เมื่อมาถึงโรงพยาบาลมาเฟียหนุ่มก็รีบอุ้มคนที่หมดสติลงจากรถก่อนจะมีบุรุษพยาบาลเข็นเตียงนอนผู้ป่วยฉุกเฉินเข้ามารับ เบเนดิกเดินตามแคทนิสไปไม่ห่างอย่างไม่ละสายตา
“ญาติผู้ป่วยรอด้านนอกก่อนนะครับ” เมื่อเห็นมือขวาชักปืนออกมาขู่ บุรุษนายนั้นจำต้องยอมปล่อยให้มาเฟียหนุ่มเดินตามเข้าไป
“คนไข้เป็นอะไรมาคะ”
"รักษาตามอาการเท่าที่เห็น" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยตอบ แพทย์สาวจึงรีบทำการตรวจเช็กสัญญาณชีพทันที เมื่อเห็นว่าชีพจร การหายใจทุกอย่างไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จึงรีบเย็บปิดปากแผลให้กับแคทนิส เบเนดิกยืนมองทุกการกระทำของหมอสาวอย่างไม่วางตา ขณะที่แพทย์ทำการตรวจร่างกายภายนอกก็พบเข้ากับรอยฟกช้ำที่ข้อเท้าแต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากถามเมื่อเห็นสายตาเยียบเย็นของคนตัวสูงและบอดีการ์ดหนุ่มที่ยืนกดดันอยู่ตรงข้าม
“เดี๋ยวน้ำเกลือหมดก็กลับบ้านได้เลยนะคะ” แพทย์สาวเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าประหม่าเมื่อเห็นทั้งสองยืนเพ่งมองมาราวกับยักษ์วัดแจ้ง
“อืม” พ่นลมหายใจออกมาด้วยความรู้สึกโล่ง อย่างน้อยก็อาจจะถ่วงเวลาให้หญิงสาวได้ตื่นขึ้นมาเพื่อที่จะได้ถามไถ่ถึงอาการ และรอยต่างๆ ได้บ้าง
กระทั่งหนึ่งชั่วโมงผ่านไปน้ำเกลือได้หมดลงเป็นที่เรียบร้อย แคทนิสก็ยังคงไม่ได้สติ แพทย์หญิงจำต้องยอมปล่อยให้คนไข้กลับบ้านไป เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์เบเนดิกก็เรียกหญิงคนใช้ที่ทำผิดพลาดในหน้าที่มาต่อว่า รวมทั้งปาลีนาด้วยที่บกพร่องในคำสั่ง
“ปาลินต้องส่งงานพรีเซนต์ให้กลุ่มเพื่อนค่ะ เลยวานให้คนอื่นเอาขึ้นไปให้ ปาลินขอโทษอีกครั้งค่ะ” ปาลีนานั่งคุกเข่าก้มหน้ามองพื้น เอ่ยคำขอโทษต่อมาเฟียหนุ่มที่เธอสะเพร่าในหน้าที่ของตน
“อย่าให้มีรอบหน้าอีกปาลิน ไม่ว่าใครที่เป็นคนเอาอาหารขึ้นไปให้ต้องนั่งเฝ้าจนกว่าเธอจะกินเสร็จ”
“ค คือเมื่อเช้าดิฉันขึ้นไป คุณผู้หญิงหลับอยู่ค่ะ ดิฉันเลยตัดสินใจวางอาหารไว้ค่ะคุณผู้ชาย”
“หลับก็ยกลงมา รอตื่นค่อยเอาขึ้นไปให้” น้ำเสียงไม่พอใจพูดขึ้นอีกครั้ง เหล่าสาวใช้ทุกคนรวมทั้งปาลีนาต่างก็รีบก้มหน้าไม่กล้าสบตามาเฟียหนุ่ม
“กลับไปทำงาน อย่าให้มีพลาดแบบนี้อีก” ทุกคนตอบรับก่อนจะแยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ของตน
“แล้วนี่เธอต้องไปเรียนรึเปล่าปาลิน”
“ม ไม่ไปแล้วค่ะ”
“ก็ดี งั้นขึ้นไปเฝ้าแคทนิส จนกว่าจะตื่น”
“ค่ะ ปาลินขอโทษอีกครั้งนะคะ”
“ช่างมัน อย่าให้เกิดขึ้นอีก”
“ค่ะ” เมื่อเบเนดิกจัดการปัญหาทุกอย่างในบ้านเสร็จเรียบร้อยก็รีบออกไปทันทีเพราะเขามีนัดกับลูกค้าคนสำคัญที่ต้องไปพบด้วยตัวเองจึงไม่สามารถอยู่เฝ้าหรือรอแคทนิสตื่นได้
ปาลีนานั่งทำการบ้านอยู่ในห้องเงียบๆ กระทั่งเวลาผ่านไปราวๆ สี่ชั่วโมงร่างบางที่หลับอยู่ก็ได้สติขึ้นมา
“น้ำ!” คนที่นั่งทำการบ้านอยู่รีบวิ่งไปหยิบน้ำเทใส่แก้วก่อนจะประคองคนบนเตียงให้ลุกขึ้น
“รอดมาได้อีกแล้วสินะ หึ” แคทนิสพูดตัดพ้อหลังจากดื่มน้ำ
“คุณอย่าทำแบบนี้อีกเลยนะคะ มันไม่ใช่ทางออกที่ดีเลยค่ะ”
“หึ ฉันไม่ได้อยากได้ทางออก ฉันแค่ไม่อยากอยู่”
“มีคนอีกมากมายที่เขาต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่”
“เธอไม่รู้ว่าฉันกำลังเจอกับอะไรอยู่”
“หนูไม่รู้ว่าคุณกำลังเจอกับอะไรอยู่ แต่การฆ่าตัวตายมันไม่ใช่การแก้ปัญหาเลยค่ะ”
“เธอยังเด็ก เธอไม่เข้าใจอะไรหรอกปาลีนา”
“หนูไม่รู้นะคะว่าทำไมคุณถึงถูกจับมา แต่ตอนนี้คุณยังมีชีวิต ยังหายใจ หนูอยากให้คุณสู้ค่ะอย่าคิดสั้นอีกเลยนะคะ เดี๋ยวเรื่องร้ายๆ มันก็ผ่านไปแค่ต้องใช้เวลาและความอดทน”
“คนที่ถูกจับมาทรมานอย่างฉันไม่ต้องการเวลา” ปาลีนาขยับไปกุมมือของแคทนิส
“ถ้าคุณอึดอัดอยากระบาย หนูก็พร้อมที่จะรับฟังนะคะ คิดเสียว่าหนูเป็นน้องสาวก็ได้ค่ะ” แคทนิสเบือนหน้าไปทางหน้าต่างแต่ก็ไม่ได้ชักมือออก
“ถ้ายังไม่พร้อมเล่าตอนนี้ งั้นกินข้าวสักหน่อยนะคะ คุณหมอบอกร่างกายคุณอ่อนเพลียมาก”
“ฉันไปโรงพยาบาลมาหรอ” เด็กสาวพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป ไม่นานเด็กสาวก็กลับมาพร้อมกับถาดอาหาร เธอวางถาดอาหารลงบนโต๊ะก่อนจะเดินมาพยุงแคทนิส ทีแรกแคทนิสไม่ยอมที่จะกินแต่พอได้กลิ่นอาหารท้องไส้ก็ดันร้องประท้วงขึ้นมา แต่พอหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาเธอก็หัวเราะในลำคออย่างสมเพชตัวเองทันทีเมื่อเห็นถ้วยอาหารตรงหน้าเป็นกระดาษกับช้อนไม้สีน้ำตาลอ่อน
“ช่วงนี้คงต้องใช้แบบนี้ไปก่อนค่ะ” ปาลีนานั่งลงบนพื้นแล้วพูดขึ้น
“ขึ้นมานั่งบนโซฟาเถอะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูก็เหมือนคนใช้คนอื่นๆ”
“ฉันบอกให้ขึ้นมาก็ขึ้นมาอย่าพูดเยอะ”
“จะดีหรือคะ”
“จิ้!!” เมื่อได้ยินเสียงคนโตกว่าจิ้ปากใส่ปาลีนาก็รีบลุกมานั่งบนโซฟาตรงข้ามเธอทันที
“เมื่อกี้เธอทำอะไรอยู่”
“ทำการบ้านค่ะ”
“ใช้คอมฯ หรอ”
“ค่ะ”
“ให้ฉันช่วยได้นะ”
“ขอบคุณค่ะแต่หนูทำเสร็จแล้ว” ปาลีนาตอบเสียงเบา เพราะทั้งบ้านโดนมาเฟียหนุ่มกำชับไว้แล้วว่าห้ามให้เชลยสาวแตะต้องเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด
“อืม”
“คุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ”
“ฉันอยู่ที่นี่ในฐานะนักโทษ มีสิทธิ์เลือกอาหารได้ด้วยหรือไง”
“เลือกได้สิคะ เพราะหนูเป็นคนเอามาให้ไม่ใช่พี่เบ็น”
“หึ” แคทนิสตักอาหารใส่ปากแล้วมองใบหน้าใสซื่อของเด็กสาว
“อร่อยไหมคะ”
“เธอคิดว่าฉันจะกินอาหารที่นี่อย่างอร่อยได้หรอ”
“หนูเข้าใจค่ะ ขอให้คุณอดทนไว้นะคะ หนูเชื่อว่าเดี๋ยวมันต้องมีวันของคุณค่ะ” แคทนิสสัมผัสได้ถึงความจริงใจของเด็กตรงหน้าเธอรู้ว่าปาลีนาไม่ได้เสแสร้ง แต่อย่างใด เธอจึงเปิดใจรับเด็กสาวมากยิ่งขึ้นกว่าวันแรกๆ
เมื่อแคทนิสกินอาหารเสร็จ ปาลีนาก็ยกถาดลงไปเก็บก่อนจะนำยามาให้แคทนิสกิน จากนั้นทั้งสองก็นั่งพูดคุยกันไปสัพเพเหระตามประสาสาวๆ แคทนิสรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเมื่อมีปาลีนาเป็นเสมือนเพื่อนอีกคนในยามยากลำบากแบบนี้
1อาทิตย์ผ่านไป...
เมื่อเบเนดิกกลับมาจากงานประมูลร่างสูงก็เดินเข้ามาภายในห้องนอนที่ปิดไฟมืดสนิท เขาค่อยๆ ปลดอาภรณ์ตัวเองออกแล้วเดินตรงไปยังร่างบางที่นอนขดตัวหลับอยู่บนเตียง
พรึบ!!
ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกดึงออกโดยคนตัวสูงก่อนเขาจะจัดการใช้เธอเป็นเครื่องระบายอารมณ์โดยปราศจากการเล้าโลมให้อย่างเช่นทุกครั้ง แคทนิสตกใจมากในทีแรกแต่พอได้กลิ่นน้ำหอมโชยเข้าจมูก ก็จำได้ในทันทีว่าเป็นเขา จึงเลือกที่จะนอนนิ่งๆ ให้มาเฟียหนุ่มปลดปล่อยจนพอใจ โดยที่เธอไม่ได้ขัดขืนและไม่ได้มีอารมณ์ร่วมแต่อย่างใดเพราะต่อให้เธอจะขัดขืนหรือไม่ขัดขืนเขาก็ไม่เคยเบาแรงให้กับเธออยู่ดี
มาเฟียหนุ่มฝากรอยรักรอยปรารถนาเอาไว้ทั่วทั้งเรือนกายของคนตัวเล็ก แคทนิสได้แต่กำผ้าปูที่นอนแน่นแล้วกัดฟันอดทนกับความขยะแขยงนี้ที่เขามอบให้ โดยไม่รู้เลยว่ามันจะสิ้นสุดลงเมื่อไร เมื่อเบเนดิกใช้ร่างกายของเธอปลดปล่อยจนหนำใจเขาก็สลบไสลหลับไปร่วมเตียงเดียวกันกับเธอ
เช้าของวันเสาร์
ปาลีนาเดินเข้ามาภายในห้องหลังจากเคาะประตูสองที
“อุ้ย!!” เธอร้องอุทาน เมื่อเห็นว่าแคทนิสไม่ได้อยู่เพียงลำพังแต่มีคนเป็นเจ้านายนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ แคทนิสที่นั่งกอดเข่าซุกหน้าหลับมาทั้งคืนค่อยๆ เงยขึ้นมองเด็กสาวเพื่อที่จะบอกว่าเธอยังไหว ปาลีนาพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไปอย่างเงียบๆ
“ไม่ต้องไป” เสียงเข้มที่นอนหลับตาอยู่เอ่ยขึ้น ใช่เขาตื่นตั้งนานแล้วแต่แค่รอดูว่าอีกคนจะทำอะไรแผงๆ ใส่เขาหรือเปล่า
“ค คือหนูขอโทษค่ะ หนูคิดว่าคุณแคทนิสอยู่คนเดียว”
“อืม” มาเฟียหนุ่มลุกขึ้นโดยท่อนล่างปราศจากสิ่งปิดกั้น จนปาลีนาต้องรีบหันหน้าหนีไปทางประตูด้วยความลนลานตกใจ มาเฟียหนุ่มเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวก่อนจะเดินหายออกจากห้องไป
“อุบาทว์ไม่มีใครเกินจริงๆ”
“ม เมื่อกี้หนูไม่เห็นนะคะ หนูไม่เห็นจริงๆ” เด็กสาวบีบมือตัวเองแน่นพร้อมกับรีบปฏิเสธขึ้นมา
“เห็นหรือไม่เห็นก็ไม่เกี่ยวกับฉัน”
“ไปอาบน้ำไหวมั้ยคะ”
“ไหว”
“มาค่ะเดี๋ยวหนูช่วยพยุง” เมื่อขาแตะพื้นร่างสวยหุ่นนางแบบก็แทบจะล้มพับลงไป จนปาลีนาต้องรีบวิ่งไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาคลุมให้ก่อนจะพยุงไปที่ห้องน้ำ
“ขอบใจเธอมากปาลีนา” สองขาเรียวก้าวไปด้วยความสั่นเทาพร้อมกับความแสบที่แล่นเข้ามาจากกลางกายสาว เธอพ่นลมอุ่นออกจากปากเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปด้านในห้องน้ำ
“เสร็จแล้วเรียกหนูนะคะ” แคทนิสไม่ตอบเธอปลดเปลื้องเสื้อคลุมอาบน้ำออกแล้วเดินเข้าไปยืนใต้เรนชาวเวอร์ โดยมีสายตาของปาลีนาลอบสังเกตเรือนร่างที่มีรอยช้ำ รอยขบกัด เม้ม ดูด เต็มไปทั่วทั้งเรือนร่างอันขาวผ่องของเชลยสาวด้วยความรู้สึกสงสารก่อนจะหันหลังเดินออกไปปล่อยให้อีกคนได้ชำระร่างกายให้สดชื่น