นั่งเป็นเพื่อนทั้งคืน

912 Words
“เบส แกกลับห้องเถอะ นั่งนานๆ แบบนั้นไม่ปวดหลังแย่” มันเป็นเก้าอี้ที่โต๊ะอ่านหนังสือ เอามานั่งเล่นเกมหรือนั่งเฉยๆ แบบนี้ไม่น่าจะนั่งสบาย “ไม่ปวดหรอก ยังไม่แก่ นอนไม่หลับเหรอจะสี่ทุ่มแล้ว ปิดไฟไหม” “เดี๋ยวนอนแล้ว” ฉันเลยพลิกตัวนอนตะแคงไปอีกทางในท่าที่ตัวเองนอนสบายที่สุด พยายามข่มตาให้หลับ...มันหลับแหละแต่หลับแบบสะดุ้งตื่นเป็นครั้งคราว พลิกตัวกลับมาอีกทาง ลืมตาในห้องที่มืดสนิท ก็ยังเห็นเหมือนว่าเบสยังนั่งเก้าอี้ตัวเดิม จนฉันตื่นอีกทีและตัดสินใจลุกจากเตียงตอนตีห้าก็ถึงรู้ว่าเขานั่งหลับอยู่ เป็นภาพที่ทำให้ใจฉันอ่อนยวบ เขาใจดีกับฉันได้ขนาดนี้เลย ทั้งๆ ที่ตีกันบ่อยขนาดนั้น “เบส” ฉันเขย่าตัวเขา อย่างน้อยๆ ให้เขาไปนอนดีๆ สักชั่วโมงก็ยังดี “หืม เป็นอะไรหรือเปล่า” ถามด้วยอาการงัวเงีย...แต่ยังห่วงว่าฉันจะเป็นอะไร “เปล่า แกไปนอนดีๆ ไหม ตีห้าแล้ว เดี๋ยวสักเจ็ดโมงฉันปลุก “เธอไม่นอนแล้วเหรอ” “ไม่ จะอาบน้ำแล้วทำการบ้าน” “อืม” เขาลุกจากเก้าอี้แล้วก็เดินโงนเงนไปขึ้นเตียง...ทิ้งตัวลงบนจากนั้นก็หลับเหมือนปิดสวิซท์ ฉันส่ายหน้าเมื่อเข้าใจว่าเขาคงง่วงมากจริงๆ เลยเข้าใจว่าฉันให้ไปนอนบนเตียง ทั้งๆ ที่คิดว่าเขาจะกลับไปนอนห้องตัวเอง อืม แบบนี้ก็ดีแล้วละ กว่าเขาจะเดินกลับห้องนอนที่อยู่ชั้นสาม เสียเวลาไปอีกเยอะ ฉันออกไปอาบน้ำที่ห้องน้ำรวมของชั้นสอง เพราะในห้องไม่ได้มีห้องอาบน้ำในตัว ซึ่งจะมีแค่ห้องนอนใหญ่ของแม่เท่านั้น แต่ยังไม่ได้แต่งตัว ลากเก้าอี้มาที่โต๊ะทำงานบ้าน เปิดโคมไฟ นั่งทำการบ้านที่ค้างไว้จากการหยุดเรียนไปหลายวัน จนถึงเจ็ดโมงถึงค่อยไปปลุกเบสให้ไปอาบน้ำ เราออกจากบ้านสักเจ็ดโมงครึ่งก็น่าจะทันอยู่หรอก ไปสายกว่าปกติเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร “เจ็ดโมงแล้วเหรอ เดี๋ยวรีบไปอาบน้ำ” เจ้าตัวรีบลุกแล้วออกจากห้อง น่าจะรีบวิ่งขึ้นชั้นสามไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วเขาก็กลับมาเคาะห้องภายในไม่ถึงยี่สิบนาที “เดี๋ยวให้ลุงหมานไปส่ง” เบสหมายถึงคนขับรถที่บ้านใหญ่ ตอนนี้แม่ของเบสสร้างบ้านหลังใหม่ในรั้วของครอบครัวพ่อเบส ซึ่งส่วนมากเขาก็อยู่กันสองคนแม่ลูก ฉันกับแม่ถึงได้มาอยู่ด้วยบ่อยๆ ได้ ส่วนพ่อของเบสเขาก็เทียวไปเทียวมาระหว่างสองบ้าน...ภรรยาคนแรกกับลูกชายคนโตเขายังอยู่บ้านกับคุณปู่คุณย่าน่ะ เป็นความสัมพันธ์ที่เข้าใจยากเหมือนกัน แต่ฉันก็ไม่เคยถามเรื่องครอบครัวเบสให้เขาอึดอัด วันไหนเขาอยากบ่นก็ค่อยให้เขาเล่า แต่เท่าที่รู้คือพ่อเบสหย่ากับภรรยาคนแรกได้ปีกว่าๆ ถึงมาคบหากับแม่เบส สร้างครอบครัวด้วยกัน แต่ปู่กับย่าเขาไม่ได้ชอบแม่เบส ยังรักลูกสะใภ้คนเดิม และให้อยู่บ้านด้วยกันกับลูกชายของเธอ พ่อแม่ของเบสจึงต้องแยกบ้านแต่ก็ให้สร้างในรั้วเดียวกัน “ตอนแรกว่าจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปไวกว่า แต่แม่ไม่อนุมัติ” เขายังบ่นเรื่องที่ต้องให้คนขับรถที่บ้านพ่อไปส่ง เบสเขาไม่ค่อยอยากรบกวนหรือวุ่นวายปู่กับย่าเท่าไหร่ เราสองคนเดินลงไปชั้นล่าง และไปรอที่หน้าบ้านเลยโดยไม่ได้กินข้าวเช้าก่อน ให้ลุงหมานแวะร้านสะดวกซื้อหน้าโรงเรียนให้ พอประทังชีวิตได้ก่อนจะแยกไปเข้าแถวในตอนเช้าเพราะเรียนคนละห้อง เพื่อนๆ ในห้องก็เดินมาตบไหล่ให้กำลังใจ แต่ไม่ได้ถามอะไรกันมากมาย บางทีการปล่อยให้ทุกอย่างมันปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นน่าจะดีที่สุดแล้ว “วันนี้แกไปเรียนอีกไหมแมงมุม” น้ำรินที่นั่งข้างๆ กันในวิชาสุดท้ายถามขึ้น เราเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่มอต้น ซึ่งก็ไปไหนมาไหนกันสองคนเป็นหลัก สลับไปกับกลุ่มเพื่อนคนอื่นประปราย “น่าจะต้องไปแหละ วันก่อนก็ไม่ได้ไป” ช่วงที่ติดงานศพแม่นั่นแหละ “มีอะไรหรือเปล่า” “ก็ไม่ ว่าจะชวนไปกินชาบู” น้ำรินไม่ค่อยได้เรียนพิเศษวิชาเดียวกันกับฉัน ยัยนี่เป็นคนเรียนเก่ง แต่ก็ชิลๆ ไม่ได้จริงจังกับเกรดมาก แค่สอบผ่านเกรดไม่ต่ำกว่าสองก็ดีแล้ว ส่วนเรื่องเรียนมหาวิทยาลัยก็มีเป้าหมายชัดเจนว่าจะเบนจากสายวิทย์ไปสายศิลป์ ก็เลยไม่ค่อยได้เรียนพิเศษด้วยกัน “แล้วเบสไปเรียนด้วยไหม” ทักทายตอนเช้าค่ะทุกคน นักอ่านอยู่ในพื้นที่เสี่ยงบ้างไหมคะ ขอให้ปลอดภัยและสถานการณ์คลี่คลายไวๆ นะคะ ไรต์เองเคยทำงานที่สุรินทร์ห้าปีก่อนย้ายกลับบ้านอีกจังหวัดใกล้ๆ กัน ก็ติดตามข่าวเพื่อนๆ และญาติฝั่งโน้น ภาวนาให้เหตุการณ์สงบทุกคนปลอดภัย เหตุการณ์สงบโดยไว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD