“พี่จะไม่ทำให้มิณลำบากใจหรอก เฝ้าดูห่างๆ มาสองปียังทำได้ก็แค่ยืดเวลาออกไปอีกหน่อยจะเป็นไรไป แต่พี่จะไม่ยอมแพ้ จนกว่ามิณจะแต่งงานจำไว้” พี่นนท์พูดจบก็เอื้อมมือมาโยกหัวฉันเบาๆ ด้วยความเอ็นดู แต่แปลกที่ฉันไม่มีความรู้สึกอื่นนอกจากรู้สึกผิดเท่านั้น ฉันทำได้แค่พยักหน้าให้ผู้ชายตรงหน้าที่ทั้งแสนดี อบอุ่น เพียบพร้อมไปซะทุกอย่าง แต่ฉันดันไม่เลือกเขา ฉันยังมีเวลาหาคำตอบให้ตัวเองอีกตั้งสามเดือนถ้าพี่เขายังรอฉันอย่างที่พูดจริงๆ นะ ฉันก็จะเสี่ยงดู
ฉันเปิดประตูลงจากรถและปิดมันเข้าไปอย่างเบามือก่อนที่รถพี่นนท์จะเคลื่อนผ่านหน้าฉันไป ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินไปหาบุคคลที่ได้ชื่อว่าอันตรายมากสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างฉันที่ตอนนี้เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างยืนพิงรถสปอร์ตคันหรูของตัวเองอยู่
“เฮียมีอะไร”
“ไปคุยบนห้อง” เฮียยูตะเอ่ยขึ้นเสียงแข็งพลางเอื้อมมือมาจับไหล่ฉันทั้งสองข้างและหมุนกลับหลังออกแรงดันให้เดินไปข้างหน้าแต่ฉันขืนแรงเขาไว้ก่อนจะแกะมือเขาออกจากไหล่เล็กของฉันทั้งสองข้างและหันกลับไปจ้องหน้าเฮียอย่างไม่ยอมแพ้พลางปฏิเสธกลับไปเสียงแข็งเช่นกัน
“ไม่ คุยตรงนี้แหละ”
“ดื้อจังวะ แม่งเอ๊ย ปวดหัวฉิบ” เฮียยูตะสบถออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะหันไปเปิดประตูฝั่งคนนั่งออกแล้วทิ้งตัวลงนั่งพร้อมเอนพิงเบาะอย่างแรง เฮียเอามือขึ้นบีบขมับตัวเองพลางทำหน้าเหยเกคล้ายกับกำลังเจ็บปวด เทียวไปเทียวมาแบบนี้ไข้ขึ้นแหงๆ
เขาเอามือออกแล้วยันตัวขึ้นพลางสะบัดหัวไปมาเบาๆ เพื่อบรรเทาความปวด แต่นี่มันใช่วิธีที่ทำให้หายปวดหัวเหรอวะ ใครกันแน่ที่ดื้อ
“รีบว่ามาดิ จะได้รีบกลับไปนอน เดี๋ยวก็ตายห่าก่อนหรอก” ฉันพูดขึ้นเสียงเรียบแล้วหันหลังพิงรถสปอร์ตคันหรูนั่นอย่างถือวิสาสะ
พรึบบบ
อ่ะ///
ปึงงงง
เฮียยูตะดึงฉันลงไปนั่งตักเขารวบขาฉันเข้ามาในรถและดึงประตูรถปิดเข้ามาก่อนจะกดรีโมทสตาร์ทรถทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนฉันงงไปหมด รู้ตัวอีกทีคือฉันนั่งอยู่หว่างขาเขาแถมยังเบี่ยงตัวหันไปคล้องคอเขาไว้อีกต่างหาก และท่านี้มัน...ล่อแหลมเกินไป
ปึก...โอ๊ยยย
ฉันรีบดันตัวขึ้นด้วยความตกใจจนไม่ทันระวังทำให้หัวฉันกระแทกกับหลังคารถอย่างจังก่อนจะร้องออกมาเพราะความเจ็บพลางเอามือขึ้นลูบหัวตัวเองป้อยๆ
“เห้ย! เป็นไรไหม ไหนเฮียดูดิ” เฮียยูตะอุทานขึ้นอย่างตกใจพลางเอื้อมมือมากดหัวฉันลงกับแผงอกเขาแล้วสำรวจดูหัวฉันด้วยความเป็นห่วง ฉันรู้สึกเหมือนมีไอร้อนออกมาจากตัวเขาจนเผลอเอื้อมมือขึ้นสัมผัสตรงคอเขาเบาๆ เพราะมันไร้สิ่งปิดกั้นและใกล้สุด
“ทำไมปล่อยให้ตัวร้อนขนาดนี้เนี่ย อยากตายรึไง แล้วยังจะมานั่งตากแอร์อยู่แบบนี้อีก” ฉันเผลอต่อว่าเขาอย่างร้อนใจ เพราะเขาตัวร้อนจี๋เลย ไข้สูงขนาดนี้ทำไมไม่ไปหาหมอ ยังจะดื้อด้านหอบสังขารมาถึงนี่อีก ฉันจะทำไงดี ขับรถก็ไม่เป็น อ๋อ...พอนึกขึ้นได้ฉันรีบควานหามือถือในกระเป๋าตัวเองแล้วหยิบออกมากดโทรออกหาพี่หนูดาพลางเอ่ยบอกคนตัวสูงตรงหน้า
“เดี๋ยวฉันจะโทรบอกให้พี่หนูดากับเฮียดินมารับเฮียไปหาหมอนะ ฉันขับรถไม่เป็น”
“ไม่ต้องโทร เฮียไม่ได้เป็นอะไร” เฮียยูตะพูดขึ้นเสียงแข็งพลางแย่งมือถือไปจากฉันแล้วกดวางสายทันที
“นี่ เอามานะ ทำไมเฮียดื้อแบบนี้ เดี๋ยวก็ช็อกตายหรอก เอามาให้ฉันเดี๋ยวนี้” ฉันโวยวายใส่เขาก่อนจะยื้อแย่งมือถือในมือหนาที่ตวัดแขนไปไว้ทางด้านหลังเบาที่เราสองคนนั่งอยู่ จนฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆ ที่เป่ารดซอกคอฉัน
ฉันผละออกทันทีที่รู้ตัวว่ากำลังนั่งคร่อมเขาไว้แล้วยังทิ้งตัวลงมาทับเขาอย่างเต็มที่เพื่อเอื้อมไปเอามือถือที่อยู่ข้างหลัง แต่เขาเลื่อนแขนทั้งสองขึ้นมาโอบเอวฉันไว้แน่นบวกกับสถานที่ที่โคตรจะคับแคบทำให้ฉันขยับตัวหนีเขาไม่ได้เลย
“เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าลูกจ้างเขาต้องเป็นห่วงเจ้านายขนาดนี้ มอบรางวัลลูกจ้างดีเด่นให้เลยดีไหมครับ” เฮียยูตะเอ่ยขึ้นเสียงหยอกล้อพลางมองฉันด้วยสายตาที่แสนเจ้าเล่ห์ของเขา
“คะ..ใครห่วงเฮีย มั่วจริงๆ ฉันห่วงจะไม่มีใครจ่ายเงินฉันต่างหากหล่ะ และก็ปล่อยฉันได้แล้ว” ฉันรีบแย้งคนหลงตัวเองตรงหน้าพลางหลุบตาต่ำพร้อมกับพยายามดันตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งแต่ก็ไม่สำเร็จ
“งั้นเหรอ ทำไงถึงจะจับผู้ร้ายปากแข็งได้นะ แถมยังโกหกเฮียเรื่องไอ้หน้าอ่อนนั้นอีก ลงโทษยังไงดีน้า” เฮียยูตะพูดขึ้นพลางกลอกตาไปมาราวกับกำลังใช้ความคิด นี่คนตรงหน้าฉันไม่สบายจริงรึเปล่านะ ถ้าฉันได้รับรู้ถึงไอร้อนจากตัวเขาคงจะไม่เชื่อแน่ๆ
“พิษไข้มันทำอะไรปากเฮียไม่ได้เลยซินะ พูดมากชะมัด” ฉันพูดว่าเขาอย่างอดไม่ได้
“ใช่ ปากเฮียยังใช้การได้อยู่ ได้ดีซะด้วย”
อื้อออออ
ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อผู้ชายตรงหน้าดึงฉันเข้าไปประกบจูบทันทีที่เขาพูดจบแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาในโพรงปากฉันอย่างรวดเร็วจนสติฉันกระเจิดกระเจิงไปไหนต่อไหน ไอร้อนจากพิษไข้ถูกพ่นออกมาจากลมหายใจเขาจนฉันสัมผัสได้ ฉันพยายามจะหันหน้าหนีแต่เขาเลื่อนมือหน้าขึ้นรั้งท้ายทอยไว้ให้รับสัมผัสของเขาอย่างเอาแต่ใจ จูบที่จู่โจมเข้ามาอย่างดุดันและไม่มีท่าทีว่าจะผ่อนลงทำให้ฉันกำลังจะขาดใจ ฉันเลยร้องท้วงขึ้นในลำคอพลางใช้กำปั้นน้อยๆ ทุบรัวที่แผงอกแกร่งนั่นจนในที่สุดเขาก็ยอมผละออก
แฮ่กๆ ๆ ๆ
“ทะ...ทำบ้าอะไรเนี่ย” ฉันต่อว่าออกไปด้วยเสียงป่นอาการหอบพลางใช้มือดันแผงอกเขาไว้แล้วเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ดีนะที่ฟิล์มติดกระจกรถเขาเป็นสีดำสนิทเลยทำให้ไม่มีใครสามารถมองเข้ามาเห็นว่าเราทำอะไรกันในรถ >////ฟอดดด///
หมับบ
พูดจบเฮียยูตะก็กดจมูกโด่งลงมาหอมแก้มฉันแล้วรับผละออกมาคว้าข้อมือฉันไว้แน่นก่อนที่จะฝาดลงบนหน้า
“มือไวนะเรา เดี๋ยวเถอะ...เฮียตบคืนนะจะบอกให้ แต่ไม่ใช้มือนะกลัวเราเจ็บ” เฮียยูตะพูดขึ้นด้วยแววตากรุ้มกริ่มก่อนเขาจะปล่อยมือฉันแล้วรีบปิดประตูรถเข้ามาทันที ฉันทำได้แค่ตะโกนด่าไล่หลังเขาไปเท่านั้น
“ไอ้เฮีย! ไอ้บ้ากาม!”
....
....