้าแบบนี้ใครจะไปตั้งตัวทัน แถมเราสองคนก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนอีก
"ตั้งแต่วันนี้ไปเชยดูแลคุณชายแทนแม่ด้วยนะลูก เพราะคุณชายจะไปพักที่บ้านใหญ่หลังเดียวกับเชย"
แม่หันมาพูดกับฉันก่อนจะหันไปหาไอ้คุณชายอะไรนั่นที่เหลือบตามองฉันก่อนจะเบือนหน้าหนีฉันไปทางอื่น
"เชยไม่มีเวลาหรอกแม่ เชยต้องไปเรียนไหนจะต้องทำงานอีกนี่ก็ใกล้ปิดเทอมแล้วด้วยเชยต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบอีก"
ฉันตอบแม่พลางยู่หน้าใส่
ถึงจะรู้สึกผิดที่ทำนายนี่บาดเจ็บแต่ลึกๆแล้วก็ไม่ได้อยากดูแลนายนี่สักนิด คนเรามีอะไรหลายอย่างต้องทำจะมาดูแลคนที่โดนแค่มีดบาดมือได้ยังไงกัน ถึงจะรู้ว่าไม่ใช่แผลธรรมดาแต่ฉันก็ไม่มีเวลาดูแลหรอก
"ก็หยุดงานไว้สิลูก เลิกเรียนก็กลับมาดูแลพี่เขา...เอ้ยคุณชาย"
แม่รีบหาข้ออ้าง
"แล้วทำไมแม่ไม่ดูแลคุณชายของแม่เองล่ะ ถ้าเชยไม่ทำงานแล้วจะเอาเงินที่ไหนเรียน ทุกวันนี้เชยหาค่าเทอมเองนะเชยไม่อยากขอพ่อกับแม่"
ฉันรีบเถียงเพราะหวังว่าใครบางคนที่นอนทำตาปริบๆฟังแม่ลูกเถียงกันอยู่จะคัดค้านแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นายนั่นดูไม่ออกหรือไงว่าฉันไม่อยากดูแลเขาน่ะหรือคิดจะแกล้งกัน
"เดี๋ยวเรื่องนั้นพ่อกับแม่จะจัดการเอง"
แม่รีบบอก
"ทำอย่างกับบ้านเราตังเยอะงั้นแหละแม่ ดอกรายวันก็ต้องส่ง หนี้นอกระบบอีกตั้งหลายเจ้าไหนจะส่งธนาคารอีก วันนึงแม่ขายข้าวได้ไม่กี่จานเองนะส่วนมากก็มีแต่ลูกค้าหน้าวินแล้วก็พี่ๆในวินที่กินแล้วก็ติดไว้ไม่ยอมจ่ายอะ ส่วนพ่อก็รับลูกค้าวันนึงได้เท่าไหร่กันเชียวไหนจะต้องจ่ายค่าที่อีก"
ฉันเถียงยืดยาว
ถ้าพ่อกับแม่ฉันไม่มีหนี้สินแค่ขับวินกับขายอาหารตามสั่งส่งฉันเรียนก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เพราะค่าเทอมฉันก็หาเอง หอพักก็ไม่ได้เช่าแถมฉันยังทำงานช่วยอีกแรง แบบนั้นน่ะครอบครัวเราคงพอมีเงินเก็บบ้างและฉันจะไม่พูดเรื่องที่ต้องดูแลไอ้คุณชายอะไรนี่เลย
"แม่บอกให้ทำก็ทำสิเชย ไม่เถียงแม่สักวันจะได้มั้ยอีกอย่างน่ะเชยเป็นคนทำคุณชายบาดเจ็บนะ"
แม่ยังคงหาเรื่องมาเถียงไม่เลิก
"แม่แหละเถียงเชย"
"อบเชย! "
เสียงแม่ดุฉันพร้อมกับส่งสายตาดุๆมาให้ ในตอนนี้ฉันแอบเห็นใครบางคนที่นอนอยู่บนเตียงแอบยิ้มที่เห็นฉันโดนดุด้วยแหละ
"ไม่รู้แหละใครทำอะไรไว้ก็ต้องรับผิดชอบแม่บอกให้ดูแลก็ดูแล"
แม่ยังไม่จบ
"แต่มันไม่ใช่ความผิดของเชยนะแม่ถ้าไอ้คุณชายของแม่ไม่โผล่มาโดยไม่บอกใครเชยก็ไม่แทงหรอก"
"เชย! พูดกับพี่เอ้ยคุณชายให้ดีๆ สิ"
สองครั้งแล้วนะที่แม่ดุฉันเพราะไอ้คุณชายบ้านี่
"รู้งี้เอามีดฟันหัวดีกว่าไม่น่าแทงเลย"
"อบเชย!"
"พอเถอะครับคุณป้าเดี๋ยวผมออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที"
คนที่นอนฟังอยู่ตั้งนานรีบปรามแม่ที่จะดุฉันอีกรอบ
ฉันอยู่ในนี้แล้วรู้สึกหงุดหงิดก็เลยรีบเดินหนีออกมาเพราะไม่อยากทะเลาะกับคนในบ้านเพราะคนอื่นอีกกลัวจะเป็นเรื่องใหญ่ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้รู้สึกดีสักนิดที่ต้องเถียงกับแม่ตัวเอง
"คอยดูนะไอ้คุณชาย รอบหน้าถ้าแกย่องเข้าบ้านฉันอีกล่ะก็ฉันจะฟันหัวแก!"
ฉันออกมาโวยวายข้างนอกคนเดียวด้วยอารมณ์หงุดหงิดสุดๆ
"เจอกันแค่ไม่กี่วันแม่ฉันก็เอาอกเอาใจขนาดนี้ถ้าอยู่กับฉันนานกว่านี้แม่จะไม่ดูแลเหมือนไข่ในหินเลยหรือไง หึ้ย! หงุดหงิดจริงโว้ย!"