หลายเดือนต่อมา
เพราะเหตุการณ์ในวันนั้น ทำให้ฉันมานั่งตัวลีบในห้องที่ไม่คุ้นเคยในวันนี้ และเป็นการนั่งตัวลีบชนิดที่ว่าไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวเลยด้วยซ้ำ หายใจแรงยังไม่กล้าทำเลย
‘คืนวันเข้าหอ’
ใช่… วันนี้คือวันแต่งงานของฉันกับ ‘พี่ภัทร’ เจ้าบ่าวที่ได้มาอย่างงง ๆ เขาเป็นใคร นิสัยยังไง หรือรายละเอียดอื่น ๆ ไม่สามารถรับรู้ได้เลย
หลังจากวันนั้นที่พี่ภัทรรับว่าจะเป็นเจ้าบ่าวของฉัน ยอมรับว่าตกใจอยู่เหมือนกันที่อีกฝ่ายพูดแบบนั้น ตอนแรกฉันคัดค้านไปแล้ว แต่เป็นคุณย่าเองที่ยอมรับเงื่อนไขนี้
เงื่อนไขเปลี่ยนตัวเจ้าบ่าว จากพี่ก้องมาเป็นพี่ภัทร
ฉันไม่แปลกใจที่พี่ก้องไม่อยากแต่งงานกับฉัน และไม่โกรธที่อีกฝ่ายคิดและพูดแบบนั้น ดีใจซะอีกที่เขายอมพูดอะไรออกมามากมายหลายอย่าง มันทำให้ฉันตาสว่าง ผู้ชายที่ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษในคราแรก วันนี้ได้รู้แล้วว่าไม่ใช่อย่างที่เห็น มันเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
สติสตังของฉันถูกดึงกลับคืนมาเมื่อเห็น ‘สามี’ ป้ายแดงเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่ไม่เรียบร้อยเท่าไหร่นัก ร่างกายกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเป็นลอนแน่นสวยเปลือยช่วงบนให้เห็น ส่วนช่วงล่างยังดีที่มีกางเกงนอนผ้าบางติดกาย
“รอเข้าหอ?”
“มะ…ไม่ใช่สักหน่อย”
“แล้วมองทำไม”
“ฝันไม่ได้มองพี่ภัทรนะ ฝันมองกระจกต่างหาก” ว่าแล้วก็หลบตาหนีเหมือนคนกำลังโกหก ซึ่งฉันก็โกหกจริง ๆ นั่นแหละ
“จะนอนไหน”
“นอนข้างใน”
“…” พี่ภัทรไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เพียงแค่เดินไปหยิบเอกสารอะไรบางอย่างแล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนที่นอน สองตาที่มีแว่นกรอบใสจดจ้องอ่านเนื้อหาเงียบ ๆ เห็นแบบนั้นจึงละสายตากลับมาสนใจตัวเองเหมือนเดิม
หยิบครีมทาแก้ผื่นคันขึ้นมาทาบริเวณที่ผื่นขึ้น ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าจะทาทำไม ในเมื่อยิ่งทาผื่นก็ยิ่งเห่อ นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ฉันไม่เห็นว่ามันจะหายตรงไหนเลย
นับวันหน้ายิ่งแย่ขึ้นเรื่อย ๆ ไม่แปลกใจที่ใครต่อใครต่างมองฉันเป็นผี มันก็เหมือนผีจริง ๆ นั่นแหละ
“เรียนจบอะไรมา” เสียงทุ้มเอ่ยถามในขณะที่สายตาของอีกคนไม่ได้เหลือบมองฉันเลยด้วยซ้ำ
“บัญชีค่ะ”
“ขอดูคะแนน”
“พี่ภัทรจะดูทำไมคะ”
“…” เป็นอีกครั้งที่ได้ความเงียบตอบกลับมา ฉันจึงลุกจากเก้าอี้หน้ากระจกแล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ค้นหาเอกสารที่พี่ภัทรอยากดู เมื่อหาเจอแล้วก็ยื่นมันไปให้เขา
“นี่ค่ะ”
“…”
“…”
“คะแนนไม่แย่เท่าไหร่” คนตัวสูงพยักหน้ารับหลังจากที่จ้องอ่านนานพอสมควร “หลังจากที่ย้ายไปอยู่ภูเก็ต เข้าไปสมัครงานที่บริษัท”
“ให้ฝันไปสมัครที่บริษัทพี่ภัทรเหรอ”
“อืม”
“แต่ฝัน…”
“หรือต้องใช้เส้นสาย?” ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมองฉัน “แบบนั้นหรือเปล่า”
“ไม่ใช่สักหน่อย”
“แล้วมีปัญหาอะไร”
“ขอให้หน้าฝันหายก่อนไม่ได้เหรอคะ” ฉันเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ “ฝันไม่กล้าไปทำงานหรอก ถ้าหน้ายังเป็นอยู่แบบนี้”
“ไปทำงาน ไม่ได้ไปโชว์หน้าตา”
“พี่ภัทรไม่ได้เป็นแบบฝัน พี่ภัทรไม่เข้าใจความรู้สึกหรอก”
“แล้วเมื่อไหร่จะหาย?”
“ไม่รู้ค่ะ”
“ถ้าย้ายไปอยู่ภูเก็ตแล้วนอนอยู่ห้องเฉย ๆ ไม่ออกไปไหน อยู่ได้ก็ตามใจ” คนที่มีใบหน้าหล่อเหลา ต่างจากหน้าผี ๆ อย่างฉัน เอ่ยพูดเท่านั้นก็ก้มลงมองเอกสารเหมือนเดิม
“ถ้าชาตินี้หน้าไม่หายพัง คงไม่ต้องไปไหนกันพอดี”
“เข้าใจแล้วค่ะ” ฉันเก็บเอกสารเข้าซองแล้วเดินหน้าละห้อยกลับไปที่เดิม ที่พี่ภัทรพูดไม่ผิดเลยสักนิด หากผื่นคันที่ขึ้นยุบยิบเต็มหน้าไม่หาย ฉันก็คงจะไม่ได้ออกจากบ้านหากยังกลัวอยู่แบบนี้ ไม่กล้าเผชิญกับโลกภายนอก คงต้องนอนอยู่ในห้องต่อไป
แล้วใครจะมาทนเลี้ยงคนไม่ทำการทำงาน…
ฉันเดินไปขึ้นเตียงหลังจากที่ทำอะไรเสร็จแล้วเรียบร้อย ใช้ผ้าผืนเล็กพันหน้าเอาไว้เพราะกลัวอีกคนจะตกใจหากตื่นมากลางดึกแล้วเห็นหน้าผี ๆ ของฉัน
“ทำอะไร”
“นอนไงคะ”
“หมายถึงเอาผ้าคลุมหน้าทำไม” อีกคนถอนหายใจออกมา “ซื่อบื้อ”
“ฝันกลัวพี่ภัทรตื่นมากลางดึกแล้วตกใจหน้าฝัน”
“ไร้สาระ”
“พี่ภัทรไม่เข้าใจหรอก”
“ถ้าคลุมแบบนี้เมื่อไหร่หน้ามันจะหาย”
“เดี๋ยวมันก็หาย”
“เมื่อไหร่”
“ก็…” เอ่ยพูดเท่านั้นก็ต้องเบิกตากว้างนอนตัวแข็งเมื่ออีกคนเท้าตัวลงกับที่นอนแล้วเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยมาปะทะจมูก “พะ…พี่ภัทร”
“เอาออก” แล้วผ้าที่ว่าก็หลุดติดมือเขาไป “นอน”
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
นั่นคือเสียงหัวใจของฉันเอง มันเต้นแรงจนต้องเอามือกดไว้เพราะกลัวอีกคนจะได้ยินเสียงนี้ เกิดมายี่สิบห้าปีไม่เคยโดยผู้ชายเข้าใกล้ขนาดนี้มาก่อนเลย ขนาดพี่ก้องที่คบหาดูใจกับฉันนานพอสมควร ยังไม่เคยขยับเข้ามาใกล้ขนาดนี้เลยจริง ๆ
พี่ภัทรเป็นผู้ชายหน้าตาดีมาก ขอเน้นย้ำคำว่า ‘มาก’ ลงไปเยอะ ๆ อีกทั้งใบหน้าหล่อเหลานั้นยังมีแว่นตากรอบใสเกาะอยู่ ยิ่งทำให้เขาดูฮอตขึ้นไปอีกเท่าตัว จากที่หล่ออยู่แล้วคูณสิบคูณพันไปเลย
“มองทำไม หรือรอเข้าหอ?” เป็นอีกครั้งที่คนข้างกายโน้มเข้ามาใกล้ มากกว่านั้นยังใช้แขนคร่อมร่างฉันไว้อีกต่างหาก “รอเข้าหอสินะ”
“ไม่ใช่นะ พี่ภัทรถอยออกไปเลย!”
“ถ้าไม่ใช่ทำไมไม่นอน มานอนมองพี่ทำไม”
“ก็พี่ภัทรเอาผ้าของฝันไป” ฉันเฉไฉไปเรื่องอื่น “ฝันอยากได้ผ้าของฝันคืน”
“เอาไปทำไม”
“ก็เอามาคลุมหน้านอน ฝันไม่มั่นใจถ้านอนหน้าโล่ง ๆ แบบนี้”
“ไม่มั่นใจอะไร?”
“ฝันไม่ชอบให้ใครเห็นหน้าฝันตอนที่ฝันนอน” ว่าแล้วก็ขยับถอยห่างเนียน ๆ “พี่ภัทรไม่กลัวตื่นมาแล้วตกใจหน้าฝันหรือไง”
“ตกใจทำไม” ปากหยักยกยิ้มขึ้นก่อนที่จะกดหน้าเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม “ปิดไฟก็ไม่เห็นหน้าแล้ว”
“ไม่เห็นหน้าอะไร พี่ภัทรอย่ามาคิดลามกกับฝันนะ”
“พี่คิดอะไร?”
“แล้วพี่ภัทรคิดอะไรอยู่ล่ะ”
“ก็คิดว่าปิดไฟก็ไม่เห็นหน้า” ตาคมที่ถูกบดบังด้วยแว่นกรอบใสประกายวาววับให้เห็นเป็นครั้งแรก “ไม่เห็นหน้าก็ไม่ตกใจ”
“…”
“นี่แหละคือสิ่งที่พี่คิด ไม่ได้คิดลามกอย่างที่ฝันเข้าใจหรอก”
จากตอนแรกที่มั่นหน้าว่าอีกฝ่ายกำลังคิดลามก ตอนนี้ความมั่นหน้านั้นแตกกระจายเหมือนแก้วที่แตกลงพื้นเป็นเสี่ยง ๆ ยิ่งเห็นพี่ภัทรทำสีหน้าเหมือนกำลังล้อเลียน ยิ่งตอกลึกว่าอย่ามั่นหน้าแบบนี้อีก
หน้าแหกไม่มีชิ้นดี
นี่แหละภัยมั่นหน้า!!