จะเห็นได้ว่าชีวิตหน้าที่การงานของแม่ทัพประจิมผู้นี้รุ่งเรืองเพียงใด แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าเรื่องการสู้รบจับศึก คือเรื่องรักใคร่ในมุ้งของอีกฝ่ายมากกว่า
ชีวิตของเฉินฮ่าวเทียนนอกจากมารดาวิปลาสของตนแล้ว เขาเกี่ยวข้องกับสตรีอยู่นางหนึ่ง
คุณหนูใหญ่เหลียนจินหลินจากจวนเจ้ากรมโยธา สตรีเพียงนางเดียวที่ตลอดหลายปีเฉินฮ่าวเทียนไปมาหาสู่
การคบหาของคนทั้งคู่เป็นที่รับรู้กันทั่วเมืองหลวง ความสัมพันธ์จากเพื่อนเล่นต่างอายุในวัยเยาว์ สู่การเป็นคนสำคัญในใจของกันและกันเมื่อเติบใหญ่
ในตอนที่เฉินฮ่าวเทียนยังเป็นเพียงแม่ทัพน้อยและกำลังเร่งสร้างชื่อเสียงจากการออกทำศึก ฝ่ายคุณหนูเหลียนก็รั้งรอไม่ยอมออกเรือนจนอายุพ้นวัยปักปิ่นไปไกล คุณหนูบ้านอื่นที่รุ่นราวคราวเดียวกันแต่งงานมีลูกไปแล้วสองสามคน เหลียนจินหลินยังยึดมั่นครองเรือนเพื่อรอคนกลับมาจากชายแดน
ภายหลังได้รับอวยยศเป็นแม่ทัพประจิม ผู้คนต่างมั่นใจว่าอีกไม่นานคงได้มีข่าวการวิวาห์ของคนทั้งคู่เป็นแน่ และในที่สุดราชโอการมอบสมรสพระราชทานจากองค์จักรพรรดิก็ถูกประกาศ
ทั้งที่ควรเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ที่ไหนได้ชื่อบ่าวสาวกลับไม่เป็นไปตามที่ผู้คนคาดคิด เจ้าสาวยังคงเป็นเหลียนจินหลิน แต่เจ้าบ่าวกลับกลายเป็นท่านอ๋องน้อยแคว้นเฉิน เฉินหนิงเทียนไปเสียแทน
เรื่องนี้ทำเอาผู้คนซุบซิบกันสนุกปาก ว่าเหตุเกิดจากพระชายาเอกในเฉินชินอ๋องไม่ปราถนาให้ลูกเลี้ยงของนางได้ดี เกลียดคนแม่เพียงไหนก็ชังคนลูกเพียงนั้น ว่ากันว่าพระชายาอาศัยความสัมพันธ์อันดีกับพระพันปีและฮองเฮา ร้องขอต่อองค์จักรพรรดิ์ให้มอบสมรสพระราชทานแก่บุตรชายของตน
ราชโองการจากโอรสสวรรค์ถือเป็นที่สุด แม้ใจขมขื่นไม่ยินยอม แต่เหลียนจินหลินและเฉินฮ่าวเทียนก็ต้องก้มหน้ายอมรับ ปิดตำนานคำมั่นสัญญาและความรักยาวนานเกือบสิบปีลงทั้งน้ำตา
แล้วเรื่องราวของเสี่ยวเม่ย พ่อค้าหมั่นโถวคนธรรมดาที่หลงชื่นชมท่านแม่ทัพเงียบ ๆ เพียงลำพังนั้นเริ่มต้นจากตรงไหนงั้นหรือ?
ก็เริ่มหลังจากได้ยินบทสนทนาของกลุ่มท่านป้าแม่บ้านในตอนที่ออกไปจ่ายตลาด ณ เช้าวันหนึ่งอย่างไรเล่า…
“ท่านป้าข้าขอเหมือนเดิมขอรับ” เสี่ยวเม่ยเอ่ยบอกกับท่านป้าเจ้าของแผงขายเนื้อหมูพร้อมล้วงหยิบเงินสิบอีแปะมาถือไว้ในมือ
กิจวัตรประจำวันของพ่อค้าขายหมั่นโถวเช่นเขาไม่ได้มีสิ่งใดมากนัก ออกจะซ้ำซากจำเจ ตื่นนอนยามเหม่า ออกจ่ายตลาดจนต้นยามเฉิน จากนั้นจึงเตรียมวัตถุดิบและออกมาตั้งแผงขายเมื่อถึงยามซื่อ วนเวียนไปเช่นนี้ไม่รู้จบ
ทว่าเช้าวันนี้กลับมีบางสิ่งทำลายวงจรชีวิตของพ่อค้าขายหมั่นโถวเช่นเสี่ยวเม่ยเสียแล้ว ท่านป้าแผงขายหมูยังคงไม่ได้ให้ความสนใจกับเขาเท่าใด นางจับกลุ่มพูดคุยกับแม่ค้าขายปลาจากแผงข้าง ๆ อยู่ไม่เลิก
“เจ้าพูดจริงรึ”
“แน่สิ...เห็นว่าเทียบจองตัวจากจวนแม่ทัพถูกส่งออกไปแล้วเมื่อเช้า”
คำตอบของท่านป้าแผงขายป้าทำเอาเสี่ยวเม่ยรีบขยับตัวเข้าไปใกล้และเงี่ยหูฟัง เพียงได้ยินคำว่า จวนแม่ทัพ และ เทียบจองตัว ที่ออกมาจากปากของสตรีวัยกลางคน ก็ปลุกความอยากรู้อยากเห็นของเสี่ยวเม่ยให้ตื่นขึ้นโดยฉับพลัน
เป็นที่ทราบกันดีว่าแม่ทัพประจิมเป็นผู้ยึดมั่นในรักอย่างมาก ตลอดการคบหากับคุณหนูใหญ่เหลียนจินหลิน เฉินฮ่าวเทียนไม่เคยมีความสัมพันธ์กับสตรีอื่นใดให้คู่หมายในใจต้องเจ็บช้ำ
ทว่าหลังจากการประกาศสมรสพระราชทาน ท่าทีของท่านแม่ทัพประจิมก็แปลเปลี่ยน แม้ไม่ถึงขนาดเข้าออกหอนางโลมประชดรัก แต่ก็มักจะเมาหัวลาน้ำอยู่เสมอ
จากวันที่ต้องยุติความสัมพันธ์ลงอย่างขื่นขม นี่ก็ล่วงเลยมาได้เกือบสองเดือนแล้ว และนับเป็นสองเดือนที่เหลาสุราขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะท่านแม่ทัพประจิมยึดโรงเหล้าจัดเลี้ยงให้ทหารใต้บังคับบัญชาอยู่ทุกค่ำคืน
“แม่ทัพประจิมน่ะหรือจะไปเยือนหอนางโลม” ท่านป้าร้านขายหมุเอ่ยอย่างไม่เชื่อหู ซึ่งตัวของเสี่ยวเม่ยที่แอบยืนฟังเงียบ ๆ ก็คิดตรงกันกับนาง
เฉินฮ่าวเทียน กล้าหาญองอาจ การศึกยอดเยี่ยมไม่เป็นรองผู้ใด ด้านจิตใจก็ประเสิรฐเลิศล้ำ ยึดมั่นในรักไม่ต่างจากนกซีเหนี่ยว การที่มาบอกว่าเขาส่งเทียบจองตัวไปหอคณิกาจึงเป็นเรื่องไร้สาระเหลือเกินเมื่อได้ยิน
"นางโลมอันใด...หอนายโลม!"
"พูดเลอะเทอะ!"
“เลอะเทอะอันใด...คนเขาลือกันทั้งตลาดว่าแม่ทัพประจิมชอกช้ำรักจากอิสตรีเลยเปลี่ยนวิถีมาตัดแขนเสื้อแทนแล้ว”
กล่าวมาถึงตรงนี้ เด็กหนุ่มผู้มั่นคงในวิถีตัดแขนเสื้อเช่นเสี่ยวเม่ยมีอันสะดุ้งตามไปด้วย พ่อค้าหมั่นโถวได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ เขาพยายามเรียบเรียงเรื่องที่ได้ยินมาอีกครั้งซ้ำไปซ้ำมา
เฉินฮ่าวเทียนส่งเทียบจองไปหอนายโลม!!
เฉินฮ่าวเทียนส่งเทียบจองไปหอนายโลม!!!
เฉินฮ่าวเทียนส่งเทียบจองไปหอนายโลม!!!!!
“แล้วส่งไปหอใดเล่า”
“หอว่านเหอน่ะซี่”
“หอใดนะท่านป้า” คร่าวนี้คนที่สติหลุดไปแล้วเมื่อครู่เอ่ยออกมาเสียงดัง เสี่ยวเม่ยไม่แสร้งปิดบังตนยืนแอบบฟังเงียบ ๆ อีก พ่อค้าหมั่นโถวแถบจะปีนข้ามแผงขายหมูไปร่วมวงสนทนา
“อ้าวเสี่ยวเม่ย!มาตั้งแต่เมื่อใด...เอาเนื้อหมูสับแบบเดิมใช่หรือไม่” แม่ค้าขายหมูที่เพิ่งรู้ตัวว่าลูกค้าขาประจำของนางมาเยือนก็เอ่ยทักทาย แต่พ่อค้าหมั่นโถวตัวน้อยตอนนี้ไม่สนใจเรื่องเนื้อหมูแล้ว
“ใช่ท่านป้า-ไม่สิ!ข้าหมายถึงเทียบเชิญจากจวนแม่ทัพส่งไปที่หอใดหรือ”
“อ่อ...หอว่านเหออย่างไรเล่า”
และเมื่อคำตอบนั้นสิ้นสุดลง เงินสิบอิแปะที่เสี่ยวเม่ยกำเอาไว้ในมือก็ล่วงหล่นลงพื้น พร้อมกับสติสัมปชัญญะที่แตกกระเจิง