ตอนที่ 8

1676 Words
"สามสี่วันมานี้คุณชายใหญ่เริ่มเข้ามาศึกษาการดูแลบัญชีเจ้าค่ะ ส่วนคุณชายรองและคุณชายน้อยเริ่มนำของมีค่าที่พวกเขาเก็บสะสมไว้ออกไปขาย แต่ของที่พวกเขาขายไปนายท่านลั่วได้ส่งคนไปซื้อคืนมาหมดแล้วเจ้าค่ะ" "แล้วเรื่องที่ข้าสั่งให้ไปทำเป็นเช่นไร" "ข้าจัดการตามที่คุณหนูต้องการแล้วเจ้าค่ะ ทั้งที่บ่อนและที่หอสุรารับเงินที่คุณหนูมอบให้ไปแล้วเหลือแค่รอคุณชายรองและคุณชายน้อยตกหลุมพรางเท่านั้น" ลั่วหลี่เวยที่ได้ฟังคำรายงานของชิงถงก็เคาะนิ้วลงบนโต๊ะอย่างใช้ความคิด แม้ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่นางต้องการแต่นี้ยังคงเร็วเกินไป ลั่วกงเฉินเสเพลมาหลายปีเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองในข้ามคืนเช่นนี้ "คุณหนูไม่ดีใจหรือเจ้าคะ อย่างน้อยคุณชายใหญ่ก็เริ่มใส่ใจกิจการแล้ว" "ชิงถงมีสิ่งใดให้ต้องดีใจกัน คุณชายใหญ่เพียงกลัวว่าข้าจะแย่งทุกอย่างไปเลยฝืนใจตัวเองทำเช่นนี้ หากเขาได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้วคงทำตัวเสเพลมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ" ตอนนี้ลั่วกงเฉินเพียงแค่ต้องการเอาชนะนางเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจดูแลกิจการด้วยความเต็มใจสักนิดหากได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วก็ไม่มีความหมายอะไรที่เขาจะฝืนใจดูแลกิจการต่อ ถึงตอนนั้นตระกูลลั่วคงล้มละลายจริง ๆ "ข้าหวังว่าเจ้าพวกหลานโง่จะดูแลตระกูลลั่วต่อจากข้าได้" เสียงคำพูดของท่านผู้เฒ่าลั่วดังขึ้นมาในหัวของลั่วหลี่เวย น้ำเสียงของเขามันเต็มไปด้วยความสิ้นหวังราวกับรู้ดีว่านั้นอาจเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ท่านผู้เฒ่าต้องเหนื่อยแค่ไหนกันนะที่มีหลานไม่เอาไหนเช่นนี้ "ให้คนจับตาดูไว้" "เจ้าค่ะ" ชิงถงรับคำสั่งจ้องมองคุณหนูที่นั่งอยู่ตรงหน้า ใบหน้าสวยตอนนี้ดูกังวลราวกับกำลังคิดแผนการอะไรอยู่ในใจ ชิงถงรับใช้ลั่วหลี่เวยมาหลายปีนางมักจะเห็นยามที่ลั่วหลี่เวยโดนทำร้ายและอ่อนแอ เหตุใดไม่เคยรู้ว่าลั่วหลี่เวยเจ้าแผนการเช่นนี้เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน... "คุณหนู ชิงถงมีเรื่องสงสัยเจ้าค่ะ" "อะไรหรือ" "เหตุใดยามที่อยู่จวนชุนคุณหนูถึงไม่...." ชิงถงเอ่ยออกไปไม่เต็มเสียงนัก นางกลัวว่าจะทำให้คนตรงหน้านึกถึงความรู้สึกที่เจ็บปวดอีก จวนชุนนั้นเปรียบดั่งนรกสำหรับคุณหนูข้าไม่ควรพูดถึงเลยจริง ๆ "จะถามว่าทำไมข้าถึงไม่วางแผนการเพื่อเอาชนะฮูหยินชุนและชุนหลิงเอ๋อที่ชอบทำร้ายข้าใช่หรือไม่" ลั่วหลี่เวยพูดออกมาเสียงเรียบ นางก้มลงมองถ้วยน้ำชาในมือก่อนจะหมุนมันไปมาแววตาที่เคยสดใสในตอนนี้เปลี่ยนเป็นเศร้าเล็กน้อย ชิงถงที่เห็นเช่นนั้นก็รู้ทันทีว่านางไม่ควรถามเช่นนั้นออกไป "คุณหนูโปรดลงโทษข้าเถอะเจ้าค่ะ" ชิงถงคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความรู้สึกผิด ในใจของนางตอนนี้เอาแต่โทษตัวเองภาพเหตุการณ์ในคืนเข้าหอฉายวนเข้ามาในหัวของชิงถง ลั่วหลี่เวยที่กำลังถือมีดพาดลงบนลำคอแววตาที่นางเห็นนั้นมันสิ้นหวังและเสียใจ ข้ามันเป็นบ่าวโง่ หากคุณหนูคิดทำเช่นนั้นอีกข้าจะทำเช่นไร.. "ชิงถง ข้าไม่เป็นอะไรลุกขึ้นเถอะ" ลั่วหลี่เวยพูดออกมาเสียงเศร้า แม้จะพูดออกไปว่าไม่เป็นอะไรแต่ในใจของนางยังคงรู้สึกไม่ดี เมื่อเห็นว่าชิงถงยังคงก้มหน้าไม่ยอมลุกขึ้น ลั่วหลี่เวยจึงค่อย ๆ เอื้อมมือไปลูบลงบนศีรษะของชิงถงเบา ๆ "เด็กโง่อย่าเศร้าไปเลย ก็อย่างที่เจ้ารู้สถานะของข้ายามอยู่ที่จวนชุนนั้นแตกต่างจากจวนลั่วมากนัก ข้าที่อยู่ที่จวนชุนจะทำอะไรได้กัน แม้ข้าจะวางแผนการมากมายแต่ก็ไร้ซึ่งอำนาจและคนหนุนหลัง แม้ข้าจะเอาคืนฮูหยินชุนและชุนหลิงเอ๋อได้สุดท้ายคนที่ตัดสินโทษก็คือท่านพ่ออยู่ดี เจ้าเองก็รู้ไม่ใช่หรือความยุติธรรมระหว่างข้าและชุนหลิงเอ๋อในใจของท่านพ่อย่อมเอนเอียงไปทางนาง เมื่อทุกอย่างจบลงอาจเป็นข้าที่ถูกลงโทษไม่ใช่นาง" ลั่วหลี่เวยยิ้มเศร้า แม้นางจะเป็นบุตรสาวแท้ ๆ ของนายท่านชุนแต่นางก็รู้ดีว่าสำหรับชายคนนั้นนางเป็นเพียง ลูกชั่วที่มีนิสัยร้ายกาจเท่านั้น ทุกสิ่งที่นางพูดล้วนเป็นเรื่องโกหก ส่วนทุกสิ่งที่ชุนหลิงเอ๋อพูดล้วนเป็นเรื่องจริง นี่สินะที่เรียกว่าความยุติธรรมที่เอนเอียง.. "ส่วนตระกูลลั่วนั้นแตกต่างข้ามีอำนาจของท่านผู้เฒ่าลั่วอยู่ในมือจึงจัดการทุกอย่างได้ง่าย" "ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ แต่คุณหนูหากคุณชายลั่วทั้งสามกลับตัวจริง ๆ ถึงวันนั้นอำนาจในมือของท่านก็ต้องส่งคืนไม่ใช่หรือเจ้าคะ" "มันไม่ใช่ของข้า อย่างไรก็ต้องส่งคืนอยู่แล้ว" "คุณหนูที่วางแผนมากมายถึงเพียงนี้อีกทั้งคำพูดดูถูกของท่านที่ชอบทำให้คุณชายโมโห หากคุณชายที่มีอำนาจนึกแก้แค้นขึ้นมา..." "ก็คงถูกสังหาร" ลั่วหลี่เวยพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ในเรื่องนี้นางเองก็วางแผนไว้แล้วนางได้แจ้งแก่ท่านผู้เฒ่าลั่วว่าหากทุกอย่างจบลงนางจะหย่ากับพวกเขาและออกเดินทางไปอยู่ต่างเมือง ท่านผู้เฒ่าลั่วเองก็รับปากจะช่วยเหลือนางตอบแทนที่นางทำให้หลานชายของเขาไม่เสเพลเช่นทุกวันนี้ได้ หลายวันผ่านไปลั่วหลี่เวยยังคงใช้ชีวิตเช่นทุกวันนางไปพบท่านผู้เฒ่าลั่วเพื่อศึกษาการดูแลกิจการตระกูลลั่ว แต่จริง ๆ นางเพียงนำขนมที่ตั้งใจทำมาให้ท่านผู้เฒ่าลั่วและพูดคุยเรื่องแผนการกับชายชราเท่านั้น ข่าวลือภายในจวนลั่วเริ่มแพร่กระจายไปด้านนอกผู้คนต่างซุบซิบนินทาว่าตอนนี้คุณชายตระกูลลั่วทั้งสามอาจจะถูกขับไล่ออกจากตระกูล บ้างก็ว่าตระกูลลั่วในตอนนี้ยกกิจการทุกอย่างให้หลานสะใภ้คนใหม่ทั้งหมดแล้ว เพล้ง!!!! "ลั่วหลี่เวย ข้าอยากฆ่าเจ้านัก!!!" ลั่วหลี่เวยสะดุ้งตัวตกใจเล็กน้อยก่อนจะปรับสีหน้าเป็นเรียบเฉย นางจับจานขนมที่อยู่ในมือแน่นพยายามข่มความกลัวที่อยู่ในใจเสียงเสียงโยนของและด่าทอนางที่อยู่ด้านหลังประตูยังคงดังอยู่ต่อเนื่อง "คะ...คุณหนูข้าว่าวันหลังดีหรือไม่เจ้าคะ" ชิงถงที่ยืนอยู่ด้านหลังลั่วหลี่เวยพูดออกมาเสียงสั่น ไม่ต้องเข้าไปในห้องก็รู้ว่าตอนนี้คุณชายใหญ่โกรธคุณหนูมากเพียงใดหากเข้าไปตอนนี้เกรงว่าอาจจะอันตรายเกินไป "พวกเจ้ารออยู่เข้านอกไม่ต้องเข้ามา" ลั่วหลี่เวยพูดออกมาเสียงเรียบ ก่อนจะผลักประตูเข้าไปในห้องหนังสือนางพยายามเรียกความกล้าที่อยู่ในใจแต่เมื่อเงยหน้ามองบุรุษที่ยืนอยู่กลางห้องความกล้าที่เคยมีกลับหายไป มือบางจับจานขนมที่อยู่ในมือแน่นก่อนจะฝืนยิ้มออกมา "มาให้สังหารถึงที่เลยหรือ" ลั่วกงเฉินพูดออกมาเสียงเย็นเขาจ้องมองสตรีละโมบไม่กลัวตายที่ยืนอยู่ไม่ไกล คิดจะขับข้าออกจากตระกูลหรือข้าจะทำให้เจ้ารู้เองว่าไม่ควรละโมบในสิ่งของผู้อื่น "ข้าเพียงแค่ตั้งใจนำขนมฝูหลิงที่ข้าทำมาให้ท่านพี่" ลั่วหลี่เวยพูดออกมาเสียงสั่น มือบางวางจานขนมลงบนโต๊ะก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้แสร้งทำเป็นใจเย็น แม้ในใจของนางตอนนี้เอาแต่โทษตัวเองว่าไม่ควรเข้ามาเลยจริง ๆ ลั่วกงเฉิงคิดแผนการบางอย่างในใจจ้องมองเรือนร่างของลั่วหลี่เวยไม่วางตา หากจะทำให้สตรีเชื่องก็พอมีวิธีนั้นอยู่สินะรอยยิ้มชั่วปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา "ป้อนข้าสิ ฮูหยิน" ฮูหยิน ลั่วหลี่เวยที่ได้ยินคำเรียกเช่นนี้ก็รู้สึกเสียวสันหลัง นางมองลั่วกงเฉินที่ยืนมองนางอยู่เขายิ้มให้นางราวกับเป็นบุรุษที่แสนดี การกระทำเช่นนั้นยิ่งทำให้ลั่วหลี่เวยรู้สึกไม่วางใจ ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่โมโหจนเกือบคิดจะสังหารนางหรือ "เร็วสิ" ลั่วหลี่เวยเม้มปากแน่น นางมองขนมที่อยู่ในจานที่นางตั้งใจทำอย่างอยากลำบากและสิ่งที่ใส่ลงไปนั้นหายากและมีมูลค่ายิ่ง หากสิ่งนี้สูญเปล่าไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะหาตัวยาได้อีกหรือเปล่า "ฮูหยินกลัวหรือ" "ท่านพี่คิดมากแล้ว" ลั่วหลี่เวยฝืนยิ้มออกมาก่อนจะหยิบขนมฝูหลิงในจานมาหนึ่งชิ้น ทุกย่างก้าวของนางที่เดินเข้าไปหาลั่วกงเฉินล้วนเต็มไปด้วยความกลัวนางรู้ดีว่าเขาต้องวางแผนอะไรไว้ แต่นางเองมาถึงขนาดนี้แล้วจะถอยไม่ได้ "อ้าปากสิเจ้าคะ ท่านพี่" ขนมฝูหลิงถูกป้อนเข้าไปในปากของลั่วกงเฉินช้า ๆ หากผู้ใดมองตอนนี้คงคิดว่าทั้งสองเป็นคู่รักที่หวานชื่นแม้ความจริงนั้นจะแตกต่างโดยสิ้นเชิง ลั่วกงเฉินที่กินขนมฝูหลิงจนหมดชิ้นแล้ว ก้มลงมองสตรีที่อยู่ตรงหน้าแม้ใบหน้าของนางรอยยิ้มชั่วปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง เขาใช้จังหวะที่ลั่วหลี่เวยไม่ทันตั้งตัวอุ้มนางขึ้นมา "ปล่อยข้าท่านจะทำอะไร!!!" "ก็ข้าอ้าปากไปแล้วไม่ใช่หรือ ถึงตาเจ้าต้องอ้าขาแล้ว"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD