THE FLIRT : 09

1175 Words
“อ้าว มิณ ลืมมือถือใช่ปะ พี่เห็นวางอยู่บนโต๊ะ” แม่งเอ๊ย...ความรู้สึกห่าอะไรก็ไม่รู้มันบอกให้ผมลุกขึ้นแล้ววิ่งตามเธอออกไปทันที จนแทบจะชนหนูดาดีที่หนูดาหลบทัน ไม่งั้นไอ้ดินฆ่าผมแน่เพราะผมได้ยินเสียงมันด่าตามหลังผมมาด้วย “ไอ้สัส! ชนเมียกู” แต่ใครสน...ผมวิ่งลงบันไดลงมาเห็นแผ่นหลังคนตัวเล็กเปิดประตูออกไปแวบๆ ผมเลยไม่รอช้ารีบตามออกไปแต่ก็ไม่เห็นเธอซะแล้ว ผมยืนหันซ้ายหันขวาอยู่หน้าผับเพื่อมองหาแต่ก็ไร้วี่แวว ล่องหนได้เหมือนไอ้ธามรึไงนะ ไวฉิบ ว่าแต่...เธอจะได้ยินที่ผมพูดรึเปล่าวะ แต่ก็...ช่างแม่งดิ สนใจอะไร ผมหันหลังไปเปิดประตูเพื่อที่จะกลับขึ้นไปข้างบนแต่ใจหนึ่งก็ไม่อยากกลับขึ้นไป กูเป็นห่าอะไรวะเนี่ย ได้ยินแล้วจะเป็นไร...ความจริงก็เป็นอย่างงั้นอยู่แล้ว กูจะมาห่วงความรู้สึกเด็กนั่นทำไมเนี่ย ไร้สาระฉิบหาย ผมปิดประตูลงอีกครั้งก่อนเอามือขึ้นขยี้ผมตัวเองแล้วหันหลังวิ่งไปที่รถตัวเองทันที Minarin Talk ฉันนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนรถประจำทางเลยหอฉันไปจนสุดสาย บ้าฉิบ...คำพูดของเขาทำให้ใจฉันหลุดลอยไปไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ ฉันรีบลงจากรถทันทีที่รถจอดป้ายสุดท้าย กลับไงวะเนี่ย..เดินไปเรื่อยๆ แล้วกัน ดีนะที่มันแค่สามป้ายเท่านั้นไม่ไกลเท่าไร แปะ...แปะ...ซ่า….ซ่า/// แต่เอ๊ะ! ฉันเงยหน้ามองขึ้นฟ้าแล้วก็มั่นใจมากขึ้นเมื่อมีน้ำใสๆ ตกมากระทบบนแก้มฉันเม็ดใหญ่...ก่อนจะกระหน่ำตกลงมาแบบไม่ทันตั้งตัวจนฉันต้องวิ่งเข้าหลบใต้หลังคาป้ายรถประจำทาง พลางถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ความซวยของฉันนี่มันเยอะมากจริงๆ จะมีโชคดีกะเขาบ้างไม่ได้รึไงวะ ตกหนักขนาดนี้เมื่อไรจะหยุดล่ะ...ฟ้าก็มืดลงเรื่อยๆ ฉันได้แต่นั่งมองผู้คนขึ้นรถไปทีละคนสองคน จนตอนนี้เหลือแค่ฉันคนเดียวที่ไม่มีใครมารับสักที จะมีได้ไง..ก็ฉันเองยังไม่รู้เลยว่าจะโทรบอกให้ใครมารับ เพลินเหรอ...บ้านมันอยู่ตั้งไกล แล้วฝนก็ตกหนักแบบนี้ อันตรายจะตายจะกล้าโทรบอกให้มันมารับได้ยังไง ฉันก็คงได้แต่นั่งคอตกรอฝนหยุดต่อไป “ไปเถลไถลที่ไหนมา ถึงได้มาติดฝนอยู่แบบนี้” ฉันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองร่างสูงตรงหน้าที่กำลังถอดเสื้อแจ็คเก็ตสีดำของเขามากางคลุมหัวให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะเผลอเรียกชื่อเขาออกมาเสียงแผ่ว “พี่นนท์” “ก็พี่อะดิ คิดว่าใคร...หืม” พี่นนท์พูดขึ้นพลางเอามือโยกหัวฉันเบาๆ นี่ฉันผิดหวังเหรอวะ...ที่คนตรงหน้าเป็นพี่นนท์ บ้าไปแล้ว มิณาริน...มึงจะมารอเขาแบบนี้ไม่ได้นะ จะว่าไปก็ไม่เจอพี่เขามาสักพักแล้วนะ พี่นนท์เป็นรุ่นพี่ผู้ชายคนเดียวที่ฉันสนิทมากที่สุดเพราะเขาอยู่ข้างบ้านของเพลิน ก็เลยได้รู้จักกันและสนิทกันไปโดยปริยาย แถมพี่นนท์ยังเก่งมากๆ ด้วยช่วยแก้งานให้ฉันตั้งหลายครั้ง แต่บ้านพี่เขาไม่ได้ผ่านทางนี้นิ...แล้วเขามาทำอะไรแถวนี้นะ “พี่มาทำไรแถวนี้” “รีบไปขึ้นก่อนรถดีกว่า พี่เปียกหมดแล้วเนี่ย” เขาเอ่ยขึ้นพลางบีบไหล่ฉันให้ลุกขึ้นเบาๆ ก่อนจะเอามือกดหัวฉันให้แนบไปกับไหล่ของเขาแล้วพาฉันวิ่งไปขึ้นรถอย่างทุลักทุเล เขาเปิดประตูแล้วรีบดันฉันขึ้นรถก่อนที่ตัวเองจะรีบวิ่งฝ่าฝนอ้อมไปขึ้นอีกฝั่ง “เปียกโชกเลยทีนี้ พรุ่งนี้ต้องเอารถไปคาร์แคร์แน่ๆ มิณหยิบผ้าข้างหลังให้พี่หน่อยดิ” เสียงบ่นอุบอิบดังออกมาจากปากเขาทันทีที่ขึ้นมานั่งบนรถพลางปัดเนื้อปัดตัวที่เปียกปอนไปทั้งตัว ก่อนหันมาบอกฉัน ฉันจึงรีบหันไปหยิบผ้าขนหนูที่ถูกพับไว้อย่างดีบนเบาะด้านหลัง แต่มันดันอยู่หลังเบาะคนขับฉันเลยต้องเอี้ยวไปจนสุดแขนเพื่อหยิบมันก่อนจะหันกลับมาแล้วพบว่าหน้าฉันแทบจะจนกับหน้าพี่นนท์ที่กำลังมองหน้าฉันอยู่พอดี ฉันเลยรีบดึงตัวกลับมานั่งที่เดิมพลางยื่นผ้าให้พี่นนท์โดยที่ไม่หันไปมองหน้าเขาแม้แต่น้อย ความจริงก็ไม่ได้เขินเท่าไรนะแค่คิดว่ามันไม่ควรเท่านั้นเอง “ว่าแต่มิณมาทำไรแถวนี้อะ” พี่นนท์เอ่ยถามขึ้นพลางเช็ดผมตัวเองไปด้วย “นั่งรถเลยอ่ะ” “ห๊ะ! นั่งรถเลย ใครทำให้น้องสาวพี่ใจลอยได้ขนาดนั้นนะ หึ” พี่นนท์ร้องอุทานออกมาอย่างตกใจก่อนจะเอื้อมตัวมาเช็ดผมให้ฉันด้วยผ้าผืนเดียวกันกับที่เขาใช้เมื่อกี้ ฉันตกใจนิดหน่อยกับการกระทำของเขา พอได้สติฉันเลยแย่งผ้ามาจากมือเขาแล้วเช็ดผมตัวเองอย่างลวกๆ แก้เขิน... แต่ฉันน่ะ Keep look โคตรเก่งไม่สนิทจริงอย่าหวังจะได้ยิ้มจากฉัน แต่อันเนี่ยเขินจริง ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครมาเช็ดผมให้แบบนี้เลย... “มิณเช็ดเองได้น่า ใจลอยไรเล่า หลับต่างหาก” พอฉันพูดจบพี่นนท์ก็ยักไหล่ให้ฉันทำท่าทางเหมือนกับไม่เชื่อที่ฉันพูดยังไงยังงั้นก่อนจะขับรถออกมาจากตรงนั้นไปตามทางที่จะไปหอฉัน ใช้เวลาไม่นานรถของพี่นนท์ก็เคลื่อนมาจอดหน้าหอฉัน “ขอบคุณนะคะ ที่มาส่ง ขับรถกลับดีๆ ด้วยล่ะ” “ครับผม” พี่นนท์ตอบรับพลางทำมือขึ้นตะเบ๊ะที่หัวด้วยหน้าตาทะเล้นๆ ของเขาแล้วส่งยิ้มหวานกลับมาให้ฉัน ฉันเปิดประตูลงจากรถและเดินขึ้นห้องไปอาบน้ำสระผมทันที สักพักฉันก็เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ พอหันไปเห็นโต๊ะหนังสือของตัวเองก็อดนึกถึงเขาไม่ได้ คำพูดเขาที่ฉันพยายามจะไม่เอามาใส่ใจแต่มันกลับดังก้องอยู่ในหัวฉันตลอดเวลา สิ่งที่เขาพูดมันก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอวะ...เขาก็ต้องการแค่ไม่ต้องหมั้นกับผู้หญิงคนนั้น ส่วนฉันก็ต้องการแค่เงิน แฟร์ๆ ..อย่าคิดเยอะดิวะ..ฉันสะบัดหัวไล่ความคิดพวกนั้นออกไปก่อนจะเตรียมตัวเข้านอน …… …… ……
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD