สิ่งมีชีวิตเช่น “พวกเรา” อยู่ท่ามกลางมนุษย์มานับหลายร้อยหลายพันปี อาศัย,หลบซ่อนหรือแม้แต่อยู่ร่วมกลมกลืนกับพวกเขาอย่างสงบสุขมาอย่างเนิ่นนานจนกระทั่งแวมไพร์ฮันเตอร์ที่มีนามว่า
"วิคเตอร์ วานาทอร์" ได้ลงมือทำบางสิ่งที่จะทำให้ความสงบสุขของเหล่าอมนุษย์สั่นคลอนหรือว่ายุคของพวกเขาจะมาถึงจุดจบแล้วงั้นหรือ…
เสียงอึกกระทึกครึกโครมภายนอกประตูปราสาทที่เคยสงบสุขบัดนี้รายล้อมไปด้วยเสียงผู้คนโห่ร้องอย่างบ้าคลั่ง เหล่ามนุษย์ที่ตอนนี้ในมือเต็มไปด้วยจอบ เสียมและคราดเดินเรียงรายถาโถมเข้ามาในปราสาทพร้อมที่จะสังหารปีศาจที่พวกเขาเชื่อว่าทำให้พืชผลและเหล่าสัตว์ทั้งหลายได้ล้มตายลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
‘... เร็ว’
ภายในปราสาทนั้นเองหญิงสาวผู้หนึ่งจูงมือเด็กหญิงวิ่งตามเธอมาติดๆแต่เพราะความตื่นตระหนกเป็นเหตุทำให้เด็กหญิงสะดุดขาของตนจนเป็นเหตุให้ล้มลงกลางคัน
‘ลุกขึ้นเร็ว’
‘ฮึก..แม่คะ หนูวิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว’
‘ใกล้แล้วนะ อีกไม่ไกลหรอกเวเนสซ่า’
ผู้เป็นแม่พูดปลอบเด็กหญิงก่อนจะพยุงเธอขึ้นมาด้วยแรงทั้งหมดที่เธอมี
‘ทะ ...ทำไมเราต้องหนีด้วยคะ...ทำไมชาวบ้านต้องเผาบ้านของเราด้วย’
‘มนุษย์น่ะ...ผู้คนต่างก็กลัวให้กับสิ่งที่พวกเขาไม่รู้จักแล้วก็คิดไปเองว่าสิ่งนั้นมันชั่วร้าย’
‘งั้นเราก็เป็นสิ่งชั่วร้ายเหรอคะ...ฮึก’
เด็กสาวร้องไห้ออกมาอีกครั้งคงเป็นเพราะเธออายุน้อยเกินกว่าจะเข้าใจคำอธิบายของผู้เป็นแม่ได้
‘ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะจ๊ะ ลูกน่ะเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุด’
เธอเช็ดคราบน้ำตาออกจากใบหน้าอันไร้เดียงสาของลูกสาว ใจเจ็บนั้นอยากจะปลอบใจเด็กน้อยด้วยการบอกว่าไม่เป็นไรเหลือเกินแต่ทว่าไม่เป็นอย่างนั้น...
ปัง! เสียงกระแทกประตูดังขึ้นจากหน้าปราสาทตอนนี้เธอตระหนักดีแล้วว่าพวกชาวบ้านคงบุกรุกเข้ามาในปราสาทสำเร็จแล้วเธอจึงจำใจที่จะต้องให้เด็กสาวหนีไปแต่เพียงลำพังถึงแม้ว่าในใจจะห่วงมากแค่ไหนก็ตาม
‘เวเนสซ่า..นี่เวเนสซ่า ฟังแม่นะ ลูกยังจำชั้นใต้ดินที่เราเคยไปเล่นซ่อนแอบกันได้มั้ย?’
‘ค่ะ ฮะ..ฮึก หนูจำได้ค่ะ’
‘แม่อยากให้หนูไปซ่อนที่นั่น ได้มั้ยจ๊ะ’
‘ละ..แล้วแม่ล่ะค่ะ’
‘แม่จะ...ตามไปทีหลังนะ’
เธอมองหน้าลูกและส่งยิ้มให้และด้วยภายใต้ รอยยิ้มที่ดูไม่มีอะไรนั้นก็ทำให้เด็กหญิงยอมเชื่อใจและวิ่งลงไปซ่อนที่ชั้นใต้ดินในใจนั้นได้แต่ครุ่นคิดว่าหากไร้ทางรอดแล้วล่ะก็ยอมตายดีกว่าให้พวกนั้นฆ่าลูกของเธอไปด้วย
‘แม่มดดดด ! จับมัน นางแม่มดด’
‘ฆ่ามันนางแม่มดกับปีศาจร้ายตัวนั้น!’
พวกชาวบ้านเริ่มแห่กันเข้ามาเรื่อยเรื่อยจนเต็มไปทั้งบริเวณกลางปราสาทและตะโกนร้องอย่างไม่หยุดหย่อน
‘ฆ่ามันๆฆ่ามันๆ!’
‘แขวนคอมันเลย!'
‘ช้าก่อน! พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย’
ท่ามกลางเหล่าชาวบ้านหัวร้อนไร้สตินั้นเองก็ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้นร่างของชายคนหนึ่งค่อยค่อยเดินออกมาแต่เพราะหมวกสีดำที่ใส่อยู่จึงไม่อาจเห็นใบหน้าของเขาชัดๆได้ แต่เมื่อชายผู้นั้นเดินมาใกล้มากขึ้นเธอก็รู้ได้ทันทีเลยว่านั่นเป็นใบหน้าที่เหล่าอมนุษย์ทุกตนต้องหวาดกลัวเมื่อได้พบเจออย่างแน่นอน สีหน้าของฆาตรกรเลือดเย็นเป็นใบหน้าที่หญิงสาวจดจำใจมันได้ดี
‘สวัสดี อลิเซียหรือจะเรียกว่านางแม่มดดีนะ ^^'
'แก'
'ไม่อ้อมค้อมล่ะนะ เข้าเรื่องกันเลยบอกมาซะดีดีว่าแกเอาเจ้าปีศาจร้ายไปซ่อนไว้ไหน’
วิคเตอร์ถอดหมวกออกก่อนจะเดินมาอยู่ตรงหน้าอลิเซีย
‘ทำไมพวกเจ้าทุกคนถึงทำกับครอบครัวเราแบบนี้ ที่ครอบครัวเราคอยดูแล หางานให้ หาที่ให้นอนแต่นี่...
นี่หรือคือสิ่งที่พวกเจ้าตอบแทนเราแบบนี้!’
‘พวกแกมันเป็นปีศาจ ยังไงก็ไม่มีวันอยู่ร่วมกับ มนุษย์เราได้อยู่แล้ว!เลิกพร่ำเพรื่อแล้วตอบคำถามมาซะที!’
ฮันเตอร์ตะคอกขึ้น เสียงนั้นดังก้องไปทั่วปราสาทเขาพลางมองไปรอบๆแต่ก็ไม่เห็นวี่แววของเจ้าปีศาจนั่นเลย
‘ฝันไปเถอะ พวกเจ้าก็ต้องข้ามศพเราไปก่อน!’ หญิงสาวยืนกรานเสียงแข็ง
‘ฉันทำแน่...แต่รู้มั้ย?"
"??"
เขาเดินเข้ามาใกล้เธออีกหนึ่งก้าวเพื่อที่จะพูดอะไรบางอย่าง
"ถ้าเธอไม่แต่งกับไอ้ปีศาจนั่นก็คงไม่ลงเอยอย่างนี้หรอก"
"ไปตายซะ"
"หึหึ เอาตัวมันมา!’ วิคเตอร์สั่งให้ชายร่างใหญ่อุ้มเด็กหญิงมาวางต่อหน้าอลิเซีย
‘…’ ผู้เป็นแม่ถึงกับพูดไม่ออก ทำไม...พวกมันถึงหาเธอเจอ!
'สิ่งประดิษฐ์นี่ทำให้หาเจ้าปีศาจเจอจริงๆด้วยนะขอรับ' ชายร่างใหญ่ตอบพร้อมกับชูเครื่องมือนึงขึ้น
‘ได้โปรด...ปล่อยเธอไปเถอะแกยังเป็นแค่เด็กอยู่เลยนะ’
อลิเซียคุกเข่าอ้อนวอนทั้งน้ำตา เธอคาดไม่ถึงเลยว่าพวกชาวบ้านจะจ้าง ‘ฮันเตอร์’ มาตามล่าเธอสองแม่ลูกนี่ถ้าหากไม่ประมาทล่ะก็...
‘แกรู้มั้ยว่าแม่มดที่ให้กำเนิดปีศาจจะโดนโทษอะไร’
‘....’
‘โดยการเผาทั้งเป็นไงล่ะ! ฮ่าๆ แต่ว่าถ้าแกยอมตายแทนเจ้าปีศาจนี่ล่ะก็ฉันอาจจะพิจารณาไว้ชีวิตมันก็ได้นะ’ วิคเตอร์ยิ้มเยาะอย่างพอใจ
‘ฉะ..ฉันยอม ฉันยอมแล้ว ขอแค่...ปล่อยเธอไปเถอะนะ’
หญิงสาวอ้อนวอนอีกครั้งต่อหน้าฮันเตอร์ที่เธอเกลียดนักหนาทั้งนี้ก็เพื่อให้ลูกสาวรอดไม่ว่าอะไรก็จะยอมทำ
‘โฮ่ ความรักของผู้เป็นแม่รึนี่ นี่ฉัน เกือบจะเชื่อแล้วนะเนี่ยทำเอาสำลักความรักของอมนุษย์อย่างพวกแกจนแทบจะอ้วก แหนะ แต่สิ่งที่ปีศาจอย่างพวกแกเรียกมันว่าความรักมันก็แค่ของปลอมเท่านั้นแหละ’
‘...แกจะคิดยังไงชั่ง คนที่ชั่วร้ายไม่ใช่อมนุษย์อย่างพวกเราหรอก! แต่เป็นมนุษย์อย่างพวกแกตังหาก!’
ผู้เป็นแม่ดึงเด็กน้อยเข้ามาใกล้พร้อมกับกระซิบบางอย่างกับเธอ ‘ฟังแม่นะ...จงเข้มแข็งแม่จะอยู่เคียงข้างลูกตลอดเวลานะ เวเนสซ่า’
เธอกอดเด็กน้อยแน่นก่อนจะเหลือบไปเห็นแท่นกองฟืนตั้งอยู่ห่างไปไม่มากนัก นี่พวกมันคงคิดจะเผาปราสาทนี้ไปพร้อมกับพวกเราด้วยสินะ ถ้าหาก ‘เขาคนนั้น’ รับรู้เข้าคงจะต้องเสียใจมากแน่
‘เอามันขึ้นไปและเตรียมจุดไฟ’
วิคเตอร์ออกคำสั่งกับชาวบ้านให้เริ่มเตรียมการประหารได้ ชายร่างใหญ่สองคนเดินเข้ามาจับทั้งคู่แยกออกจากกันก่อนที่จะนำตัวอลิเซียขึ้นไปวางบนแท่นฟืนและมัดเอาไว้
‘เผาแม่มด!’
‘ฆ่ามัน!’ ชาวบ้านยังคงโห่ร้องอย่างต่อเนื่อง
อลิเซียได้แต่จ้องมองหน้าลูกสาวเพื่อที่จะได้จดจำใบหน้านั้นให้ได้มากที่สุดเป็นครั้งสุดท้าย
‘เดี๋ยวก่อนๆ’ ก่อนที่คบเพลิงจะถูกวางลงไปนั้นจู่จู่ฮันเตอร์ก็ได้เอ่ยขึ้นมา
‘มีอะไรเหรอครับ?’ ชาวบ้านคนหนึ่งถามขึ้น
‘ไหนๆตะวันก็จะขึ้นแล้ว…’
ทันใดนั้นใบหน้าของวิคเตอร์ก็ยิ้มอย่างมีเลสนัย ทำให้อลิเซียคิดได้ทันที่ว่าเขาคิดจะทำอะไรกับลูกของเธอ
‘มะ..ไม่นะ วิคเตอร์! แกบอกว่าจะปล่อยเธอไป! ก็ฆ่าฉันแทนสิ’
‘ฉันว่ามันคงจะดีกว่าน่ะนะ ถ้าแม่ลูกได้ไปอยู่ด้วยกัน’
‘แกมันไอ้คนสับปลับ ไอ้ฮันเตอร์โรคจิต' หญิงสาวไม่น่าหลงคารมเชื่อใจเขาเลย
'นี่แกเชื่อจริงเหรอว่าฉันจะปล่อยให้ปีศาจอย่างพวกแกมีชีวิตอยู่น่ะฮะ!!'
ตอนนี้เธอรู้แน่แล้วว่าลูกสาวไม่มีทางรอดแน่ๆแต่ท่ามกลางเสียงของเหล่าชาวบ้านที่โห่ร้องดีใจและสาปแช่งอยู่นั้นอลิเซียจึงได้ตัดสินใจทำสิ่งหนึ่งลงไป...
'วิคเตอร์! ข้าจะไม่มีวันปล่อยแกไปคำสาปของข้าจะอยู่กับตระกูลของเจ้าไปชั่วนิรันดร์! ขอให้ตระกูลของพวกแกทนอยู่กับความทุกข์ทรมานไม่จบสิ้นและจงมองดูคนที่รักถูกพรากไปตามกาลเวลาในขณะที่ตัวเจ้าจะทำอะไรไม่ได้เลย!’
อลิเซียได้ตะโกนสาปแช่งฮันเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกันกับที่พระอาทิตย์เริ่มสาดแสงเข้ามาในห้องโถงของปราสาท
‘หึหึหึ อย่าไปฟังมัน เผามันเลย!’
ชาวบ้านจุดไฟเผาที่แท่นของอลิเซียและทันใดนั้นไฟก็ลุกโหมอย่างรวดเร็ว เด็กสาวช็อคกับภาพที่อยู่ตรงหน้าจนไม่ทันเห็นว่าแสงของดวงตะวันนั้นก็ค่อยๆสาดมาที่เธอเช่นกันมันค่อยค่อยแผดเผาผิวกายของเธอจนแสบร้อนไปหมด
‘มะ...แม่คะ หนูเจ็บ ฮึกๆ’
‘เวเนสซ่า..ไม่ว่าเมื่อไหร่แม่ก็จะคอยปกป้อง...ลูกจะไม่เจ็บปวดต่อไปอีกแล้วนะ’
อลิเซียยิ้มให้กับเด็กสาวเป็นครั้งสุดท้ายและถึงแม้ความตายจะเข้ามาเยือนเธอก็ไม่แสดงให้ลูกสาวเห็นถึงความกลัวเลยแม้แต่น้อย
ภายใต้ไฟที่โหมกระหน่ำลุกไหม้นั้นเธอหันไปยิ้มเยาะเย้ยให้กับวิคเตอร์ อย่างน้อยความลับที่สำคัญที่สุดก็ได้ตายไปกับแม่มดคนนี้ที่มีนามว่าอลิเซียและต่อจากนี้จะไม่มีฮันเตอร์คนไหนทำร้ายลูกสาวเธอได้อีก
‘....’ วิคเตอร์มองร่างทั้งสองค่อยๆถูกไฟแผดเผาแต่ทำไมกัน เขากลับไม่รู้สึกดีใจสักนิด
‘จะดีเหรอครับ ท่านฮันเตอร์ ถึงยังไงเธอก็ยังเป็นแค่เด็กอยู่เลยนะครับ’
‘จะมาเห็นใจอะไรตอนนี้ คุณผู้ใหญ่บ้าน พวกมันก็แค่ปีศาจเท่านั้นแหละ’