INTRO
คุณเคยมีใครอยู่ในหัวใจมั้ย? เป็นคนคนหนึ่งที่ฝังลึกอยู่ภายในจิตใจ ต่อให้วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหนคุณก็ไม่สามารถลืมเลือนเขาออกไปจากใจได้ ต่อให้พยายามมากแค่ไหนหัวใจของคุณก็มีให้เขาได้แค่เพียงคนเดียว ต่อให้จะมีคนที่ดีกว่าผ่านเข้ามาในชีวิตคุณก็ไม่สามารถเปิดใจรับใครเข้ามาได้อีก
เพราะหัวใจของคุณมันเรียนรู้ที่จะรักคนนี้ได้แค่เพียงคนเดียว..
รัก..แต่อยู่ด้วยกันไม่ได้
รัก.. แต่ก็ไม่สามารถตอบรับความรักจากเข้าได้
รัก.. แต่ก็ต้องเลือกที่จะเดินหนีไป ต่อให้เจ็บปวดมากแค่ไหน
ต่อให้รักมากจนแทบจะเอ่อล้นออกมาจากหัวใจ
สุดท้าย.. คุณก็เลือกที่จะหนีไปเพราะเขาเป็นผู้ชายที่คุณรักแต่กลับเข้ากันไม่ได้.. เพราะเขาเป็นผู้ชายในแบบที่คุณเกลียดที่สุดแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหัวใจก็ยังคงรักเขาอยู่ดี
ความรักที่มาพร้อมกับความคลุ้มคลั่งอย่างนั้นเรียกว่าความรักหรือเปล่า?
ความรักที่ต้องการครอบครองโดยไม่สนใจความรู้สึกของอีกฝ่ายแบบนั้นเรียกว่าความรักมั้ย?
สำหรับฉัน.. มันไม่ใช่ความรัก แต่สำหรับเขามันคือความรักที่พร้อมจะล่ามโซ่ตรึงหัวใจและร่างกายฉันไว้กับเขาแค่เพียงคนเดียว…
ผู้ชายที่ชื่อพายุเขาไม่ยอมปล่อยให้ฉันหนีไปได้อีกแล้ว..
“มึง! ตัวนี้งานดี ขาวมาก ล้ำมาก สูงมาก กรุบ ๆ ”กรุบ ๆ
ที่ไอ้พิมพ์ว่านั้นคือเสื้อยืดลดราคาที่แขวนอยู่ตามป้ายตัวหนึ่ง แต่ทว่าสายตาตอนที่มันบอกว่าเสื้อที่มันจับงานดีอยู่นั้นกลับมองเลยผ่านราวแขวนเสื้อตัวนั้นไป
ไอ้พิมพ์.. เรื่องผู้ชายมันไว
สายตาดั่งเหยี่ยวแม้อยู่ไกลร้อยเมตรถ้าความหล่อของคนคนนั้นเข้ามากระแทกตามันมันก็หวีดได้
“มึงรู้ได้ยังไงว่าเขาหล่ออยู่ไกลขนาดนั้น อย่าบอกนะว่าแค่เห็นกระพุ้งแก้มก็เดาได้” ‘ไอรีน’ เพื่อนคนที่สองของกลุ่มฉันแย้งขึ้นมา
มันถลึงตาใส่ไอ้พิมพ์ที่ยังชะเง้อมองไปยังผู้ชายคนนั้นไม่เลิก เห็นแค่ไรผมก็รู้ว่าหล่อ เหลือเชื่อเกินไปมั้ยเพื่อนรักของน้ำ
แต่ตอนนี้เหมือนน้ำใสคนนี้ไม่ค่อยพร้อมที่จะหวีดด้วยสักเท่าไหร่ มันเหมือนกับว่าบางอย่างกำลังโจมตีเข้าใส่อย่างหนักหน่วง แต่อย่างที่บอกข้างต้น ทนไว้ ทน..
“ไอรีนมึงหันมามองตากูแล้วเบิกเนตรดี ๆ นี่ใคร ? พิมพ์ไงพิมพ์อะเรื่องผู้ชายเคยพลาดที่ไหน อยู่ไกลกว่านี้อีกร้อยเมตรกูก็ดูออกว่าเขาหล่อ”
สงครามน้ำลายกำลังเริ่มขึ้น ไอรีนกับพิมพ์สู้สายตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่ก็นะตอนนี้ฉันไม่ได้สนใจผู้ชายที่ไอ้พิมพ์กำลังชื่นชมอยู่เพราะร่างกายตอนนี้มันเริ่มที่จะบิดซ้ายที ขวาที ขนกายลุกชันขึ้นมาจนแทบจะทิ่มโดนเพื่อนข้าง ๆ แต่ฉันก็ยังคงทนเอาไว้อยู่
อึ๊บสิน้ำใส อย่าพึ่งสิอดทนก่อนได้หรือเปล่า
“อย่าเถียงกันสิคะเพื่อน ๆ เห็นมั้ยคนอื่นเขามองมาที่เรากันหมดแล้ว ทะเลาะกันแบบนี้ไม่ดีเลยนะคะไม่น่ารักเลยคุณหนูญาไม่ปลื้ม
นะคะ”อ้อ ๆ คนนี้ ๆ ฟังแล้วดูเรียบร้อยใช่มั้ยล่ะแต่ก็นั่นแหละถ้ารู้จักอีกสักนิด เดี๋ยวก็รู้กัน คุณหนูญาคนนี้ใช่ย่อย
แต่ว่านะ เหมือนจะไม่ไหวแล้วน้ำใสจะไม่ทนขืนทนอีกนิดมีเลอะแน่!
“มึง ! ”
“อะไร ? ”
“กูปวดขี้!”ความจริงมีเพียงหนึ่งฉันจะไม่มีวันปกปิดความจริงที่ว่าฉันคนนี้ปวดขี้อีกต่อไปแล้ว! มันทนไม่ไหวแล้วแม่
ยืนแทบจะไม่ติดพื้นมันมาแล้ว จ่อแบบเน้น ๆ เลยด้วย
ปาดเหงื่อ
“ไอ้น้ำ มึงนี้มันส้วมเดินได้จริง ๆ เลย ก้นมึงไม่มีหูรูดหรือไงถึงได้รั่วตลอดเวลา ยัดอะไรเข้ากระเพาะหน่อยรูตูดเริ่มทำงานทันที! ”ไอรีนหันมาถลึงตาใส่ฉัน ใบหน้าสวยราวกับนางฟ้าที่ผิดกับนิสัยที่เหมือนแม่มดของมันกำลังมองหน้าฉันอย่างไม่สบอารมณ์ อย่าว่าแหละเมื่อกี้พึ่งไปกิน
บุฟเฟ่ต์ชาบูกันมา มีเข้าก็ต้องมีออกเพื่อนไอรีนต้องเข้าใจ
“รออีนี่ขี้กุเดินวนห้างได้สามรอบ”พิมพ์กลอกตาบนใส่ เวอร์มั้ยล่ะขี้นานอะไรขนาดนั้น ไม่มี...
“นั่นน่ะสิ อีนี่ อุ้ย! ไม่ได้เราเป็นคุณหนู”ไอ้คุณหนูญากำลังจะหยาบใส่ฉันเเต่มันได้สติทันแล้วรีบคีพลุคเป็นคุณหนูที่สุดแสนจะน่ารักที่มันสร้างขึ้นมาหลอกลวงชาวบ้าน
อย่าได้เชื่อมัน
มันน่ะตัวดีเลย
“เพื่อนน้ำอะขี้นาน ดูดขี้ลงกระเพาะเเล้วค่อยกลับไปขี้ที่บ้านไม่ได้เหรอคะ? ”ฉันเกลียดการที่มันมองหน้าแล้วกะพริบตาทำหน้าใสซื่อเป็นที่สุด
“พวกมึงเลิกบ่นกู เอาเป็นว่าตอนนี้กูสุดจะทนขี้มันจ่อตูดมาเหมือนมันรีบพวกมึงเดินกันไปก่อนถ้ากูยังไม่ออกมาก็กลับบ้านกันก่อนเลยเพราะกูว่าจะแวะทำบัตรเอทีเอ็มหน่อยอันเก่ามันพัง”ฉันว่าไปพร้อมกับร่างกายเริ่มบิดซ้ายบิดขวา มันมาละอีกนิดแตกแน่!
“มึงเเน่ใจว่าให้พวกกูกลับก่อน ไม่งอน ? ไม่เพ้อนะ ? ”
“กูไม่งอน มึงเเบกร่างเตี้ย ๆ ของมึงกลับไปเลยอีรีน''อย่าให้น้ำใสต้องเกรี้ยวกราด ยิ่งตอนปวดขี้เป็นนางเอกแค่ไหนก็ร้ายได้แก
“เตี้ยพ่อมึงสิ มึงสูงกว่ากูเเค่สองเซ็น!”เรื่องความสูงฉันจะไม่ยอมมันเด็ดขาดเพราะขึ้นชื่อว่าเตี้ยที่สุดในกลุ่มต้องยกให้มัน!
“เอ่อสองเซ็นกูก็นับ พวกมึงรีบไปเถอะถ้ายืนคุยอีกสามวิขี้กูไหลแน่ กูไปนะโบกมือลาเดินทางปลอดภัยล้อเเบนกลางทาง!”ความเป็นเพื่อนสนิทกันอะเนอะ ก่อนแยกทางกันฉันก็อยากอวยพรให้พวกมันสักนิด
เป็นการอวยพรที่จงใจปั่นประสาทพวกมันสักหน่อยถือว่าขำ ๆ พอเป็นพิธี
“ไอ้ห่า! เเช่งเพื่อนเลวสิ้นดี! ”ณ จุดนี้ไม่ได้สนใจจะหันไปเถียงกับพวกมันต่อแล้วละ เพราะฉันได้ทำการส่าวเท้าแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว
“น้ำใส!กระเป๋าตังค์มึง”แต่แล้วฉันก็ต้องเบรกหัวแทบทิ่มลงพื้นเมื่อไอรีนตะโกนเรียกแล้วโยนกระเป๋าสะพายใบเล็ก ๆ ที่เมื่อกี้ฉันฝากมันไว้ ฉันรับกระเป๋าใบนั้นมาได้อย่างเหมาะเจาะ จากนั้นไม่รอช้ากลับหลังหันเดินเขาห้องส้วมไปอย่างรวดเร็ว เกิดมามีกรรมกินนิดกินหน่อยรูตูดก็เรียกร้องหาที่ระบายทันที ท้อแท้!!
จะว่าไปเมื่อกี้ตอนพิมพ์เรียกชื่อฉัน ฉันเห็นเหมือนกับว่าผู้ชายคนที่พิมพ์หวีดเมื่อกี้จะหันมาด้วยแต่เพราะว่าฉันรีบจนเกินไปเลยไม่ทันสังเกตเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นได้ชัด เขาค่อนข้างอยู่ไกลด้วยแต่ถ้าเพ่งเล็ง
ดี ๆ ก็พอจะเห็นอยู่ละนะ
ใครกันนะ.. ตาข้างขวามันกระตุกด้วยนี้สิ
30 นาทีผ่านไป
ขี้นานแค่ไหนให้เวลาเป็นตัวบ่งบอก -..- เรียกได้ว่าออกมาหมดโล่งกันยาว ๆ สบายท้อง กระเพาะมีพื้นที่ว่างกลับมาอีกครั้ง
พอเอาออกไปแล้วมันก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที ปกติเป็นคนชอบกินอยู่แล้วยิ่งท้องว่าง ๆ ฉันก็ยิ่งจะชอบกินเป็นพิเศษ
เห้อ.. น้ำหนักไม่ต้องพูดถึงเพราะน้ำใสคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงหุ่นดีหุ่นบางเหมือนผู้หญิงทั่ว ๆ ไป เรียกได้ว่าฉันจัดอยู่ในประเภทสาวอวบที่ยังโชคดีที่มีหน้าตาน่ารักให้พอชื่นใจได้บ้าง น้ำหนักสี่สิบเหรอ ฮึ.. ไม่เคยได้สัมผัสมัน
ร้องงง
Rtt
เสียงมือถือในกระเป๋าสะพายฉันดังขึ้นมาฉันล้วงมือไปหยิบมันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ปลายสายที่โทรเข้ามาก็คงไม่มีใครแล้วนอกจากบรรดาเพื่อน ๆ ฉันทั้งสามคน
“ว่า ? ”
“ (กูชื่อไอรีนไม่ได้ชื่อว่า) ”รับสายเพื่อนปุ๊บเพื่อนก็กวนตีนกลับมาปั๊บ สงสารตัวเอง วัน ๆ เส้นสมองต้องทำงานหนักขนาดไหน
“กวนตีน”
“ (ฮ่า ๆ กูชอบเวลามึงหัวร้อน ตอนนี้พวกกูจะออกไปแรดที่คลับ
P อะ มึงจะออกมามั้ย?) ”
“ไม่อะ มึงก็รู้กูแดกเหล้าได้ที่ไหนเเค่หยดเดียวกูก็เมาเเล้ว”ฉันเป็นพวกไม่ถูกกับของมึนเมาน่ะ เพื่อนฉันเองก็ไม่ใช่ว่าจะดื่มกันได้แต่ที่ชอบออกไปเพียงเพราะต้องการเปิดโลกและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ในแบบที่วัยรุ่นที่กำลังเข้าสู่วัยกลางคนควรจะรู้ก็แค่นั้นเอง
“ (มานั่งเเดกน้ำส้มก็ได้ รีบ ๆ กลับพวกกูรออยู่ที่บ้าน) ”เห็นมั้ยล่ะ ไปร้านเหล้าแต่เลือกดื่มน้ำส้ม นางเอกมากแม่
“เอ่อ ๆ เดี๋ยวกูนั่งรถไฟฟ้ากลับ รอแป๊บ”พูดจบฉันก็วางสายเเล้วเดินมุ่งตรงไปยังรถไฟฟ้าเพื่อกลับบ้านทันที คือพวกฉันสี่คนอยู่บ้านหลังเดียวกันน่ะ ด้วยความที่สนิทกันมาตั้งเเต่มัธยมพอเรียนจบเเล้วสอบติด
มหาลัยเดียวกัน เเม่ ๆ ก็เลยอยากให้อยู่ด้วยกัน เลยตกลงเช่าบ้านหลังหนึ่งให้อยู่ด้วยกันซะเลย ฉันก็มองว่ามันก็ดีนะไม่เบื่อไม่เหงา มีเรื่องให้คุยให้ด่ากันทุกวัน ที่เห็นคุยกันหยาบ ๆ ได้เพราะสนิทกันมาก ๆ อย่างนี้ไง
คงไม่มีเพื่อนคนไหนพูดจาสุภาพกับเพื่อนที่สนิทกันมากหรอกนอกจาก
ไอ้คุณหนูญามันจะพูดจาน่ารักเวลาอยู่ในที่หมู่มาก พูดง่าย ๆ คือ มันแอ๊บเรียบร้อยเพราะครอบครัวมันเป็นผู้ดีเเล้วคนจับตาดูเยอะ! ฉันไม่ได้มองว่าการเรียบร้อยต่อหน้าคนอื่นของคุณหนูญาเป็นการเสแสร้งเลยนะแต่ฉันกลับมองว่ามันแสร้งพูดจาเรียบร้อยก็เพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดจากการถูกจับตามองจากพ่อแม่ของตัวเองเท่านั้นเอง
@Club
“ตกลงมึงจะดื่มน้ำส้มจริง ๆ ใช่มั้ย? ”ไอรีนถามฉัน ตอนนี้เรามาอยู่ที่คลับกันเเล้ว นั่งรถคุณหนูญามาทั้งสี่คนเลย
“อื้อ กูกินเหล้าไม่ไหวจริง ๆ อะ”
“โอเค”ไอรีนหันไปสั่งกับพนักงาน
“น้ำ ๆ”ฉันหันไปตามเสียงเรียกของพิมพ์ มันสะกิดฉัน
ยิก ๆ เเล้วทำตาโต เลิกลักไปมาเหมือนคนกำลังตกใจ
“มีไรพิมพ์ มึงเป็นไรเลิกลักอะไรขนาดนั้น”
“ผู้ชายคนนั้นหล่อเน้อะ”ถ้ามันจะหน้าเคลิ้มจนตาหวานฉ่ำขนาดนั้นไม่เดินไปขายอ้อยกับเขาตรง ๆ เลยละ เฮ้อ..
“พิมพ์ มึงเนี่ยเจอผู้งานดีไม่ได้เลย ไหนชี้สิจะส่องบ้าง”
“คุณหนูญาเเรดเงียบของเราเริ่มออกลายแล้วจ้าาาา”
“วันนี้เรียกกูญาอย่างเดียวพอมึง กูอยู่ในคลับขี้เกียจดึงหน้า”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ”แล้วพวกฉันทั้งกลุ่มก็หัวเราะกับหน้าตาเบื่อหน่ายของคุณหนูญา น่าเห็นใจมันนะคงจะฝืนทำในสิ่งตัวเองไม่ชอบ คงอึดอัดน่าดู
“เดี๋ยวกูเข้าห้องน้ำแป๊บนึง”
“มึงจะขี้ ? ”ดูมัน ปวดฉี่ก็พอมั้ยล่ะขี้อะไรตลอดเวลา
“กูแค่ฉี่มั้ย พวกมึงอะ ! เอะอะ ๆ โยนให้กูขี้ตลอด”ฉันเบะปากคว่ำ เชิดหน้างอน ๆ ใส่พวกมันเเล้วสะบัดตูดเดินไปห้องน้ำทันที
“มึงเก็บมันได้เลย พวกปากสว่างแบบนั้นกูไม่ชอบเลี้ยงไว้”เท้าฉันหยุดชะงักเมื่อระหว่างทางเดินไปห้องน้ำกลับได้ยินเสียงเหมือนผู้ชายคุยกัน ทางที่ฉันหยุดเดินมันจะมีซอยเเยกเข้าไป จากที่ได้ยินมาเห็นว่าโซนนี้เป็นโซนวีไอพี ฉันคิดได้ว่าไม่ควรหยุดฟังเพราะมันจะเสียมารยาทเลยก้าวเท้าเดินต่อ แต่ไม่รู้ไอ้บ้าที่ไหนเดินชนไหล่ฉันซะเต็มเเรงจนตัวฉันกระเด็นเข้าซอยเเยกนั้นไปอย่างง่ายดาย คนชนมันตัวใหญ่มากจริง ๆ
“ใคร ? ”ตรงนี้ค่อนข้างมืด แสงสีส้มจากหลอดไฟให้ความสว่างเเค่เพียงอ่อน ๆ เเทบจะมองไม่ค่อยเห็นถ้าไม่เพ่งสายตามอง เพราะเมื่อกี้มีเสียงแหบต่ำถามฉันที่อยู่ ๆ ก็กระเด็นมานั่งอยู่บนพื้นไม่ไกลจากเขา
ตรงนั้นมีผู้ชายสามคนและหนึ่งในนั้นกำลังเดินตรงมาหาฉัน
มองไม่เห็นหน้าเขาเลยจริง ๆ นะ
“ขอโทษนะคะ พอดีมีคนชนฉันเลยกระเด็นเข้ามา จะรีบออกไปเลยค่ะ”ฉันขอโทษเขาไปเพราะเป็นสิ่งที่ควรทำ ลุกขึ้นยืนและตั้งใจจะเดินออกไปให้เร็วที่สุดแต่ดูเหมือนจะถูกห้ามไว้เสียก่อน
“เดี๋ยว..”เสียงทุ้มต่ำมาก มันฟังดูไร้อารมณ์ เยือกเย็นจนความกลัวเริ่มเกาะกินใจ เขาต้องถามเเน่ ๆ ว่าเมื่อกี้ฉันได้ยินอะไรมั้ย ?
ฉันหยุดเดินเเต่ไม่ได้หันกลับไปมองทำเพียงแค่กำมือตัวเองที่ตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“ยืนอยู่นานหรือยัง ? ”นั้นไง เสียงเเบบนี้ไม่พอใจชัวร์! ซวยเเล้วไอ้น้ำเอ่ย จากน้ำใสได้กลายเป็นน้ำตาก็งานนี้เเหละ ! มาเเค่เสียงยังน่ากลัวขนาดนี้ถ้าจ้องหน้ากันตรง ๆ มันจะไม่ฆ่าฉันเหรอ..
“ไม่นานค่ะ แค่เดินผ่านมาจะเข้าห้องน้ำเเต่โดนชนเลยกระเด็นเข้ามาตรงนี้”เอาเเล้ว ตัวเริ่มสั่นเเล้ว เสียงเดินค่อย ๆ ดังเข้ามาใกล้ฉันเรื่อย ๆ แล้วด้วย..
“หันหน้ามา”
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ ฉันไม่ได้ยินอะไรจริง ๆ”หันไปก็โง่สิ ตามมาเชือดเมื่อไหร่ก็ได้ถ้ามันเห็นหน้าฉันไปแล้ว
“บอกให้หันมา! ”เสียงตะคอกดังลั่นส่งผลให้ร่างกายฉันสะดุ้ง ตาเบิกกว้างอย่างตกใจ อยู่ ๆ ร่างกายก็รู้สึกเกร็งเครียดขึ้นมาทันที
เหตุการณ์เเบบนี้จุดจบมันคือการตายไม่ใช่เหรอ ฉิบหายแล้ว..
“ฉะ ฉัน..”กลัวจนติดอ่าง อีกนิดฉี่จะราดแล้ว
พรึ่บ!
“อ๊ะ..”
ฉันร้องเมื่อร่างกายถูกพลิกให้หันไปหาเจ้าของเสียงตะคอกที่
แสนจะดุดันนั้น ผู้ชายคนนี้กำลังมองหน้าฉัน พอเราสองคนสบตากันเเล้วมองเห็นหน้ากันชัด ๆ เท่านั้นเเหละเเรงบีบตรงช่วงหัวไหล่ของฉันก็แรงมากขึ้นกว่าเดิมเป็นสองเท่า ทั้งบีบ ทั้งเคล้น ทั้งส่งสายตาดุดันเหมือนพายุร้าย
“กลับมาเจอกันจนได้สินะ.. :) ”
“พายุ..”ทำไมถึง..
ทำไมจู่ ๆ ฉันถึงเจอพายุล่ะแล้วทำไมเขาถึงมายืนอยู่ตรงหน้าฉัน
ผู้ชายคนนี้ชื่อพายุ ทั้งที่เราไม่ควรกลับมาเจอกันแต่ทำไมวันนี้เราถึงกำลังยืนมองหน้ากันล่ะ
“ตัวสั่นเลยเหรอ ? การกลับมาเจอฉันมันน่ากลัวขนาดนั้นเลย ? ”
“ปล่อยฉันนะพายุ”ฉันพยายามจะสลัดตัวเองออกไปแต่ดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่ออก ยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งบีบ
“เธอลืมอะไรไปหรือเปล่าน้ำใส? ”เขาถามพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาในระดับเดียวกันกับฉัน แววตาดุร้ายจับจ้องมาที่ฉันอย่างสะใจก่อนที่ริมฝีปากหนาจะเหยียดยิ้มมุมปากขึ้นอย่างผู้ชนะ
“อ๊ะ.. ปะ ปล่อยนะ! ”ฉันร้องลั่นเมื่ออยู่ ๆ ตัวฉันก็ถูกอุ้มขึ้นมาโดยที่ขาทั้งสองข้างถูกพาดไปที่เอวพายุโดยมีลำตัวเขาคั่นกลางอยู่ ไม่ควรฉันไม่ควรเจอพายุจริง ๆ
กึก!
หลังฉันถูกกดเข้ากับผนังห้องโดยที่พายุยังอุ้มฉันอยู่ เขาเบียดเสียดร่างกายเข้ามาอย่างแนบเเน่นจนฉันเริ่มรู้สึกเจ็บเเสบที่กลางหลัง
“อย่าทำแบบนี้”
“ฉันบอกเธอเเล้ว บอกเธอแล้วไง!’’
ตุ้บ!!
พายุตวาดเสียงดังลั่นทั้งที่ริมฝีปากยังยิ้มอยู่ เขายกหมัดทุบ
กำเเพงข้าง ๆ ฉันไปด้วยจนฉันสะดุ้ง ความกลัวกลับมาเกาะกินใจอีกครั้ง เพราะฉันรู้ ฉันรู้ว่าตอนนี้พายุกำลังจะพูดอะไร
“อย่าให้ฉันเจอเธออีก ไม่อย่างนั้นฉันจะทำลายเธอให้หนีไปไหนไม่ได้อีกเลย!! ”
‘’ไม่..”ฉันพึมพำเสียงเเผ่วเบา ส่ายหน้าปฏิเสธในสิ่งที่พายุกำลังจะยัดเยียดให้
“ยินดีต้อนรับการกลับมาอีกครั้งครับ ที่รัก..”ไม่.. ไม่..
“อื้อ..”ท้ายทอยฉันถูกพายุกดไว้ก่อนจะยื่นริมฝีปากลงมาประกบกับริมฝีปากฉันอย่างแนบเเน่น สัมผัสรุนแรงเเละป่าเถื่อนเเบบนี้มีเเค่เขาคนเดียว เเรงบดขยี้ริมฝีปากที่มาพร้อมกับการขยับขึ้นลงอย่างหนักหน่วง
ทำให้ฉันที่ทั้งทุบทั้งตีหน้าอกเข้าไว้ต้องเปลี่ยนมาขยุ้มเสื้อตรงหน้าอกเขาไว้แทน เขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนริมฝีปากตัวเองกำลังจะถูกเขากลืนกินเข้าไปด้วยความหิวโหย
“ปากยังน่าจูบเหมือนเดิม”สัมผัสจากนิ้วมือที่สัมผัสริมฝีปากฉันเหมือนจะอ่อนโยนเเต่เเค่แป๊บเดียวสัมผัสนั้นก็รุนแรงขึ้นมาทันที เพราะพายุขยี้ริมฝีปากฉันด้วยนิ้วโป้งของเขาทั้งที่ใบหน้ายังยิ้มเเย้ม
อย่างมีความสุข ในชีวิตฉันจะเจออะไรก็ได้เเต่ต้องไม่ใช่พายุ ผู้ชายที่ฉันหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด แต่ตอนนี้เขากลับมายืนอยู่ตรงหน้าฉัน หลังจากนี้ฉันรู้สึกเหมือนชีวิตตัวเองกำลังจะแย่ แย่จริง ๆ