@ศาลเจ้าที่วายุ
“ณัชชามันไปไหนของมัน จะเที่ยงคืนแล้วยังไม่มาเตรียมตัวเข้าประชุมอีก” เสียงทุ้มของศรุตดวงวิญญาณหนุ่มในชุดสูทสีดำ หันไปถามวรพลเพื่อนรักขณะนั่งถอดหัวเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านหลังหนึ่งในยามค่ำคืน
“เห็นเมื่อวานบอกว่าจะไปเปลี่ยนชื่อน่ะ มึงไม่รู้เหรอว่าทุกปีอีนัทมันต้องอัปเกรดตัวเองให้ทันโลกยุคใหม่ ทั้งชื่อทั้งคำพูดก็ต้องเปลี่ยนตาม” วรพลหันไปตอบเพื่อนรักหลังจากใส่หัวกลับเข้าที่เดิม ก่อนจะเอียงคอซ้ายขวาไปมาเพื่อให้หัวกับไหล่เข้าที่เข้าทาง
“แล้วชื่อณัชชาหรือเรียกสั้น ๆ ว่าอีนัทมันไม่เข้ากับยุคนี้ตรงไหน?” ศรุตหันไปถามวรพลก่อนจะถอดแขนข้างหนึ่งของตัวเองเขวี้ยงออกไปนอกรั้ว แล้วใช้อิทธิฤทธิ์ของผีเรียกแขนกลับเข้ามาต่อเหมือนเดิมเพื่อแก้เซ็ง
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่วันเดือนปีหรือกี่ภพชาติ วิญญาณเหล่านี้ก็ไม่ได้ไปผุดไปเกิด แต่จะคอยคุ้มครองผู้คนและดูแลบ้านหลังใหญ่นี้ไม่ไปไหน เช่นเดียวกับบ้านหลังอื่น หรือที่อยู่อาศัยทุกหนทุกแห่งบนโลกใบนี้ ย่อมมีสิ่งหนึ่งคอยดูแลอยู่นั่นก็คือเจ้าที่
เนื่องจากยุคสมัยและภพชาติที่แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เมื่อหลายร้อยปีก่อนเจ้าแห่งภพชาติได้มีประกาศให้ผีเจ้าที่และเหล่าบริวารบนผืนแผ่นดินนั้น ๆ เรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นชื่อหรือการพูดจาก็ให้เป็นไปตามสมัยนั้น ๆ อีกทั้งเสื้อผ้าหน้าผมก็ต้องปรับเปลี่ยนให้เข้าแต่ละยุคสมัย เพื่อว่าวันหนึ่งวันไหนเกิดพลาดท่ามีเรื่องราวทำให้เจ้าของบ้านที่เป็นคนปกติเห็นเข้า จะได้ไม่ตกอกตกใจจนเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น
เวลาตีสอง...
“ฉันล่ะไม่เข้าใจท่านปู่เลย ว่าทำไมเวลามีผู้อาศัยที่ไม่ใช่คนแก่ย้ายเข้ามาอยู่ต้องไล่พวกเขาให้หนีไปด้วย ฉันเบื่อผู้อาศัยแก่ ๆ อะ มองแล้วไม่เจริญหูเจริญตา” นัทหรือณัชชาบ่นอุบขณะลอยออกมาจากห้องประชุม
“ก็ถ้าเป็นคนแก่พวกเราก็จะได้อยู่แบบสงบไง มึงก็น่าจะรู้ว่าท่านปู่ต้องบำเพ็ญเพียรภาวนา ขืนปล่อยให้ผู้อาศัยที่เป็นวัยรุ่นหรือวัยทำงานเข้ามาพัก คงเสียงดังแทบไม่เป็นอันสวดภาวนาเหมือนกับครั้งนั้นแน่” วรพลตอบณัชชาขณะที่ลอยออกมาจากห้องประชุมพร้อมกัน
”อีกอย่างวัยรุ่นแล้วก็พวกวัยทำงานจะมีเรื่องบนเตียงเข้ามาเกี่ยวด้วย เวลามีเสียงครางของผู้อาศัยทำกิจกรรมบนเตียง ท่านปู่ก็ไม่มีสมาธิจำศีลน่ะสิ มึงจะให้ท่านปู่สวดภาวนาทั้ง ๆ ที่มีเสียงครางระงมของผู้อาศัยดังแข่งบทสวดหรือไง” ศรุตพูดบ้าง
“เพราะแบบนี้พวกเราก็เลยไม่เคยดูหนังสดเหมือนผีบ้านผีเรือนหลังอื่นสินะ เซ็งชะมัด” ณัชชาหน้ามุ่ยใส่เพื่อนทั้งสองก่อนจะพูดบางอย่างต่อ “แล้วพวกแกรู้ปะว่าผู้อาศัยที่จะย้ายเข้ามาอยู่พรุ่งนี้น่ะเป็นวัยรุ่นผู้หญิง แถมยังสวยเช้งอีกต่างหาก ได้ข่าวว่าเป็นนักศึกษาด้วยนะ”
“มึงไปสืบมาแล้ว?” ศรุตถาม
“ใช่ เมื่อวานตอนฉันลอยไปเมาท์มอยกับผีบ้านหลังข้าง ๆ เขาบอกฉันมา เห็นว่าเป็นคนรู้จักของผู้อาศัยบ้านข้าง ๆ น่ะ ตกลงเช่าเสร็จสรรพโดยไม่ขอดูบ้านเลยนะ สงสัยจะถูกใจราคาเช่า” ณัชชาตอบ
“แบบนี้เราก็ต้องหาวิธีไล่เขาออกไปน่ะสิ” วรพลเอ่ยเมื่อนึกเรื่องสนุกที่กำลังจะเกิดขึ้น อย่างที่บอกถ้าผู้อาศัยไม่ใช่ผู้สูงอายุ พวกเขาก็มีหน้าที่ไล่หรือทำยังไงก็ได้ให้ผู้อาศัยรายนั้นอยู่ในบ้านหลังนี้ไม่ได้
“คนเรานี่ก็แปลกนะ บ้านหลังนี้ขึ้นชื่อเรื่องเจ้าที่แรงแท้ ๆ ก็ยังจะย้ายเข้ามาพักอีก” ศรุตส่ายหัวไปมา เพราะมีแค่เขาคนเดียวที่ไม่เคยนึกสนุกเวลาได้ไล่ผู้คน
แรก ๆ เขารู้สึกสนุกเพราะมันแปลกใหม่ แต่หลัง ๆ มานับตั้งแต่เจ้าของบ้านแท้ ๆ ย้ายไปอยู่ต่างประเทศและปล่อยเช่าบ้านหลังนี้ เขากับเพื่อนก็ต้องแปลงกายเป็นผีน่ากลัวมาหลอกผู้เช่าอยู่เรื่อยไป นานวันเข้าเขาก็เบื่อหน่าย แต่ก็ปฏิเสธที่จะไม่ทำไม่ได้ เพราะมันเป็นคำสั่งของคนที่มีอำนาจเหนือพวกเขา นั่นก็คือท่านปู่ ดวงวิญญาณอาวุโสที่คุ้มครองพวกเขาอยู่นั่นเอง
เช้าวันต่อมา...
“นี่ถ้าไม่ใช่แกฉันก็ไม่แนะนำให้ย้ายเข้ามาอยู่หรอกนะ ที่นี่เจ้าที่แรงจะตายไป ฉันอยู่บ้านข้าง ๆ ยังไม่กล้ามองมาทางนี้เลย” เสียงแหลมเล็กของมะนาวพูดกับเพื่อนรักขณะเดินมาส่งเพื่อนที่บ้านหลังข้างเธอ
“แกก็รู้ว่าฉันไม่กลัวผีแถมไม่เชื่อเรื่องไร้สาระแบบนั้น อีกอย่างถ้าแกไม่แนะนำบ้านหลังนี้ แต่เป็นฉันที่หาเจอเองฉันก็เอาอยู่ดี ราคาเช่าถูก มัดจำก็ไม่ต้องจ่าย แถมยังใกล้มหาลัยเราอีก สะดวกสบายทุกอย่างไม่เอาก็บ้าแล้ว” มัดหมี่หันไปจิ๊ปากใส่เพื่อนรักขณะวางกระเป๋าลงบนโซฟาเมื่อเดินเข้ามาในตัวบ้าน
“เฟอร์นิเจอร์ครบเลยอะแก ว่าแต่แกอยู่คนเดียวในบ้านหลังใหญ่แบบนี้จะไม่น่ากลัวเหรอ” มะนาวกวาดสายตามองไปรอบห้องนั่งเล่น ก่อนจะเดินสำรวจบ้านด้วยความสนใจ
“แกก็รู้ว่าฉันโลกส่วนตัวสูงแค่ไหน นอกจากแกแล้วฉันก็ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เดี๋ยวฉันหาหมาหาแมวมาเลี้ยงเป็นเพื่อนก็ได้ ยิ่งเงียบสิยิ่งดีฉันไม่กลัวหรอก”
“อืมก็ดีนะ นี่ถ้าตัดเรื่องเจ้าที่แรงทิ้งไปบ้านหลังนี้ก็โอเคทุกอย่างเลยอะแก ดีไม่ดีพอแกเรียนจบแล้วหางานทำได้ ก็ไม่ต้องเสียเวลาหาที่อยู่ใหม่ด้วย”
“ฉันก็คิดแบบนั้นแหละ พอเรียนจบเดี๋ยวจะชวนแม่กับน้องมาอยู่ด้วย ถึงตอนนั้นน้องชายฉันน่าจะเรียนจบมัธยมแล้วเข้ามาหาลัยพอดี แม่มาอยู่ที่นี่กับฉันจะได้ไม่เหงาด้วย”
“งั้นแกพักผ่อนเถอะ หรือจะให้ฉันจัดของช่วยไหม”
“ไม่ต้องหรอกแก มีแค่เสื้อผ้ากับของใช้นิดหน่อยเองฉันจัดการได้”
“โอเคงั้นฉันไปนะ ถ้ามีอะไรก็โทรไปแล้วกัน”
“อืม ขอบใจมากนะที่ไปรับมา” การสนทนาของสองสาวจบลงโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีวิญญาณผีบ้านผีเรือนทั้งสามกำลังนั่งฟังอยู่
“เราจะลงมือหลอกตอนไหนดี กลางคืนไหมได้ข่าวว่าเขาไม่กลัวผี” ณัชชาเอ่ยถามเพื่อนรักทั้งสองอย่างนึกสนุก
“สวย ๆ แบบนี้กูว่าจะเป็นผีผ้าห่มไปหลอกเขา พวกมึงคิดว่าไง” วรพลกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อมองไปที่ร่างอรชรของคนมาใหม่ สายตาจาบจ้วงของเขาสำรวจส่วนเว้าส่วนโค้งของหญิงสาว ท่าทีของเขาไม่ได้ทำให้เจ้าของเรือนร่างอรชรนั้นรู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย
“ไอ้รุตแกไปหลอกเขาในห้องน้ำดิ ตอนแก้ผ้าอาบน้ำแล้วกำลังสระผมอะคงสนุกน่าดูเดี๋ยวฉันจะไปหลอกในตู้เสื้อผ้าเอง” ณัชชาสะกิดแขนศรุตเบา ๆ พร้อมกับยิ้มเยาะเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
“กูไม่ใช่ผีลามกนะ มึงอยากเห็นคนแก้ผ้าก็ไปหลอกเขาเองสิ แค่คิดว่าต้องเห็นใครไม่รู้มาแก้ผ้าต่อหน้ากูก็สยองแล้ว” ศรุตว่าก่อนจะหายวับไป