“จริงๆ เราตั้งใจคว้าติน แต่เหมือนว่าเขาจะงานเยอะเกินไป แต่ไม่เป็นไร ตินเขาตกลงมางานแต่งเราแล้วใช่ไหมคะ”
“แคร่ก” ฉันสำลักน้ำขึ้นมาทันที เลยเป็นเป้าสายตาของเพื่อนๆ ฉันไม่ได้ตกใจที่พี่นัทจะแต่งงาน แต่ฉันตกใจที่ตินจะไปงานแต่งสองคนนี้ตั้งหาก
“แกไปบอกติน ว่าห้ามไปงานนี้”
“จูนตกใจเหรอ” เธอชื่ออบเชย (ชื่อเก่า) ส่วนชื่อใหม่เธอชื่อ เชอร์ เธอคบกับพี่นัทเพราะพี่นัทเป็นประธานบริษัท S CREAM และเธอก็เป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด เพื่อนที่แทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจ เพื่อนที่จัดอยู่ในหมวด ที่เคยสนิท แต่ตอนนี้ไม่สนิท
“เราเชิญจูนกับสาด้วยนะ” การ์ดแต่งงานถูกยื่นมาตรงหน้าพวกเรา ฉันมองการ์ดนั้นอย่างเฉยๆ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่นัทแล้ว เพราะเรื่องราวมันก็ผ่านมาสักพัก
“มาให้ได้ล่ะ”
“ตั้งใจชัดๆ” สาบ่น
“ว่าแต่...จูนยังไม่มีใครเหรอ” เธอนี่ร้ายเหมือนเก่าไม่มีผิด การหักหน้าเพื่อนต่อหน้าเพื่อนทุกคนมันเป็นงานถนัดของเธอสินะ ฉันก็ได้แต่ยิ้มเบาๆ
“ยังสนุกกับชีวิตทำงานนะ”
“พี่คิดว่าจูน แต่งงานไปแล้วเสียอีก” สองคนนี้ศีลเสมอกันจริงๆ ฉันรู้สึกเป็นความโชคดีของตัวเองที่หลุดพ้นออกมาได้
“ยังค่ะ ยินดีกับพี่นัทด้วยนะคะ” ฉันลุกขึ้นยืน เพราะสถานที่น่าอึดอัดแบบนี้ไม่สมควรอยู่ต่อ ที่นี่มันบรรยากาศน่าขนลุก ที่คนดีแบบฉันไม่ควรมานั่ง
“จะกลับแล้วเหรอ ฉันได้ข่าวว่า D CREAM กำลังจะเจ๊งเพราะยังหาพรีเซนเตอร์ไม่ได้” ฉันหันมายิ้มสวยๆ เมื่อคำพูดอันหยาบโลดของผู้หญิงคนนั้นจบลง
“เธอนี่...รู้ดียิ่งกว่าคนในบริษัทฉันอีก แต่เธอยังไม่รู้ใช่ไหม” ฉันพูดอย่างนิ่มๆ และสีหน้าเรียบเฉย ตอนแรกตั้งใจว่าจะไม่เอาตินมาเกี่ยวข้องกับฉันในที่ทำงาน แต่เพราะฉันโดน ยัยเชอร์ (อบเชย) หยามฉันมากเกินไป และเธอก็ลงทุนเดินทางมาไกลเพื่อมาเจอฉันโดยเฉพาะ มันคือการจัดฉากเหมือนทุกครั้งที่เธอตั้งใจทำ มันเป็นสิ่งที่เธอถนัด ฉันเลยโพล่งปากพูดขึ้นมา
“ตินยอมตกลงเป็นพรีเซนเตอร์ให้บริษัทฉัน เรื่องนี้เธอรู้หรือยัง” ใบหน้าหยุดยิ้มและดูอึ้งเล็กน้อย ฉันยังเป็นคนเดิม ที่เคยชนะเธอเสมอมานั่นแหละ รวมถึงครั้งนี้ด้วย
“เจอกันที่งานแต่งนะ ขอตัว” ฉันนี้ฉันสไตล์แฟนเก่า ที่โดนทิ้งจนมั่นใจกว่าแต่ก่อน ตินเป็นดาราที่จับต้องได้ยาก หลายคนมักต้องการเขา แต่ตินมักจะปฏิเสธงานที่เขาไม่ต้องการ เรียกง่ายๆ หมอนี้รับงานตามอารมณ์
“กรี๊ดด ยัยจูน~” สาแทบจะกรี๊ดลั่น ฉันเข้าใจความรู้สึกเพื่อน งานครั้งนี้เหมือนเป็นตัวชี้วัดชะตาเราเหมือนกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันค่อนข้างกังวล
“ฉันจะบอกสามีฉันยังไงดี~”
พอมาถึงแผนกทุกคนก็เฮลั่น เพราะยัยสาเพื่อนตัวดี ดันปากสว่าง และปากไวมาบอกทุกคนก่อนที่ฉันจะถามตินว่าเขายอมตกลงไหม งานหนักเลยมาตกที่ฉันตาเพียงผู้เดียว
“พี่สาสุดยอดมากครับ” หนุ่ยน้องที่แผนกยกนิ้ว ยัยสาเลยเดินมาควงแขนฉัน
“งานนี้ไม่ใช่พี่จ้ะ ต้องยกความดีให้คนนี้ ที่ไปเจรจามาได้”
“จูนชวนเหรอ” พี่บาสค่อนข้างแปลกใจ และหลายคนก็แปลกใจ เพราะตอนแรกฉันปฏิเสธเสียงแข็งเรื่องที่จะเอาเขามาเป็นพรีเซนเตอร์งานเรา
“พอดีจูน พอจะรู้จักผู้จัดการคุณตินนะคะ เลยขอร้องเขานิดหน่อย”
“เยี่ยมมาก พี่เพิ่มโบนัสให้ทุกคนเลย”
ทุกคนดีใจ แต่ฉัน...แทบจะกุมขมับไม่น่าหาเรื่องให้ตัวเองเลยจริงๆ
“วันนี้ฉันไปส่งที่บ้านนะ เพื่อนรัก”
ยัยสาอาสามาส่งที่บ้าน ฉันยังคงทำหน้าเครียดและถอนหายใจตลอดทาง เส้นทางที่คุ้นชิน แต่วันนี่ฉันไม่อยากกลับบ้าน ฉันจะเริ่มต้นพูดกับตินยังไง เขาจะยอมตกลงไหมนะ คำถามต่างๆ ที่ผุดขึ้นมา
“อย่าเครียดเลยน่า แกเป็นเมียเขานะ เขาคงไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก”
“เมียในนามหรือเปล่า”
“ฉันมีเรื่องสงสัย...” สาเงียบไปสักพักก่อนจะถามต่อ
“ได้กันยัง” ฉันไม่ได้ตอบ แต่ก็คิดว่าเพื่อนน่าจะรู้คำตอบ เพราะท่าทางฉันบอกเธอหมดแล้ว
“ยังเหรอ! แกปล่อยให้ผู้ชายหล่อแบบนั้นปลอดภัยได้ยังไง”
“ก็เราไม่ได้นอนด้วยกัน”
“ห้ะ! คุณปู่ไม่สงสัยเหรอ”
“เขาขอฉันมาตลอด แต่ฉันปฏิเสธ”
“ยัยจูน!”