ตอนที่ 6 ใช่นางจริงๆ หรือ

1476 Words
หลี่หงอี้ที่เพิ่งจะถอดเสื้อออกก็หันมายังต้นเสียงที่แลดูตื่นตกใจนั้น เขาอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่านางกำลังใช้มือเรียวบางคู่นั้นปิดที่ดวงตาของตัวเอง “เจ้าจะปิดตาไปทำไมกัน มากกว่านี้ก็เคยเห็นมาแล้วนะ” “ท่านว่าอะไรนะ” หยวนจือหลินค่อยๆ เปิดตาออกมาทีละนิดจนเห็นว่าเขาหันหน้ามามองที่นางแล้ว แผ่นอกเปลือยเปล่ากับผิวสีน้ำผึ้งที่มีมัดกล้ามแน่นๆดูเป็นลอนสวย หยวนจือหลินกลืนน้ำลายเล็กน้อยน่าเสียดายที่เขาถอดเพียงช่วงบนน่าจะถอดช่วงล่างไปด้วยเสียเลย ฮิๆ “ยิ้มอะไรหรือ” “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะคือว่าข้า..ความจริงข้าตั้งใจจะมาเตรียมเสื้อผ้าให้ท่าน แต่ในเมื่อท่านจัดการเองแล้วเช่นนั้นข้าขอตัวล่ะ” “เดี๋ยวสิ!” หลี่หงอี้คว้าเอวของนางมากอดเอาไว้แน่น “เจ้าไม่โกรธข้าแล้วหรือ” “ข้าโกรธอะไรท่านเรื่องอะไรงั้นหรือ” “ก็เรื่องที่ข้าต่อว่าใต้เท้าเจิ้งอย่างไรเล่าเจ้าไม่โกรธข้าแล้วใช่หรือไม่” “เหตุใดข้าต้องโกรธด้วยล่ะ แล้วใต้เท้าอะไรนั่นก็เป็นคนนอกครอบครัวนะเจ้าคะท่านเลิกพูดถึงเขาเสียทีสิ” “ก็ได้ๆ” ขณะที่ทั้งคู่จ้องตากันอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงของบุตรชายตะโกนร้องเรียกอยู่หน้าห้อง “ท่านพ่อ ท่านแม่ ทำอะไรอยู่หรือขอรับ” อาเฟยอาชิงที่โผล่หน้าเข้ามาในห้องแบบไม่ให้สุ่มให้เสียงก่อนทำให้ทั้งคู่รีบผละออกจากกันด้วยความรวดเร็ว “ทะ ท่านรีบไปอาบน้ำเถอะเจ้าค่ะ ลูกๆ คงจะหิวข้าวกันแล้ว” “ได้ๆ” หยวนจือหลินรีบดึงแขนของเด็กทั้งคู่ออกไปจากห้องทันทีภายใต้สายตาอันอ่อนโยนของหลี่หงอี้ เขารู้สึกว่าตั้งแต่ที่กลับมาบ้านในครั้งนี้นางก็ดูจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเป็นอย่างมาก ‘นางใช่หยวนจือหลินที่เขารู้จักจริงๆ หรือไม่นะ’ -เช้าวันถัดมา- หลังจากทำอาหารเช้าให้เด็กๆ และสามีเสร็จเรียบร้อยแล้วหยวนจือหลินก็ออกมานั่งรับลมตรงม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวนข้างเรือนเพียงลำพัง นางกำลังนั่งคัดเมล็ดพันธ์ผักเพื่อใช้ปลูกลงแปลงผัก เสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามาใกล้ทำให้นางเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าเป็นสามีของนางนั่นเอง “เจ้าทำอะไรอยู่หรือหลินเอ๋อร์” “ข้ากำลังคัดเมล็ดผักเอาไว้ปลูกผักเจ้าค่ะ บ้านของเรามีพื้นที่กว้างขวางถึงเพียงนี้ไม่ใช้ประโยชน์เลยคงเสียดายแย่เลย” “เมล็ดผักงั้นหรือ เหตุใดข้าถึงไม่รู้มาก่อนว่าเจ้ามีของพวกนี้ด้วย” “คือว่า” “ช่างเถอะแล้วทำอย่างไรบ้างให้ข้าช่วยหรือไม่” “ท่านช่วยพรวนดินตรงนี้ไปก่อนนะเจ้าคะ ข้าจะไปเตรียมน้ำมาไว้รดหน้าดิน” “เดี๋ยวสิหลินเอ๋อร์ถังใส่น้ำมันหนักนะ เช่นนั้นเจ้าก็รออยู่ตรงนี้แหล่ะข้าจะไปตามคนมาช่วย” “ใครหรือเจ้าคะ” “ก็…ชาวบ้านแถวนี้ที่เคยไปขึ้นเขาด้วยกันกับข้านี่แหล่ะ เจ้ารอข้าครู่เดียวเดี๋ยวข้ากลับมา” “ก็ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าจะไปดูลูกๆ ก่อน” “อืม” หยวนจือหลินยิ้มหวานให้เขาไปทีหนึ่งก่อนจะเดินหันหลังกลับเข้าไปในเรือน หลี่หงอี้รู้สึกว่ารอยยิ้มของนางนั้นช่างหอมหวานขึ้นมากจริงๆ เขาตัดใจเลิกมองตามแผ่นหลังตรงสวยของนางก่อนจะเดินไปที่หน้าประตูรั้วหมายจะออกไปเรียกคนมาช่วยทำแปลงผัก หยวนจือหลินที่ตอนนี้อยู่กับเด็กๆ ที่ระเบียงหน้าบ้านนางนั่งบนเก้าอี้แล้วนำหนังสือที่ซื้อจากเพื่อนบ้านระแวกนั้นออกมาเพื่อสอนหนังสือให้กับเด็กๆ บางครั้งก็เงยหน้าขึ้นไปมองผู้เป็นสามีที่กำลังจัดการแปลงผักให้นาง มีบุรุษอีกสองคนมาช่วยกันปลูกผักอย่างขะมักเขม้นไม่มีทีท่าว่าจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากันเลยแม้เพียงนิด ‘จะว่าไปแล้วท่านพี่ไปหาคนมาจากไหนกันถึงได้เร็วเพียงนี้นะ เหมือนยืนอยู่หน้าบ้านของเราอย่างไรอย่างนั้นล่ะ’ หยวนจือหลินเลิกสนใจพวกเขานางสอนตั้งใจหนังสือเด็กๆ ต่อและคัดเมล็ดผักไปด้วย หลังจากทั้งสามจัดการหน้าดินเสร็จหยวนจือหลินก็นำเมล็ดพันธุ์ผักไปฝังลงดินรดน้ำพอชุ่มเป็นอันเรียบร้อย ส่วนแปลงด้านข้างนางให้หลี่หงอี้ทำแผงไม้สำหรับปลูกถั่วฝักยาว ตำลึง นางปลูกพริกและข้าวโพดบางส่วนในที่ดินข้างๆกันด้วย “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าทำงานเช่นนี้ก็เป็นด้วย” “ทำไมหรือเจ้าคะคนเราเมื่อเติบโตขึ้นย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลาอะไรที่ไม่เคยทำก็ลงมือทำเสีย เกิดมาทั้งทีจะให้นั่งๆ นอนๆ เท่านั้นได้อย่างไรเจ้าคะเสียดายเวลาพอดี” “ฮึ..เจ้าไม่เหมือนหยวนจือหลินคนก่อนเลยนะ” “ท่านหมายความว่าอย่างไร?” “ข้าหมายถึงเจ้าเปลี่ยนไปในทางที่ดีแต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว” หยวนจือหลินเงยหน้าขึ้นไปมองหลี่หงอี้ก็เห็นว่าเขายิ้มให้นางอยู่ก่อนแล้ว แต่ทำไมนางถึงได้รู้สึกว่าเป็นรอยยิ้มที่หล่อกระชากใจเช่นนี้กันนะ ‘ไม่ได้ๆ นั่นสามีของคนอื่นนะหยวนจือหลิน เฮ้อ…จะว่าไปแล้วหากว่าเจ้าของร่างเดิมนี้กลับมาแล้วข้าจะเป็นอย่างไรกันนะ หากวิญญาณหลุดออกจากร่างครั้งนี้ก็คงต้องกลายไปเป็นผีเร่ร่อนอย่างนั้นหรือ’ “เจ้าไปพักก่อนเถอะทางนี้พวกข้าจะจัดการเอง” “ก็ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าจะไปเตรียมอาหารไว้รอพวกท่านนะเจ้าคะ” “อืม” ครึ่งชั่วยามผ่านไป[1] “ท่านพี่ไปกินข้าวกันได้แล้วเจ้าค่ะ พวกท่านด้วยนะเจ้าคะ” “ฮูหยินให้พวกข้าร่วมโต๊ะด้วยหรือขอรับ” “แน่นอนสิข้าไม่มีสิ่งใดตอบแทนพวกท่าน เช่นนั้นก็อยู่กินข้าวด้วยกันนั่นแหล่ะเจ้าค่ะ” บุรุษทั้งสองคนนั้นยิ้มออกมาทันทีก่อนจะหันไปมองหลี่หงอี้เป็นเชิงขออนุญาตก็เห็นเพียงเขาพยักหน้าตอบกลับมาเท่านั้น พวกเขาฉีกยิ้มกว้างก่อนจะรีบเดินไปล้างมือแล้วเดินไปที่โต๊ะอาหารทันที กลิ่นหอมๆ ของอาหารบนโต๊ะเรียกน้ำลายของทุกคนได้เป็นอย่างดี “นั่งเถอะเจ้าค่ะ” “หอมมากเลยขอรับ” “กินให้อร่อยนะเจ้าคะ” “เช่นนั้นพวกข้าไม่เกรงใจแล้วนะขอรับ” หยวนจือหลินพยักหน้าให้พวกเขาก่อนจะหันไปมองเจ้าก้อนแป้งทั้งสองที่เอาแต่นั่งมองผู้มาเยือนใหม่สองคนนั้น “พวกเจ้าก็กินกันได้แล้ว” หยวนจือหลินเอ่ยปากบอกเด็กๆ ทั้งสองคนอย่างนึกเอ็นดูที่เอาแต่จ้องหน้าบุรุษแปลกหน้าทั้งสอง “ขอรับ / เจ้าค่ะ” หยวนจือหลินมองคนนั้นทีคนนั้นทีเห็นพวกเขากินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยก็รู้สึกมีความสุขยิ่งนัก “ท่านพี่ทานเยอะๆ นะเจ้าคะ” “ขอบใจนะหลินเอ๋อร์ เจ้าเองก็กินเยอะๆ ล่ะตัวเจ้าผอมจนจะปลิวตามแรงลมได้อยู่แล้ว” “ท่านก็พูดเป็นเล่นไป กินข้าวได้แล้วเจ้าค่ะ” หลี่หงอี้ส่งยิ้มให้ภรรยาของเขาภายใต้สายตาที่จับจ้องมองของบุรุษตรงหน้าทั้งสองคน “ช่างน่าอิจฉานายท่านเสียจริง” “หุบปากน่า!” “ท่านพี่พูดอะไรเช่นนั้นเจ้าคะเสียมารยาทจริงๆ ขออภัยพวกท่านด้วยสามีของข้าวาจาช่างร้ายกาจยิ่งนัก” “ข้าไม่ถือสาขอรับฮูหยิน” เวลานี้หลี่หงอี้ไม่ว่าจะพูดอะไรทำอะไรก็ดูขัดใจนางไปหมดเขาจึงได้แต่เงียบปากเอาไว้เท่านั้น “ท่านแม่ขอรับพวกข้าขอกินขนมนั่นอีกได้หรือไม่ขอรับ” “ได้สิจ๊ะแต่กินเสร็จแล้วต้องแปรงฟันด้วยนะ” “เจ้าค่ะ/ขอรับ เย่ๆ” “ดูสิเด็กๆ ดีใจกระโดดโลดเต้นกันยกใหญ่เลยน่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง” ตั้งแต่ภรรยาของเขาเปลี่ยนไปหลี่หงอี้ก็รู้สึกว่าบรรยากาศของเรือนนี้อบอวลไปด้วยความสุข สุขที่เป็นสุขจริงๆ เสียที - - - - - - - - - - [1] ครึ่งชั่วยาม = 1 ชั่วโมง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD