ฉันได้ลุกไปอาบน้ำตอนสิบเอ็ดโมง แต่งตัวพร้อมไปเรียนตอนบ่าย ขณะที่เขาก็รีบลุกไปอาบน้ำต่อจากฉันทันที แล้วก็ออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพที่น้ำยังเกาะตามตัว พันแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมา
เดินตรงมาหาฉันด้วย ก็เลยลุกจากโต๊ะเรื่องแป้งเพราะคิดว่าเขาจะใช้ต่อ แต่เจ้าตัวก็ตามมาติดๆ จนฉันเซไปจนชิดผนังห้องอย่างตกใจเล็กน้อย คนตัวสูงกักฉันไว้ด้วยแขนข้างนั้น
กลิ่นสบู่และไอเย็นสดชื่นทำให้ใจเต้นแรงได้กว่าเดิม แต่กอดอกนิ่งไว้ แล้วมองสู้ตาเขาด้วยความเบื่อหน่าย
“อะไรอีก”
“ก็เพิ่งนึกได้ว่าเธอบอกว่าฉันพูดอะไรนะเมื่อคืน ไม่ให้เห็นขาอ่อนอะไรแบบนั้นไหม แต่เธอเห็นไปเยอะแล้ว เห็นแล้วมันแตะต้องไม่ได้มันรู้สึกยังไงแมงมุม เจ็บใจเล่นไหม” ฉันมองบนไปที นี่ตั้งใจออกมาหาเรื่องกันแค่นี้ ที่ทำเป็นดีด้วยเมื่อกี้คือยังไม่สร่างเมาว่างั้น
“ไหนแตะไม่ได้” ฉันก็เลยลูบๆ แตะๆ ท้องเขา อกเขา จนเบสเขยิบตัวหนี เอามือกอดอกมองฉันเหมือนหวงตัวนักหนา
“อย่ามาจับแบบนี้อีกนะแมงมุม แล้วจะหาว่าไม่เตือน”
ฉันยิ้ม เดินเข้าไปหาแล้วเอามือจิ้มๆ อกด้านขวาที่มีรอยสักรูปแมงมุมประหลาดอยู่หนึ่งตัวบนนั้น
“ไม่อยากให้จับ คราวหลังก็ไปไกลๆ” บิดเนื้อบนนั้นสักทีอย่างหมั่นไส้ เบสยู่หน้า คงเจ็บอยู่ไม่น้อย มองฉันแบบเอาเรื่อง แต่ฉันก็เดินเลี่ยงออกมาจากห้องก่อน
“แมงมุม เธอทำเกินไปแล้วนะ” เขายังตามออกมา คว้าแขนฉันไปชวนทะเลาะต่อ
“อะไรคือเกินไป”
“จับนมฉันไง” โอ๊ย นี่จริงจังหรือเอาฮา
“ก็มาให้จับเองไหม คราวหลังก็ใส่เสื้อให้เรียบร้อย แล้วก็อย่ามาอยู่ใกล้”
“ทำไม ฉันอ่อยแค่นี้มันทนไม่ได้เลยเหรอ ฉันเริ่มคิดแล้วสิว่าเธอแอบคิดอะไรกับฉันหรือเปล่า แล้วเอาแม่มาเป็นข้ออ้าง” คำถามจี้ใจดำ แต่ก็ไม่ทำให้ฉันหลุดอะไรไปมากกว่านี้หรอก
“สรุปว่าตั้งใจอ่อยว่างั้น แกมันดีแต่ปากนะเบส แบบนี้ฉันก็คิดได้หรือเปล่าว่าจริงๆ แกนั่นแหละอยากให้ฉันมองอยากให้ฉันจับน่ะ”
เบสดูจะอึ้งๆ ไปเหมือนกัน คงเพราะปกติฉันไม่ค่อยมาจะโต้เถียงอะไรน่าหวาดเสียวกับเขาแบบนี้หรอก
“ไปแต่งตัวไปเรียนได้แล้ว” อาศัยจังหวะที่เขาอึ้งตัดบท เดินไปที่ครัวไปเปิดตู้เย็นหาอะไรกิน
“แมงมุม” ตะโกนตามหลังมา แต่ก็ไม่รอให้เขาพูดจบ
“จะเจียวไข่ เผื่อไหม”
“เออ เผื่อด้วย”
แล้วเขาก็ยอมกลับเข้าไปในห้อง...ก็แค่นี้ หาเรื่องกันอยู่ได้ แต่ว่ามันทำให้ฉันรู้สึกอยากยิ้ม เสี้ยวหนึ่งของความรู้สึกตอนนี้มันทำให้นึกถึงเรื่องราวระหว่างเรา...ที่แม้จะหาเรื่องทะเลาะกันบ่อยๆ แต่ก็เป็นเพื่อนที่รู้ใจกัน
เริ่มจากรอยสักรูปแมงมุม ที่แอบคิดเสมอว่ามันหมายถึงตัวฉันเองหรือเปล่า...เขาเพิ่งสักมันตอนอายุครบยี่สิบปี ก่อนที่เราจะตึงๆ ใส่กันเพียงสองเดือนเพราะเขาไปชอบผู้หญิงคนนั้น
คืนนั้น เบสมาเคาะห้องฉันตอนเที่ยงคืนพอดี หิ้วเค้กก้อนหนึ่งเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ขณะที่ฉันมองเขาอย่างหงุดหงิดเพราะถูกปลุกหลังจากที่นอนไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ พรุ่งนี้วันอาทิตย์ มาเป่าเค้กก่อนแล้วค่อยนอนต่อก็ได้ อุตส่าห์มาเซอร์ไพรส์”
“คนบ้าที่ไหนเขาเซอร์ไพรส์วันเกิดตัวเองกันเบส” ด้วยความที่ยังง่วงอยู่อารมณ์ก็เลยยังขุ่นๆ แต่คนถูกบ่นกลับหัวเราะอารมณ์ดี
“เอาน่า มาเป่าเค้กก่อน” เจ้าของวันเกิดที่หอบเค้กมาเซอร์ไพรส์ตัวเอง จัดการปักเทียน จุดไฟแล้วส่งเค้กให้ฉันถือ
“คือฉันต้องร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้แกใช่ไหม”
“อื้ม”
ก็เลยต้องร้องเพลงให้เขาไปหนึ่งรอบ อีกฝ่ายยิ้มแป้นจนน่าหมั่นไส้ ทำท่าหลับตาอธิษฐานขอพรก่อนจะเป่าเค้ก
“กินเค้กมั้ย”
“ไม่อะ กินตอนนี้อ้วน เอาแช่ตู้เย็นไว้ก่อน” พอฉันบอกแบบนั้นเบสก็จัดการเอาเค้กไปแช่ตู้เย็น แล้วก็กลับมานอนบนโซฟาหน้าทีวี...ไม่มีทีท่าว่าจะกลับง่ายๆ
“ถ้าง่วงเธอไปนอนเถอะแมงมุม”
“แล้วแกกลับห้องตอนไหน” เราอยู่คอนโดเดียวกัน ชั้นเดียวกันเพราะน้าบัวเป็นคนจัดการให้
“สักพัก”
ฉันไม่ได้กลับเข้าห้องนอน แต่เดินมานั่งที่โซฟากับเขา
“มานั่งนี่สิ นั่งแบบนั้นเดี๋ยวบ่นปวดหลัง” เขายกขาที่พาดขอบโซฟาลง ลุกนั่ง ตบเบาะให้ฉันไปนั่งข้างๆ มันเป็นโซฟาตัวเดียวแบบปรับนอนได้ แต่มีส่วนที่ยื่นออกมาสั้นๆ ด้านข้าง แต่ไม่มีพนักพิง
จริงๆ เบสชอบวอแวแมงมุมมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนะคะ...แล้วมาทำเป็นปากดี 555