THE FLIRT : 06

1504 Words
ก๊อกๆ ๆ ทำไมถึงเร็วนักวะ...ฉันหยิบเลคเชอร์ที่มันจะเอาแล้วเดินไปเปิดประตูทันที แต่คนที่ยืนอยู่หน้าประตูไม่ใช่เพื่อนฉัน..แต่เขาคือคนที่ฉันไม่อยากเจอที่สุด ฉันรีบดันประตูปิดทันทีแต่รุ่นพี่ยูตะแรงเยอะกว่าเขายกแขนขึ้นดันประตูไว้แล้วผลักมันเข้ามาอย่างแรงจนตัวฉันเซถลาไปข้างหลังดีที่เขาเข้ามาคว้าตัวฉันไว้ก่อนที่จะล้มลงกับพื้นแล้วใช้มืออีกข้างปิดประตูห้องพร้อมกดล็อกทันที “มะ...มาได้ไงเนี่ย คุณ…” “หืม” เขาคำรามเสียงขัดขึ้นในลำคอพลางหรี่ตามองฉันอย่างจับผิดเพราะฉันกำลังขัดคำสั่งเขาไม่ได้เรียกอย่างที่เขาต้องการ คนอะไรเอาแต่ใจชะมัด “ปล่อย!” ฉันพูดเสียงแข็งพลางผลักเขาออกอย่างแรงจนเขาเซไปชนประตูจนฉันตกใจ ปกติเขาไม่ได้แรงน้อยอย่างงี้นิ แล้วทำไมผลักนิดเดียวถึงได้เซไปขนาดนั้นล่ะ หรือเขาไม่ได้ตั้งใจจะออกแรงตั้งแต่แรกเขาแค่ประคองฉันเอาไว้เท่านั้น ปึกกกก/// อ๊ะ// “ซี๊ดดด รุนแรงนะเรา เดี๋ยวก็ตบ เดี๋ยวก็ผลัก เฮียระบบไปหมดแล้วเนี่ย” เขาพูดพลางเอามือไปจับไหล่ซ้ายที่กระแทกกับประตูเมื่อกี้ด้วยสรรพนามแทนตัวเองที่มันทำให้ใจฉันเต้นแรงขึ้นมาดื้อๆ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ ทำไมฉันประหม่าขนาดนี้..ทั้งที่เขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ “แล้วคุณมาทำอะไร แล้วรู้ที่อยู่ฉันได้ไง ออกไปเลยนะ จะมาทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้ไม่ได้นะ” พูดจบฉันก็รีบดันร่างสูงเพื่อให้เขาออกจากห้องฉันไปให้เร็วที่สุด เพื่อนก็จะมา..ถ้ามาเห็นเขาอยู่แบบนี้เป็นเรื่องแน่ “หนึ่งพัน เดือนนี้เหลือ สี่หมื่นเก้า” “ฮะ!!” สิ้นเสียงเขาฉันร้องขึ้นอย่างตกใจและหยุดการกระทำรีบดีดตัวยืนตรงทันที อะไรกัน...เขาจะมาเที่ยวหักเงินฉันแบบนี้ไม่ได้นะ “เมื่อกี้เราเรียกเฮียว่าอะไรล่ะ” เขาเลิกคิ้วถามพลางโน้มหน้าลงมาให้อยู่ในระดับเดียวกับฉัน แล้วยกยิ้มขึ้นมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ฉันรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นดันแผงอกแกร่งของเขาเอาไว้ก่อนจะเอ่ยต่อว่าเขาเสียงเรียบ “เอาแต่ใจ...มากเกินไปแล้วนะ” ก๊อกๆ ๆ  ฉันรีบหันไปมองประตูหน้าตาตื่นและจับข้อมือรุ่นพี่ยูตะที่กำลังจะเอื้อมไปบิดลูกบิดเพื่อเปิดประตูไว้ก่อนพลางส่ายหน้าเลิ่กลั่กให้เขาแล้วรีบลากตัวเขาเข้ามาในห้องน้ำทันที “อยู่ในนี้ห้ามออกไปนะ เข้าใจไหม” ฉันเอ่ยบอกเขาเสียงแผ่วจนแทบจะไม่ได้ยินด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนสุดๆ เหมือนแอบพาผู้ชายเข้าบ้านแล้วพ่อแม่จับได้ยังไงก็ไม่รู้ ฉันกำลังจะหันกลับเพื่อจะออกจากห้องน้ำแต่รุ่นพี่ยูตะรั้งแขนฉันให้หันกลับมาหาเขาแล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย “ทำไม แฟนเรามาเหรอ แต่ไอ้รุ่นน้องมันบอกมิณาไม่มีแฟนหนิ” “เพื่อน ห้ามส่งเสียงด้วยรู้ไหม” ฉันตอบเขาด้วยสีหน้าที่ร้อนรนขึ้นเรื่อยๆ เสียงเคาะประตูก็ยังคงดังอย่างต่อเนื่องเร่งเร้าฉันจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วเนี่ย ฉันรีบแกะมือเขาออกแล้ววิ่งไปที่ประตูก้มหยิบเลคเชอร์ที่ล้วงอยู่กับพื้น สูดลมหายใจเข้าปอดก่อนพ่นมันออกมาทางปากเพื่อปรับให้ดูเป็นปกติมากที่สุด “มาแล้วๆ” ฉันทำเอ่ยบอกคนข้างนอกก่อนจะเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตูแล้วแง้มน้อยๆ เพื่อส่งเลคเชอร์ออกไปให้น้ำที่ยืนทำหน้าเหวี่ยงอยู่ด้านนอก “มึงทำห่าไรอยู่วะ กูเคาะตั้งนานแล้วเนี่ย นี่มึงเป็นอะไร ซ่อนอะไรไว้” พอมันด่าฉันเสร็จก็ทำท่าชะเง้อมองเข้ามาในห้องก่อนจะดันประตูเพื่อจะเข้ามาในห้องฉันให้ได้แต่ฉันก็ขืนมันสุดแรงเหมือนกัน แม่งเอ๊ย..ทำไงดีวะ จะปล่อยให้เข้ามาได้ไงเล่า “เห้ยมึง กูโป้อยู่ ก็กูกำลังอาบน้ำยังไม่เสร็จเลยเนี่ย รีบมาเปิดประตูให้มึงก่อน” ฉันจำเป็นต้องโกหกมันออกไปแบบนั้นเพื่อไม่ให้มันสงสัยและเข้ามาในห้องฉัน ดีนะที่เอาตัวแอบไว้หลังประตูมันเลยไม่เห็นว่าฉันใส่ชุดนอนเรียบร้อยแล้ว “แน่ใจ” มันหรี่ตาถามฉันอย่างสงสัย ฉันรีบพยักหน้าให้มันแทนคำตอบแล้วยัดเลคเชอร์ใส่มือมัน “เออๆ งั้นกูกลับแหละ..แต๊งค์มึง” ฉันปิดประตูลงหันหลังพิงประตูและถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่สุดท้ายมันก็ยอมกลับไปทั้งที่หน้าตามันดูลังเลและสงสัยเอามากๆ ตัวปัญหาจริงๆ ฉันจะทำยังไงกับผู้ชายเอาแต่ใจคนนี้ดีนะ ฉันเดินไปเปิดประตูห้องน้ำเห็นเขารีบโดดลงจากเคาน์เตอร์ล้างหน้าแล้วหันมายิ้มให้ฉันอย่างดีใจราวกับกำลังรอให้ฉันมาเปิดประตูอยู่อย่างงั้นแหละ...จะเป็นไปได้ยังไง นี่ฉันคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย ไร้สาระที่สุด “เพื่อนไปแล้วเหรอ” “อืม คุณ เอ้ย! ฮะ...เฮียก็กลับไปได้แล้ว” ฉันรีบกลับคำแทบไม่ทันจนเขาหลุดยิ้มน้อยๆ ออกมาในท่าทางของฉัน ก็เล่นเอาเงินมาขู่แบบนั้น...จนๆ อย่างฉันก็แพ้ไปซิ “หึ กลับได้ไง ยังไม่ได้คุยธุระเลย” พูดจบเขาก็ลากฉันออกมาจากห้องน้ำแล้วพาฉันมานั่งที่เตียง ส่วนเขาก็เดินที่โต๊ะหนังสือหยิบมือถือฉันและยกเก้าอี้มาวางหน้าฉันก่อนนั่งลงบนเก้าอี้นั่น ห้องฉันมันเล็กน่ะ ไม่มีที่ตอนรับแขกหรอกแต่ก็ยังดีที่เขาไม่ถือวิสาสะมานั่งบนเตียงฉัน “ปลดล็อก” เขาส่งมือถือมาให้ฉันแล้วเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง “ทำไม” “ไม่ต้องถาม เร็ว ถ้าดึกมากเขาปิดประตูข้างล่างเฮียได้นอนนี้นะ” ฉันปลดล็อกหน้าจอมือถือแล้วส่งให้เขาอย่างจำยอมก่อนจะเอ่ยบอกเขาเสียงแผ่ว “ความจริงอยู่กันสองคน ไม่ต้องเรียกแบบนั้นก็ได้มั้ง” “ไม่ได้เดี๋ยวมันไม่ชิน เกิดหลุดขึ้นมาซวยแน่ เฮียไม่อยากหมั้นกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ นะ มีแค่มิณาคนเดียวที่ช่วยเฮียได้” เขาพูดขึ้นโดยที่ยังไม่ละสายตาจากมือถือของฉัน ทำไมเขาถึงอ่อนลงได้ขนาดนี้ ผิดกับคนที่ฉันเจอเมื่อช่วงหัวค่ำเลยราวกับคนละคน แต่คำพูดเมื่อกี้...เขาไม่อยากหมั้นกับผู้หญิงคนนั้นแล้วมาบอกฉันทำไม...ทำไมถึงเป็นฉันคนเดียวที่ช่วยเขาได้ ทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองสำคัญขึ้นมายังไงยังงั้นทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาพูดออกมาโดยไม่ได้คิดอะไร เขาแค่อยากให้แผนตัวเองสำเร็จก็เท่านั้น ยังจะเสือกคิดตามเขาอีกทำไมวะ “อะ อันนี้เบอร์เฮีย” เขาเงยหน้าขึ้นส่งมือถือมาให้พร้อมกับชะงักไปนิดหนึ่ง ฉันรับมือถือแล้วหน้าหนีไปอีกทางอย่างรีบร้อนแต่ก็ไม่ทันอยู่ดีเขาเห็นแน่ๆ ว่าฉันกำลังมองเขาอยู่ บ้าฉิบ… “แค่นี้ใช่ไหม..กลับไปได้แล้ว เดี๋ยวประตูปิดก่อน” ฉันรีบลุกเดินนำเขามาที่ประตูทันที ต้องให้เขากลับไปเดี๋ยวนี้ ฉันไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิดประหม่าไปหมดแล้วเขาก็ลุกตามฉันมาอย่างจำยอม อยู่ได้ก็หน้าด้านไปแล้วแหละ ไล่ขนาดนี้ “เครๆ ตอนแรกกะว่าจะคุยให้จบไปเลยแต่เดี๋ยวเฮียส่งข้อมูลมาให้ในไลน์แทนละกัน ข้อมูลที่มิณาต้องจำให้ได้เกี่ยวกับเฮียน่ะ” “ฉันชื่อมิณ” ฉันพูดย้ำเขา เรียกมิณาอยู่ได้ ชื่อก็มี ได้ยินเรียกแบบนี้ทีไรใจไม่ดีทุกที.. “ก็อยากเรียกแบบนี้อะ น่ารักกว่าตั้งเยอะ” อื้ออออ>//// เขาพูดจบแล้วเอามือขึ้นมาหยิกแก้มฉันทั้งสองข้างด้วยพลางทำหน้าแบบหมั่นไส้ฉันสุดๆ อีกด้วย ฉันรีบเอามือเขาออกหันไปเปิดประตูดันร่างสูงออกไปให้พ้นๆ ห้องฉันแล้วปิดประตูลงทันที แต่ก็ยังไม่วายส่งเสียงหวานล้อเลียนฉันอยู่ด้านนอกนั่น เขานี่มัน...ตัวอันตรายชัดๆ ฉันรีบเอามือขึ้นปิดหู ฉันไม่อยากได้ยินเสียงเขาแม้แต่นิดเดียว...ม่ายยย “ฝันดีนะครับ พรุ่งนี้เจอกันนะหนูมิณา~”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD