THE FLIRT : 01

1328 Words
วันต่อมา….. “ทำไมมาเช้าจังวะ” ฉันเงยหน้าขึ้นจากจอมือถือแล้วมองไปยังต้นเสียงเห็นร่างหญิงสาวคราวเดียวกับฉันที่คุ้นตาวางกระเป๋าลงบนโต๊ะพลางหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ตรงข้ามฉัน มันคือ เพลินตาเพื่อนสนิทสุดที่รักของฉันเอง ความจริงก็ไม่รู้ว่ามันมาคบฉันได้ยังไงเพราะฐานันดรเราโคตรจะแตกต่างแต่มันแม่งโคตรนิสัยดีแล้วก็จริงใจสุดๆ “นอนไม่ค่อยหลับ” ฉันตอบไปแบบปัดๆ แล้วก้มหน้าลงเล่นมือถือต่อเพราะฉันกำลังง่วนอยู่กับการเสิร์ชหางานจากกูเกิ้ล “หน้ายังเงี้ย ไม่ได้งานชัวร์” “รู้แล้วถามทำไมวะ” ฉันเงยหน้าขึ้นมองเพลินตาขวาง แม่งรู้ดียังกะตาเห็น คิดถึงเรื่องเมื่อวานแล้วก็หงุดหงิดชะมัด แล้วเพลินก็ด่าฉันด้วยประโยคเดิมๆ ที่ฟังมาตั้งแต่ปีหนึ่ง “กูบอกให้ไปทำกะม๊ากูก็เสือกหยิ่ง ว่าแต่ช่วงนี้ไม่มีใครมาจ้างสอนพิเศษเลยเหรอวะ” ฉันได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่..ไม่ใช่ว่าฉันหยิ่งหรอกนะแต่ฉันเกรงใจมากกว่า ถ้าไปทำงานที่บ้านมันมีหวังม๊าเพลินได้เสียตังค์จ้างฉันฟรีแน่เพราะลูกสาวตัวดีของท่านต้องลากฉันไปไหนมาด้วยตลอดคงจะไม่ได้ทำงานจริงๆ หรอก เหมือนจ้างฉันไปอยู่เป็นเพื่อนลูกเขาเฉยๆ “เห้ยๆ มึง” เพลินมันเอื้อมมือมาสะกิดแขนฉัน “อะไร” “นั่นมัน…” ฉันเงยหน้ามองเพลินแต่สายตามันไม่ได้มองมาที่ฉันเลยสักนิด..แถมยังทำหน้าแบบช็อกสุดๆ ฉันเลยหันหลังกลับไปดูว่ามันช็อกกับอะไร...จะมีอะไรที่ทำให้อีนี่ช็อกได้นอกจาก “เชี่ยยย…” ฉันรีบหันหน้ากลับมาทันที ผู้ชาย...อีนี่มันช็อกเพราะผู้ชายสามคนที่กำลังเดินมาทางนี้ คือสามคนที่ฉันเจอเมื่อวาน พวกเขามาทำไรที่นี่วะ ตึกวิศวะไม่ได้ผ่านทางนี้ซะหน่อย “มึงงง รุ่นพี่เขาเดินมาทางนี้วะ” อีเพลินพูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นสุดๆ พลางเอามือมาตีแขนฉันรัวๆ ฉันไม่กล้าหันไปมองด้วยซ้ำ เขาคงจำฉันไม่ได้หรอก...เป็นไปไม่ได้เขาจะมาฉันทำไม หลงตัวเองไปหน่อยแล้วมั้งอีมิณ แต่ก็ไม่ควรจะเสี่ยง ฉันรีบหยิบกระเป๋าแล้วลุกออกมาจากตรงนั้นทันทีปล่อยให้อีเพลินมันนั่งช็อกอยู่นั่นก่อน ฉันวิ่งขึ้นบันไดมายังชั้นสองของอาคารและคิดว่าน่าจะปลอดภัยแล้ว แล้วกูจะหนีทำไมเนี่ยไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ ฉันเอามือขึ้นทึ่งผมตัวเองอย่างหัวเสียก่อนจะเดินเข้าไปนั่งในห้องนั่งฟุบหน้าลงกับโต๊ะกะว่าจะหลับสักงีบก่อนเข้าคลาสแต่หัวยังไม่ทันถึงโต๊ะก็ต้องสะดุ้งจนสุดตัวกับเสียงสิบแปดปรอทของเพื่อนสนิท “อีมิณ...อีมิณ!!!” ทำไมมันหายช็อกเร็วนักวะ...อีเพลินมันปลื้มรุ่นพี่ยูตะบ้ากามนั่นจะตาย นี่ถ้ารู้ว่ารุ่นพี่ทำอะไรกับฉันนะ มีหัวฉันโดนฆ่าแน่ๆ ว่าแต่ทำไมถึงสลัดภาพนั้นออกไปจากหัวไม่ได้ซะทีนะ ฉันทำท่าขนลุกแล้วสะบัดหัวเอาความคิดพวกนั้นออก ก่อนจะหันไปหาอีเพื่อนบ้าผู้ชายที่วิ่งเข้ามาเรียกฉันหน้าตาตื่นก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ ฉัน “แดกนกหวีดไปรึไงวะ แสบแก้วหูฉิบหาย” “เล่ามาเดี๋ยวนี้ อะไร ยังไง” มันพูดพลางเอามือขึ้นขนาบหน้าฉันก่อนออกแรงหันหน้าฉันมาสบตากับมัน อะไรของมันวะ พอฉันจะหันหน้าหนีมันก็ออกแรงขืนไว้แล้วจ้องฉันอย่างเอาเป็นเอาตาย “อะไรของมึง” ฉันพูดแล้วออกแรงดึงมือของเพลินออกจากใบหน้า “ก็รุ่นพี่พวกนั้นไง…” “ทำไม!” ฉันโพล่งขึ้นอย่างตกใจ มันรู้เรื่องอะไรมาถึงมาถามแบบนี้ พวกเขาบอกอะไรมันงั้นเหรอ “รุ่นพี่ดินเขาฝากนี่ให้มึง” มันพูดแล้วยื่นบัตรอะไรสักอย่าง..ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นนามบัตรมาให้ฉัน แต่พอฉันจะหยิบมันก็รีบดึงกลับเข้าหาตัวมันทันที “บอกมาก่อน เร็ว กูเพื่อนมึงนะ” “กูไม่เอาก็ได้” ฉันบอกมันอย่างไม่สนโลกแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะอีกครั้ง ความจริงก็ไม่ได้อยากรู้หรอกฉันไม่ค่อยได้สนใจเรื่องพวกนี้อยู่ ถ้ามันอยากได้ฉันก็ให้มันอยู่ดี “เห้ย ไม่ได้ดิวะ งั้นโทรไปเร็ว กูอยากรู้” เพลินพูดพลางเขย่าแขนฉันคะยั้นคะยอให้โทรไปหาเบอร์ที่อยู่ในนามบัตรนั่น สุดท้ายต่อมเผือกของมันก็ทนไม่ไหวอยู่ดี หึ ฉันผงกหัวขึ้นพลางยกยิ้มขึ้นมุมปากก่อนจะหยิบนามบัตรนั่นมาจากมือเพลิน นีรดาร์...งั้นเหรอ ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีคืออะไร ให้ฉันมาทำไม ฉันหันไปมองหน้าเพลินแบบงงๆ ส่วนมันก็ยักไหล่กลับมาให้ฉัน เหมือนประมาณว่ากูไม่รู้ แต่คือมันเป็นคนรับมาทำไมเสือกไม่ถาม ฉันหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์แล้วโทรออกทันทีก่อนยกขึ้นแนบหูโดยมีอีเพื่อนตัวดีเอาหูมาแนบมือถือฉันไว้อีกที ตื๊ดดดด... โฮะรับเร็วแฮะ รออยู่แงๆ “คือ…” [อ่อ ฉันกำลังรออยู่พอดี ฉันอยากจะขอบคุณที่เธอเอาของมาคืนให้แล้วก็อยากจะขอโทษเรื่องที่ยูตะทำกับเธอด้วยน่ะ’] เอาแล้วไง...มีชื่อรุ่นพี่ยูตะด้วย มีหรอที่อีคนข้างๆ ฉันมันจะอยู่เฉย ฉันเหลือบไปมองหน้ามันนิดหนึ่งแล้วรีบหลบตาทันที สายตาน่ากลัวสุดๆ เขียวปัดยังกะจงอางหวงไข่ กูจะรอดไหมเนี่ย ฉันเลยรีบเอ่ยขัดขึ้นก่อนที่เธอจะพูดอะไรเยอะกว่านี้ “อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ใช่ไหมคะที่คุณอยากคุยกับหนู..” [เดี๋ยวซิ ฉันอยากหาคนช่วยทำบัญชีน่ะ สนใจไหม…] “สนใจค่ะ” พอฉันได้ยินเรื่องงานๆ เงินๆ ก็รีบตอบรับทันทีโดยไม่ลังเลเลยสักนิด เหมือนสวรรค์มาโปรด เยสสส!! ดีนะที่ตัดสินใจโทร งานนี้ตรงกับสาขาฉันพอดีไม่ยากเลยถ้าฉันคิดจะทำ ดีซะอีกฝึกสมองไปด้วย [งั้นเย็นนี้เข้ามาหาฉันที่ผับนะ มาถูกไหม ถ้าไม่ถูกมากับ…] “ถูกค่ะ ขอบคุณนะคะ” ติ๊ด.... ฉันรีบเอ่ยขัดขึ้นอีกครั้งเพราะกลัวว่าเธอจะให้ฉันไปกับรุ่นพี่พวกนั้นและถ้าเพลินรู้นะมีหวังฉันชวดไปอีกงานแน่ๆ “เอ้า...อะไรวะ กูยังจับใจความไม่ได้เลย วางแหละ” “เขาอยากได้คนไปช่วยงานอะ ไม่มีไรหรอก” ฉันบอกมันพลางเอามือโยกหัวเพลินไปมาอย่างอารมณ์ดี ฉันจะได้งานแล้ว รอดตายแล้วฉัน “ไม่มีได้ไง บอกหน่อยนะ...นะ” เพลินมันปัดมือฉันออกพลางเอาหัวมาซบไหล่ฉันพลางทำเสียงออดอ้อน เหอะ...มันชอบทำแบบเนี่ยจนคนอื่นเขาคิดว่าเราเป็นคู่เลสเบียนกันหมดคณะแล้ว ฉันเลยค่อยๆ ผลักหัวมันออก “อย่ามา มึงถอยไปไกลๆ เลย กูขนลุก” “ขนลุกเหรอ ถ้าไม่บอกกูหอมแน่...อื้ออ” แล้วเพลินมันก็ทำปากจู๋ยื่นหน้ามาจะหอมแก้มฉัน ฮึ้ยยย อีนี่ท่าจะบ้า ฉันรีบเอามือขึ้นดันหน้ามันไว้ เราเล่นกันอย่างงี้ตลอดเป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่มีมันสักคนชีวิตฉันคงจะเหงาแย่เลย ......... ........
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD