“เหมือนใคร?”
มิณาดึงแขนผมอย่างแรงเพื่อจะให้ผมหันกลับไปเผชิญหน้ากับเธอ ก่อนจะถามขึ้นพลางหรี่ตามองผมอย่างจับผิด หึ ร้อนตัวซินะ วัวสันหลังหวะก็จะเป็นแบบนี้แหละ
“ทำไม ร้อนตัว ไปทำอะไรอย่างงั้นมาซินะ” ผมเอ่ยเสียงเรียบพลางแสยะยิ้มขึ้นมุมปากก่อนจะเอียงคอมองหน้ามิณาที่ดูเหมือนเธอจะช๊อคไปชั่วขณะกับประโยคที่ผมพูดออกไป ก็แน่ล่ะ...ผมยิงเข้าประตูเต็มๆ ขนาดนั้น พลอดรักกันในรถท่ามกลางสายฝน เห็นแล้วหงุดหงิดชะมัด ตอนแรกก็ว่าจะไม่พูดแล้วนะเพราะเห็นว่าเธอถูกทำร้ายมา แต่ก็อดไม่ได้อยู่ดี ภาพนั้นแม่ง...หลอกหลอนผมทั้งคืนจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน
“โอ๊ะ! เฮียไปอยู่ใต้เตียงฉันมาเหรอคะ โทษทีนะเสียงดังไปหน่อย” มิณาทำท่าเอามือขึ้นปิดปากคล้ายตกใจก่อนจะจีบปากจีบคอพูดอย่างน่าหมั่นไส้ แต่ที่เธอพูด...แสดงว่ายัยตัวเล็กนี่ ผมแค่ประชดนะ ทำไมมันถึงเป็นเรื่องจริงได้ล่ะ ผมหลุดโพล่งขึ้นอย่างตกใจ
“นี่เธอกับไอ้หมอนั่น”
“ค่ะ..แล้วถึงฉันจะไปทำอะไรกับใคร ที่ไหน ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเฮียไม่ใช่เหรอ เฮียเป็นแค่นายจ้างนะ ไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตฉันซะหน่อย ทำไมต้องสน” มิณาพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน แต่ประโยคนี่มันย้อนกลับมาที่ผมได้ยังไงวะ แล้วทำไมมันทั้งเจ็บและจุกขนาดนี้ เล่นซะผมไปต่อไม่เป็นเลย ผมได้แต่ดึงตัวเองกลับมานั่งตรงๆ เหมือนเดิม
“มิณขอตัวไปทำงานนะคะ”
พอพูดจบมิณาก็ลุกขึ้นยืนและกำลังจะเดินออกไป ผมรีบคว้ามือเธอไว้แล้วหยิบถุงยายัดใส่มือเล็กนั่นโดยไม่หันไปมองหน้าเธอสักนิดแต่เธอดันแกะมือผมออกและจับไว้ก่อนจะเอาถุงยานั่นยัดใส่มือผมคืน ผมเลยหันไปมองหน้าเธอพลางขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัยก่อนเธอจะทิ้งท้ายด้วยประโยคที่ทำให้ผมจุกยิ่งกว่าเดิม
“เก็บไว้รักษาแผลตัวเองเถอะค่ะ”
แล้วมิณาหันหลังเดินออกไปจากห้องอย่างไม่สนใจไยดี เหอะ...อวดเก่ง ปากเก่ง กัดเก่ง ประชดเก่ง เก่งแม่งทุกอย่าง ผมกำถุงยานั่นแน่นราวกับจะให้มันแหลกคามือผมไปเลย ก่อนจะเขวี้ยงมันออกไปแบบไม่รู้ทิศทางพลางสบถออกมาอย่างหัวเสีย
“แม่งเอ๊ย!!”
“เจ็บสัส”
ผมหันไปมองไอ้เหี้ยดินตาขวางพลางชี้หน้ามันอย่างคาดโทษ ตอกย้ำกูดีจังไอ้เพื่อนเวร ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องนั้นแล้วปิดประตูลงอย่างแรง
ปึงงงงง
ผมไม่รู้ว่าหงุดหงิดกับเรื่องอะไรกันแน่ เรื่องที่ยัยตัวเล็กนั่นอวดเก่ง จองหองกับผม หรือ...เรื่องที่เธอกับไอ้หน้าอ่อนนั่นทำอะไรกันจริงๆ แต่ความจริงผมก็ไม่มีสิทธิ์โมโหแบบนี้ ไม่มีสิทธิ์ไปพูดประชดแบบนั้นด้วยไม่ใช่เหรอวะ แล้วหาเรื่องใส่ตัวให้เด็กมันย้อนด่าเอาแบบนี้ทำไมวะ โว้ยยย..ปวดหัวหนักเข้าไปอีก
.......
......
@บ้านเหมบดินทร์
เอี๊ยดดดดด
ผมเหยียบเบรกจมตีนจนเสียงดังสนั่น ก่อนจะเปิดประตูลงมาจากลงด้วยความโมโหและปิดมันลงอย่างแรงแบบไม่มีถนอมมันเลยสักนิด
“คุณหนูของนม เป็นอะไรไปคะ ใครทำอะไรให้ไม่พอใจ ไหนบอกนมมาซิ” เสียงหญิงชราบุคคลที่ทุกคนในบ้านต่างพากันเคารพนับถือเป็นที่สุดเอ่ยทักผมด้วยน้ำเสียงแหบพร่าที่ได้ฟังทีไรก็รู้สึกอบอุ่นทุกที เดินเข้ามากอดผมด้วยความคิดถึงเพราะผมไม่กลับบ้านมาหลายอาทิตย์แล้ว แต่อารมณ์ผมตอนนี้ไม่ปรับไม่ได้จริงๆ เพราะผมมาที่นี่ด้วยเรื่องของซายะ แต่ในหัวกลับคิดถึงคำพูดของมิณาอยู่ตลอดเวลา หลอนฉิบหาย ทั้งภาพบนรถนั่นแล้วจะมีเสียงที่ดังก้องอยู่ในโซนประสาทผมอีก ยิ่งทำให้โทสะเพิ่มขึ้นอีกเป็นหลายเท่า
“แม่อยู่ไหนฮะ ผมมีเรื่องต้องคุยกับแม่” ผมผละออกจากอ้อมกอดแม่นมและเอ่ยถามหาบุคคลที่ผมต้องการเจอมากที่สุด
“อยู่บนห้องค่ะ”
สิ้นเสียงแม่นมผมก็รีบขึ้นบันไดและตรงไปยังห้องของผู้เป็นแม่ทันทีพร้อมเปิดประตูเข้าไปอย่างถือวิสาสะ
“กลับเข้าบ้านมาแบบนี้เรื่องใหญ่แน่ๆ เลยใช่ไหม” แม่เอ่ยทักขึ้นทันทีที่ผมเปิดประตูเข้ามาก่อนจะหันมายิ้มให้ผมและหันกลับไปหน้ากระจกตามเดิมพลางหวีผมตัวเองต่อ ท่านรู้อยู่แล้วว่าผมจะต้องมา...แสดงว่าแม่รู้เรื่องที่ซายะทำแล้วซินะ
“หึ ใหญ่มากด้วย นี่แม่รู้เห็นเป็นใจกับยัยซายะนั้นเหรอ ทำไมทำแบบนี้ ไหนบอกจะไม่ยุ่งเรื่องนี้ไงฮะ แม่โกง” ผมเอ่ยออกไปอย่างหัวเสียแล้วเดินไปนั่งลงบนเตียงขนาดคิงไซซ์ของท่านด้วยท่าทางฟึดฟัดก่อนเอามือขึ้นกอดอกตัวเองแน่นพลางมองท่านตาขวาง
“แม่ไม่ได้ช่วยซายะนะ แต่ซายะมาเล่าให้ฟังเองต่างหาก” แม่เอ่ยขึ้นพลางวางแปรงหวีผมลงบนโต๊ะเครื่องแป้งสไตล์ญี่ปุ่นของท่านก่อนเอื้อมมือไปหยิบน้ำมันมาใส่ผมแบบสบายใจเฉิบ ยัยซายะนั้นเป็นผู้หญิงแบบไหนกันแน่วะ ทำเรื่องแบบนั้นแล้วยังมีหน้ามาเล่าให้คนอื่นฟังหน้าตาเฉย กลายเป็นผมเองที่อยู่ไม่เป็นสุข เอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่โคตรจะหงุดหงิด
“แล้วไงฮะ คุณยูริจะไม่ห้ามเธอหน่อยเหรอ ซายะเล่นแรงเกินไปแล้วนะ แม่จะปล่อยให้เธอมาทำร้ายผู้หญิงของผมตามใจชอบแบบนี้เหรอฮะ”
“ใจเย็นก่อนครับลูกชาย แม่บอกซายะไปแล้ว...แล้วเธอก็รับปากว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก” แม่รีบหมุนตัวหันมาหาผมแล้วเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะพูดเหน็บแนมท่าน ก็เห็นโปรโมทซะดี สุดท้ายก็ไม่ต่างจากผู้หญิงทั่วๆ ไปนั่นแหละ
“เป็นไงล่ะ อยากได้เป็นลูกสะใภ้นัก สมใจไหมครับคุณยูริ”
“ใครบอกแม่อยากได้ พ่อของลูกต่างหากไปสัญญากับคุณพ่อของซายะเอาไว้หน่ะ คุณยูริก็ไม่รู้จะช่วยคุณยูตะยังไงเหมือนกัน” แม่เอ่ยขึ้นพลางหมุนเก้าอี้หันกลับไปที่โต๊ะเครื่องแป้งของท่านตามเดิม โยนกันไปโยนกันมา แต่ตอนรับปากไม่เห็นมีใครโยนมาถามผมสักคน แถมโปรโมทไปซะดิบดีอีกต่างหาก ดีจริงๆ
“ทำไมแม่ไม่เรียกไอ้เฮียมารับผิดชอบเรื่องนี้อะ โยนมาให้ผมทำไม” ผมเลยโยนไปให้ไอ้เฮียมั้ง แม่งทำเรื่องไว้แล้วก็หายหัวไปเลย ผมไม่เห็นหน้ามันหลายวันแล้วเนี่ยไม่รู้ไปไหน
“ก็วันนั้นมันฉุกละหุกแม่ไม่รู้จะทำไงอ่า ว่าแต่คุณยูตะไม่ลองเปิดโอกาสให้ซายะหน่อยเหรอ เผื่อจะเข้ากันได้ไรงี้ไง” แม่พูดขึ้นทีเล่นทีจริงพลางลอบมองผมผ่านกระจกโต๊ะเครื่องแป้งของท่านก่อนทำท่าหัวเราะน้อยๆ
“ไม่!!” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง หัวเด็ดตีนขาดยังไงผมก็จะไม่หมั้นกับยัยซายะนั่นแน่ แล้วแม่ก็หมุนเก้าอี้กลับมาหาผมอีกครั้งก่อนออกแรงขยับเข้ามาหาผม เอื้อมมือมาจับมือผมไว้ทั้งสองข้างก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“โอ้เอ้..โอ้เอ้ อย่าโกรธแม่เลยนะ..นะ คืนนี้นอนนี้นะ แม่คิดถึงลูกจะแย่”
“ไม่ฮะ ตราบใดที่งานหมั้นยังไม่ล้มเลิก ผมจะไม่กลับมาที่นี่อีก คุณยูริจะไม่ได้เห็นหน้าผมอีกเลยด้วย” ผมพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังพลางแกะมือแม่ออก
“โอ๊ะ…! ไม่นะ...ไม่นะ อย่าใจร้ายนักเซ่ ไม่คิดถึงแม่เลยเหรอ พี่ชายลูกก็ไม่ค่อยจะกลับบ้าน มีลูกตั้งสองคนไม่มีใครสนใจแม่เลยสักคน” แม่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่น้อยเนื้อต่ำใจสุดๆ พลางก้มหน้างุดอยู่กับตักตัวเอง หึ มอบตุ๊กตาทองให้แก่คุณยูริไปเลย...สุดยอดการแสดง แน่ะ! มีทำสะอื้นด้วยนะ ผมไม่หลงกลง่ายๆ หรอกนะ เพราะโดนมาเยอะจนเข็ดแล้ว
“ไม่รู้แหละ ถ้าอยากให้ผมกลับบ้านแม่ก็ต้องช่วยผม”
“จะให้ช่วยได้ยังไงล่ะครับ คุณหญิงได้มาถอนหงอกแม่แน่ๆ” แม่รีบเงยหน้าบอกผมพลางส่ายหน้าไปมาเป็นพัลวัน ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
“แม่นะแม่ อยากจะบ้าตาย”
ผมเห็นแม่เอานิ้วชี้ขึ้นแตะขมับตัวเองพลางขมวดคิ้วเข้าหากันเหมือนกำลังใช้ความคิดก่อนจะพูดเอ่ยบอกผม
“แต่แม่ว่าท่าจะให้เนียนลูกควรพาน้องเข้าไปอยู่ที่คอนโดกับลูกด้วยนะ ตอนเนี่ยซายะต้องสั่งคนตามดูน้องอยู่แน่ๆ”
“น้อง?” ผมเลิกคิ้วถามแม่ทันที น้องที่ว่าเนี่ยใครวะ..
“ก็ผู้หญิงที่ทำให้คุณยูตะวิ่งแจ้นมาถึงนี้ไง”
เออใช่...ผมตาลุกวาวขึ้นมาทันที ผมต้องพามิณาไปอยู่ที่คอนโด แค่นี้ซายะก็ทำอะไรมิณาไม่ได้มันก็จะสมจริงมากขึ้นไปอีก และยังกันไม่ให้ผู้ตัวไหนมายุ่งกับเธอได้ด้วย แค่นี้ทำไมคิดไม่ได้นะ โง่ฉิบ แต่เดี๋ยวนะ….
“เห้ย!! แม่รู้เหรอ” ผมโพล่งขึ้นมาด้วยความตกใจ
“หึ นี่ใคร? เรื่องแค่นี้ คิดว่าจะหลอกแม่ได้เหรอ มาๆ จุ๊บหน่อย จุ๊บ จุ๊บ” แม่พูดขึ้นพลางยักไหล่เย้ยผมแล้วลุกมากอดผมและจุ๊บที่แก้มผมทั้งสองข้างก่อนที่แม่จะอุทานออกมาด้วยความตกใจ แม่คงรับรู้ถึงไอร้อนที่ออกมาจากตัวผม
“เอ๊ะ…! ทำไมลูกชายตัวร้อนแบบนี้ล่ะ ไม่สบายเหรอลูก”
“นิดหน่อยฮะ ผมไปแหละ จุ๊บ” ผมตอบท่านพลางดีดตัวลุกขึ้นยืนข้างเตียงแล้วโน้มหน้าไปจุ๊บปากแม่ทีหนึ่งอย่างอารมณ์ดีก่อนจะรีบวิ่งไปที่ประตู
“อ้าว เดี๋ยวซิลูก” แม่ร้องท้วงขึ้นเมื่อผมออกมาจากห้องนอนของท่านและกำลังจะปิดประตูลง ผมเลยชะโงกหน้าเข้าไปบอกท่านพลางโบกมือให้ท่านก่อนจะปิดประตูลง
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำฮะ บายฮะคุณยูริ”
ผมวิ่งลงมาจากชั้นบนของบ้าน เห็นแม่นมยืนรอผมอยู่ที่หน้าประตูผมเลยเข้าไปกอดแล้วหอมแก้มแม่นมทีหนึ่งก่อนจะผละออกรีบไปขึ้นรถขับออกไปจากบ้านทันที ทิ้งให้แม่นมยืนงงอยู่กับอาการที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเพียงไม่กี่นาทีอยู่แบบนั้น แต่วันนี้แม่ผมน่ารักที่สุด..ผมยกข้อมือซ้ายขึ้นเพื่อดูเวลาจากนาฬิกาเรือนโปรด แล้วหักพวงมาลัยกลับรถเปลี่ยนเส้นทางทันที เพราะป่านนี้มิณาคงทำงานเสร็จแล้ว ผมไปรอเธอที่หอดีกว่า
.....
.....