"แท้จริงตระกูลลั่วมีกิจการเยอะมากมายถึงเพียงนี้ แต่ที่เป็นหลักคือการค้าขายสมุนไพรสินะเจ้าคะ"
ลั่วหลี่เวยเอ่ยออกมาด้วยความตกใจ หลายวันมานี้นางได้ศึกษาเอกสารเกี่ยวกับการค้าขายที่ตระกูลลั่วเป็นเจ้าของอยู่โดยมีท่านผู้เฒ่าเป็นผู้อธิบายแต่ก็ไม่ได้ละเอียดอะไรมากมายเพราะลั่วหลี่เวยไม่ได้มาทำหน้าที่ดูแลจริง ๆ
"เจ้ามีสิ่งใดอยากรู้อีกหรือไม่"
"มีเจ้าค่ะ ข้าอยากรู้เรื่องของคุณชายลั่วทั้งสามคนข้าคิดว่าหากจะให้พวกเขามาช่วยเหลือกิจการอาจจะต้องดูความถนัดและความสามารถของพวกเขา"
"อืมจริง ๆ ไม่ต่างจากที่เจ้ารู้ว่าหลานข้านั้นเสเพลแค่ไหน สุรา นางโลม การพนัน ทุกอย่างล้วนอยู่ที่ตัวหลานข้า"
ลั่วหลี่เวยที่ได้ฟังเช่นนั้นก็ยิ้มแห้งออกมา เหตุใดแววตาของท่านผู้เฒ่าลั่วเวลาพูดถึงหลานชายถึงดูไม่มีอนาคตเช่นนั้นเล่า ไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะข้าจะช่วยท่านให้ได้
"ข้าได้ยินว่าเจ้าจำกัดการใช้เงินในส่วนของเจ้าพวกหลานโง่ของข้าหรือ"
"เจ้าค่ะ ข้าดูบัญชีแล้วค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในส่วนของพวกคุณชายนั้นมีมากเกินไป บางเดือนที่พวกเขาใช้เงินสามารถนำไปซื้อจวนได้ถึงหนึ่งหลังเลย ข้าจึงเลือกตัดในส่วนของ เงินเที่ยวหอนางโลม เงินเล่นการพนันออกไปและให้พวกเขาใช้เป็นรายเดือนเจ้าค่ะ"
"เจ้าพวกหลานโง่นั้นคงโกรธเจ้าน่าดู"
"ข้าก็คิดเช่นนั้นเจ้าค่ะ แต่ทุกอย่างก็ล้วนแต่ทำเพื่อพวกเขาทั้งนั้น ท่านตาช่วยกำชับทุกคนให้หน่อยนะเจ้าคะว่าอยากนำเงินให้คุณชายเด็ดขาดและช่วยตรวจดูโรงจำนำทุกที่ด้วยนะเจ้าคะข้ากลัวว่าพวกเขาอาจจะนำของมีค่าที่ติดตัวไปขาย หากเรารู้ก่อนจะได้ไถ่คืนมาได้"
"เจ้าแน่ใจหรือว่าแผนนี้จะสำเร็จ"
"หากท่านทำตามที่ข้าแนะนำ ต้องสำเร็จแน่นอนเจ้าค่ะ"
ท่านผู้เฒ่าลั่วมองหลานสะใภ้ตรงหน้าก่อนยิ้มออกมา เอาเถอะหากแผนไม่สำเร็จจริง ๆ ข้าอาจจะยกธุรกิจทั้งหมดให้นางก็ได้ ดูท่าคงไปรอดกว่าทิ้งไว้ให้หลานไม่ได้ความทั้งสามของข้า
หลังจากพูดคุยทุกอย่างเรียบร้อย ลั่วหลี่เวยก็บอกลาท่านผู้เฒ่าและเดินกลับห้องระหว่างทางก็พบสามีทั้งสามคนกำลังยืนรอนางอยู่ สีหน้าและแววตาที่มองมาที่นางนั่นไม่เป็นมิตรนัก ลั่วหลี่เวยข่มอารมณ์ความกลัวไว้ในใจก่อนจะยกยิ้มขึ้นมา
"ชิงถง เจ้านำสมุดบัญชีนี่กลับไปที่ห้องก่อน"
"แต่ว่าพวกเขา..."
"อย่ากลัวเลย ไม่ใช่ว่าตระกูลชุนนั้นร้ายกาจกว่าเขาทั้งสามคนข้ายังผ่านมาได้หรือ"
"เจ้าค่ะ"
ลั่วหลี่เวยมองชิงถงที่เดินแยกจากนางไป ก่อนจะหันมาสนใจบุรุษทั้งสามที่กำลังเดินตรงมาหานาง ดูจากสายตาหากฆ่าข้าได้พวกเขาคงทำไปแล้วจริง ๆ
"ท่านพี่ทั้งสามกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ"
ลั่วหลี่เวยเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มเพราะหลังจากที่พบกันที่ห้องหนังสือของท่านผู้เฒ่าลั่ว สามีของนางก็ไม่โผล่หน้ามาที่จวนอีกเลยดูจากกินสุราที่โชยมาจากตัวคงไม่พ้นไปอยู่หอนางโลมสินะ
"ฮูหยิน พวกเรามาคุยกันหน่อยดีหรือไม่"
ลั่วกงเฉินเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มสังหารน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เพราะวันนี้คุณชายที่เคยมากล้นไปด้วยเงินทองมากมายกลับได้รับตั๋วเงินไม่กี่บาทสาเหตุนั้นมาจากสตรีที่อยู่ตรงหน้า
"ไปสิเจ้าค่ะ พวกเราเองก็ยังไม่เคยคุยกันจริงจังเลย"
ลั่วหลี่เวยไม่ได้มีท่าทางเกรงกลัว นางเดินนำพวกเขาไปที่ศาลาริมน้ำแม้ที่นี่จะลมพัดเย็นสบายแต่ไม่ได้ทำให้บุรุษหัวร้อนทั้งสามใจเย็นขึ้นเลย ลั่วหมิงเฉิงมองสตรีละโมบตรงหน้าด้วยความโมโหในตอนแรกเห็นหน้าตางดงามจึงคิดจะเอ็นดูแต่หากล้ำเส้นแบบนี้ข้าคงปล่อยไว้ไม่ได้
"ไม่พอใจข้าเรื่องเงินหรือเจ้าคะ"
"ยังต้องถามอีกหรือไง เจ้ารีบไปสั่งให้คนเอาเงินมาวันนี้ข้าต้องใช้เงินเลี้ยงสหายที่หอนางโลม"
ลั่วหลี่เวยเท้าคางมองลั่วหลี่หยวนที่ดูจะเด็กที่สุดเพราะนิสัยเอาแต่ใจคิดสิ่งใดก็พูดของเขามันทำให้นางนึกถึงเด็กเอาแต่ใจ แม้จะหน้าตาน่ารักที่สุดในบรรดาพี่น้องก็เถอะ หากจำไม่ผิดหลังจากตระกูลล่มคนคนนี้กลายเป็นพ่อค้าขายบะหมี่ข้างทางสินะในตอนนั้นสหายของเขาก็ไม่แม้แต่จะชายตามอง
"ลั่วหลี่เวย ข้าต้องนำเงินไปใช้หนี้เจ้าของบ่อน เจ้าอย่าเอาแต่เงียบไปนำเงินมา"
ลั่วหมิงเฉิงท่าทางมุทะลุใจร้อนไม่เกรงกลัวผู้ใดคุณชายรองที่มีนิสัยติดพนัน ส่วนหน้าตาของเขานั่นดุเสียยิ่งกว่าเสือแต่กลับเป็นเสือที่รูปงามยิ่งนัก หากจำไม่ผิดหลังจากหมดตัวเขาก็เป็นหนี้บ่อนพนันจำนวนไม่น้อยจนต้องทำงานชดใช้หนี้เป็นนักเลงคุมบ่อนสังหารผู้อื่นเพียงดาบเดียว
"เจ้าต้องการเท่าไหร่ เพื่อหย่า"
นิสัยใช้เงินแก้ปัญหาเช่นนี้ไม่มีผู้ใดนอกจาก ลั่วกงเฉินคุณชายใหญ่แห่งตระกูลลั่วมีความฉลาดทันคนได้ยินว่าเขาเรียนได้อันดับต้น ๆ เสมอในตอนนั้นลั่วกงเฉินเป็นความหวังของท่านผู้เฒ่าลั่วเลยก็ว่าได้ แต่เพียงเพราะสหายชักชวนไปดื่มสุราเคล้านารีเพียงไม่กี่ครั้งจากบุรุษที่เคยแสนดีกลับกลายเป็นชายเสเพลไม่เอาไหนวันวันอยู่แต่หอนางโลมดื่มสุราและเสพสมกับนางโลม ทำให้ความหวังเพียงหนึ่งเดียวของท่านผู้เฒ่าลั่วพังทลาย ส่วนรูปร่างหน้าตานั้นเป็นบุรุษรูปงามที่ยากจะละสายตาเลยทีเดียว หากจำไม่ผิดหลังจากหมดตัวลั่วกงเฉินผู้นี้ก็ผันตัวเป็นนักต้มตุ๋นที่ล่อลวงเงินจากสตรีขี้เหงา ใช้ใบหน้านั้นเพื่อให้พวกนางตกหลุมพราง
ทั้งที่เคยมีชีวิตที่ดีขนาดนี้ แต่ไม่รู้คุณค่าเลยสักนิด..
"นี่!! นี่เจ้าฟังพวกข้าอยู่หรือไม่!!"
ลั่วหลี่เวยตื่นจากภวังค์ นางนั่งตัวตรงมองสามีทั้งสามตรงหน้าพรางคิดในใจเพียงว่า วางใจเถอะเจ้าค่ะ ท่านผู้เฒ่าลั่วข้าจะทำให้เจ้าโง่ทั้งสามนี่รู้ซึ้งถึงการเกิดมาโชคดีเช่นนี้
"หากท่านพี่อยากได้เงินเพิ่ม ข้าให้ไม่ได้เจ้าค่ะ"
"เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาทำเช่นนี้ เจ้าเป็นแค่คนนอก"
"ใช่เจ้าค่ะข้าเป็นเพียงคนนอกและตอนนี้คนนอกเช่นข้ากำลังรับหน้าที่ดูแลตระกูลลั่วอยู่เจ้าค่ะ ทุกอย่างของตระกูลลั่วล้วนอยู่ในกำมือของข้าทั้งสิ้น แม้พวกท่านจะเป็นคุณชายที่มีสายเลือดตระกูลลั่วไหลผ่านอยู่ในตัวก็ไม่สามารถคัดค้านคำสั่งข้าได้"
"นี่เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของทุกสิ่งแล้วสินะ"
"เจ้าค่ะ ท่านพี่ก็รู้ดีไม่ใช่หรือหากข้าเป็นเจ้าของทุกสิ่งแล้วท่านพี่ทั้งสามเองก็จะเป็นแค่ผู้อยู่อาศัยภายในจวน ไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะข้าเองก็จะเลี้ยงดูพวกท่านเช่นนี้ต่อไป ไม่ปล่อยให้ลำบาก"
ลั่วหลี่เวยพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม นางรู้ดีว่าพวกเขาตอนนี้คงโกรธจนแทบพุ่งตัวมาบีบคอนางแล้วแต่เพื่อให้ทุกอย่างสำเร็จนางก็คงต้องเสี่ยงดู ท่านผู้เฒ่าจะจ่ายข้าหมอให้ข้าใช่ไหมนะ...
"เจ้าคิดดีแล้วใช่หรือไม่ ลั่วหลี่เวย ที่พูดเช่นนี้"
ลั่วหมิงเฉิงเอ่ยออกมาน้ำเสียงเย็น มองสตรีตรงหน้าไม่วางตา
"เจ้าค่ะ เงินที่ข้าให้ไปไม่ได้น้อยเลยสักนิดหากเทียบกับคุณชายบ้านอื่นในใจพวกท่านย่อมรู้ดี ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ข้าแต่มันอยู่ที่การใช้เงินของพวกท่านต่างหาก"
ลั่วหลี่เวยพูดจบก่อนยืนขึ้น นางตัดสินใจเดินออกมาทันทีคิดว่าหากอยู่ต่อชีวิตน้อย ๆ ของนางอาจจะไม่รอด นางควรงดออกจากจวนก่อนเป็นการดีที่สุดดูจากสายตาของพวกเขาแล้วอาจจะจ้างนักฆ่ามาสังหารนางก็เป็นได้...
ท่านผู้เฒ่าลั่วในตอนนี้กำลังดื่มชาราคาแพงที่เขาได้รับมาจากเพื่อนรักอย่างอารมณ์ดีเมื่อได้ลิ้มรสก็รู้สึกพอใจ ข้าไม่ได้พักผ่อนเช่นนี้มานานแค่ไหนกัน พอปล่อยให้เจ้าหลานโง่ทั้งสามให้ลั่วหลี่เวยดูแลข้าก็ดูว่างเสียจนเบื่อ
"ท่านตา อยู่หรือไม่ขอรับ"
ไม่ควรสินะ ข้าไม่ควรคิดถึงเรื่องหน้าปวดหัวเลยจริง ๆ ท่านผู้เฒ่าลั่วมองลั่วกงเฉินที่เดินเข้ามาในห้องด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เคยคิดว่าเจ้าไม่มีส่วนใดเหมือนข้า แต่พอดูยามโกรธแล้วก็มีส่วนคล้ายข้าอยู่บ้างสินะ
"ท่านตาจะยอมให้หญิงละโมบนั่นยึดตระกูลเราไปเช่นนี้ไม่ได้นะขอรับ"
ลั่วกงเฉินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ พลางนึกใบหน้าอันหยิ่งทะนงของลั่วหลี่เวย ไฟความโกรธในใจก็ยิ่งปะทุขึ้นมาเขาในตอนนี้เริ่มแน่ใจแล้วว่าท่านตาคิดจะยกตระกูลให้สตรีละโมบนั่นจริง ๆ
"ไม่ใช่ว่าเราคุยเรื่องนี้กันจบแล้วหรือ พวกเจ้าเองก็ยินยอมแล้ว"
"แต่นั่นข้าคิดว่านั่นเป็นแผนการของท่านตา ข้าก็เลย..."
"กลับไปเถอะข้าช่วยเจ้าไม่ได้"
"แต่นางเป็นคนนอก จะให้นางมาดูแลกิจการได้เช่นไร"
ท่านผู้เฒ่าลั่วได้ยินเช่นนั้นก็ลอบยิ้มออกมาก่อนจะแสร้งสีหน้าลำบากใจ เขามองไปที่ลั่วกงเฉินที่ตอนนี้มีท่าทางร้อนรนหาได้ยากยิ่งที่จะเห็นคนเจ้าแผนการเช่นเขาเป็นแบบนี้
"ข้าได้พูดไปแล้วว่าจะให้นางเข้ามาดูแลกิจการ อีกอย่างพวกเจ้าก็ไม่ได้ความเช่นนี้จะให้ข้าทำเช่นไร"
ลั่วกงเฉินเป็นคนฉลาดเขารู้ดีว่าทุกคำที่ท่านตาพูดล้วนเป็นความจริง พวกเขาทั้งสามในตอนนี้ไม่อาจมีความรู้ความสามารถดูแลตระกูลได้เลยสักนิด ไม่แปลกใจที่ท่านตาจะไม่ไว้ใจฝากตระกูลไว้กับพวกเขา
"เรื่องในตระกูลข้าและเว่ยเว่ยจะจัดการเองพวกเจ้าไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายอีก"
"แต่ว่านาง!!!"
"พวกเจ้าก็กินดื่มเที่ยวตามที่พวกเจ้าต้องการเถอะ วางใจเถอะตระกูลลั่วของข้าตอนนี้มีผู้สืบทอดที่เหมาะสมแล้วไม่จำเป็นต้องไปบังคับพวกเจ้าให้ลำบากใจอีก"
ท่านผู้เฒ่าลั่วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงรำคาญก่อนจะยืนขึ้นเตรียมเดินออกไปจากห้อง เขาปรายตามองหลานชายคนโตที่มีสีหน้าไม่ดีนักก็รู้สึกพอใจ นังหนูเว่ยเว่ยนี่วางแผนได้ไม่เลวจริง ๆ