ตอนที่ 2

1942 Words
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลู่หนิงเหมยจึงเดินสำรวจตำหนักเหลียนฮวา ดูว่ามีตรงไหนที่ต้องปรับปรุงบ้าง ถึงแม้ข้าวของทุกอย่างล้วนเป็นของชั้นดีราคาแพง แต่ในสายตานางมันออกจะโบราณไปสักหน่อย มีเพียงบ่อน้ำพุในห้องอาบน้ำเท่านั้นที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้นางได้ ถึงขนาดมีบ่อน้ำพุร้อนในตำหนัก ‘นี่ไม่เรียกว่าสวรรค์บนดินแล้วจะเรียกอะไร’ เป็นไท่จื่อเฟยแห่งแผ่นดินเทียนเสินนี้ไม่เลวเลยทีเดียว อย่างน้อยก็ดีกว่าอยู่ในร่างขอทานเป็นไหนๆ ถึงแม้เจ้าสามีน้ำแข็งจะไม่รัก แต่ตำแหน่งไท่จื่อเฟยก็มากไปด้วยอำนาจบารมี อีกทั้งตระกูลลู่ของนางยังมีพี่ใหญ่กับท่านพ่อและท่านปู่คอยหนุนหลังอีก แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี ลู่หนิงเหมยกลับมานั่งเอนหลังบนเตียงกว้าง มือบางลูบปลายคางอย่างใช้ความคิด ในเมื่อตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ที่นี่แล้ว นางจึงคิดว่าจะปรับปรุงห้องน้ำกับห้องนอนใหม่ เพราะเป็นห้องที่นางใช้เวลากับมันมากที่สุด ลู่หนิงเหมยหยิบกระดาษกับดินสอในกล่องมิติออกมา แล้วทำการร่างแบบสิ่งของที่ต้องการทันที ไม่ว่าจะเป็น ตู้ เตียง โต๊เครื่องแป้ง อ่างล้างหน้า ถังเก็บน้ำ ถังไม้ รวมถึงโถสุขภัณฑ์ และของใช้จำเป็นในห้องน้ำ เสร็จแล้วก็ให้เสี่ยวลี่ไปตามช่างไม้กับช่างเหล็กของกรมโยธา นางจะทำปั๊มน้ำสุญญากาศต่อกับบ่อน้ำพุร้อน เพื่อทำก๊อกน้ำต่อฝักบัวและอ่างล้างหน้าแบบยุคปัจจุบัน เพื่อความสะดวกในการใช้งาน รวมถึงทำห้องสุขาใหม่ จึงต้องคุยรายละเอียดกับช่างไม้และช่างเหล็กให้เข้าใจตรงกัน แม้เสี่ยวลี่จะนึกแปลกใจว่าไท่จื่อเฟยเรียกช่างไม้กับช่างเหล็กมาทำไม แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้ความว่าไม่ควรถาม หญิงสาวรีบไปตามช่างไม้กับช่างเหล็กของกรมโยธาตามคำสั่งผู้เป็นนายทันที ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับบุรุษหนุ่มร่างกำยำผิวสีเข้มสองคน “ถวายพระพรไท่จื่อเฟยพ่ะย่ะค่ะ” นายช่างหนุ่มทำความเคารพพร้อมกันอย่างนอบน้อม พลางลอบมองไท่จื่อเฟยเป็นระยะ “ลุกขึ้น เชิญนั่งตามสบาย” “ขอบพระทัยไท่จื่อเฟย” “กระหม่อมตงหานช่างไม้ประจำกรมโยธาพ่ะย่ะค่ะ” “กระหม่อมอู่จงช่างเหล็กประจำกรมโยธาพ่ะย่ะค่ะ” “ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็ไม่มีอะไรมาก ข้าอยากได้ของตามแบบภาพนี้” ลู่หนิงเหมยกล่าวพลางยื่นม้วนภาพให้ทั้งสองดู จากนั้นก็อธิบายรายละเอียดให้นายช่างหนุ่มทั้งสองฟังแล้วถามพวกเขา “พอจะทำได้หรือไม่” ทั้งสองมองแบบภาพในมือด้วยความตกตะลึงเพราะไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน และคิดไม่ถึงว่าไท่จื่อเฟยจะเป็นคนออกแบบเองทั้งหมด แม้ของบางอย่างจะดูไม่ออกว่าคืออะไร แต่หลังจากฟังรายละเอียดจากไท่จื่อเฟยแล้วก็รู้ว่าของในแบบภาพทั้งหมดใช้งานได้จริง เมื่อพิจารณาแบบภาพอย่างละเอียดแล้วถึงได้ตอบออกไปพร้อมกัน “ทำได้พ่ะย่ะค่ะ” เป็นครั้งแรกที่นายช่างหนุ่มทั้งสองรู้สึกตื่นเต้นกับงานที่ได้รับมอบหมาย “ดี!” ลู่หนิงเหมยมองนายช่างหนุ่มทั้งสองด้วยสีหน้าพึงพอใจ แล้วมอบถุงเงินจำนวนหนึ่งให้พวกเขา “รบกวนพวกเจ้าแล้ว” “ไท่จื่อเฟยกล่าวหนักไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ รับใช้ไท่จื่อเฟยนับว่าเป็นเกียรติของกระหม่อม” หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ลู่หนิงเหมยจึงให้เสี่ยวลี่เรียกนางกำนัลทั้งหมดที่รับใช้นางเข้ามา “ถวายพระพรไท่จื่อเฟยเพคะ” เหล่านางกำนัลตัวน้อยกว่าสิบคนทำความเคารพพร้อมกัน “ลุกขึ้น” “ขอบพระทัยไท่จื่อเฟย” ลู่หนิงเหมยมองพิจารณานางกำนัลตัวน้อยทีละคน เหล่านางกำนัลตัวน้อยล้วนแต่น่ารักน่ามองกันทั้งนั้น ดูแล้วน่าจะอายุไม่เกิน 18 ปี ด้วยซ้ำ “ที่ข้าเรียกพวกเจ้าทุกคนมาเพราะมีเรื่องอยากถาม ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าเลือกว่าอยากเป็นนางกำนัลรับใช้ข้าหรือไม่ หากไม่อยากก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดได้ ซึ่งข้าจะมอบเงินให้คนละห้าร้อยตำลึงไว้ใช้จ่าย ส่วนคนที่ต้องการอยู่ต่อ หน้าที่ของพวกเจ้ามีเพียงข้อเดียว คือทำตามคำสั่งข้าอย่างไม่มีข้อแม้ ข้าสั่งให้อยู่ก็ต้องอยู่ ข้าสั่งให้ตายก็ต้องตาย” ลู่หนิงเหมยนิ่งเงียบครู่หนึ่งเพื่อสังเกตท่าทีของแต่ละคน แล้วกล่าวต่อ“คนที่ต้องการอยู่ต่อให้ก้าวออกมาข้างหน้าคนละหนึ่งก้าว ส่วนคนที่ต้องการไปให้ยืนอยู่ที่เดิม” จบคำพูดของนางก็มีนางกำนัลคนหนึ่งก้าวออกมาด้านหน้าอย่างไม่ลังเล ก่อนคนอื่นๆ จะก้าวออกมาทีละคนจนครบสิบคน ลู่หนิงเหมยมองเหล่านางกำนัลตัวน้อยด้วยความพึงพอใจ ถ้าไม่มีใครอยู่ต่อคงเสียดายแย่ นางชอบคนงามไม่ว่าหญิงหรือชายก็ชอบทั้งนั้น ที่นางเรียกทุกคนมาก็เพื่อดูว่าทุกคนเป็นคนยังไง นางเป็นนายหญิงขององค์กรลับพบปะผู้คนมาไม่น้อย และสิ่งที่นางไม่เคยพลาดเลยคือการอ่านวิเคราะห์คน ปากจะพูดโกหกยังไงก็ได้แต่สายตาไม่สามารถโกหกได้ “ต่อไปพวกเจ้าทุกคนเป็นคนของข้า กฎเหล็กของข้ามีเพียงข้อเดียวคือพวกเจ้าทุกคนต้องเชื่อฟัง คนที่หักหลังข้าจุดจบคือ ไม่ตายดี” ลู่หนิงเหมยเน้นประโยคสุดท้ายเสียงเย็น ดวงตาคู่หวานสีนิลกวาดมองทุกคนด้วยสายตานิ่งเรียบยากจะคาดเดา กลิ่นอายเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาทำเอาเหล่านางกำนัลตัวน้อยแผ่นหลังเย็นวาบไปตามๆ กัน “เชื่อฟังไท่จื่อเฟย” นางกำนัลทั้งสิบกล่าวพร้อมกัน “ดี! ต่อไปเรียกข้า ‘นายหญิง’ เข้าใจหรือไม่” “จะดีหรือเพคะ...” เสี่ยวลี่เอ่ยถามในที่สุด “ข้าเป็นคนอนุญาตใครจะทำไม ตอนนี้พวกเจ้าทุกคนเป็นคนของข้าแล้ว เพราะฉะนั้นจำไว้ว่าคนที่รังแกพวกเจ้าได้มีข้าคนเดียวเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์” ลู่หนิงเหมยบอกสาวน้อยทั้งสิบเอ็ดคนเสียงจริงจัง คนของนางนางรังแกได้คนเดียว หากใครคิดรังแกคนของนางเตรียมพบจุดจบได้เลย เหล่านางกำนัลตัวน้อยมองไท่จื่อเฟยคนงามด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ คำว่าคนอื่นไม่มีสิทธิ์รังแกพวกนางนั้น หมายความว่าหากพวกนางโดนรังแกไท่จื่อเฟยจะออกโรงปกป้องพวกนาง “ถึงข้าจะไม่อนุญาตให้คนอื่นรังแกพวกเจ้า ไม่ได้หมายความว่าพวกเจ้าสามารถรังแกคนอื่นได้ตามอำเภอใจ เข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่” “เข้าใจเพคะ” “ดี...เจ้ากับเสี่ยวลี่อยู่ก่อน ส่วนคนอื่นออกไปได้” เมื่อทุกคนออกไปแล้ว ลู่หนิงเหมยจึงหันมาถามสาวน้อยที่ก้าวออกมาคนแรกอย่างสนใจ “เจ้าชื่ออะไร” “หม่อมฉันมีนามว่าชิงชิงเพคะ” “ต่อไปเจ้ามาอยู่ข้างกายข้า” “เพคะไท่จื่อเฟย เอ่อ...เพคะนายหญิง” ลู่หนิงเหมยมองสาวน้อยตรงหน้าอย่างพึงพอใจ พอได้ยินคนเรียกนายหญิงอีกครั้ง ก็อดคิดถึงถังอิ๋นไม่ได้ ถังอิ๋นเป็นมือขวาของนางและรู้ใจนางมากที่สุด เพียงแค่มองตาก็รู้แล้วว่านางต้องการอะไร หากถังอิ๋นทะลุมิติมาด้วยก็คงดีนางจะได้รู้สึกผิดน้อยลง ดวงตาคู่หวานวูบไหวเล็กน้อยก่อนจะรีบดึงสติกลับมา แล้วหันไปกล่าวกับเสี่ยวลี่และชิงชิง “เสี่ยวลี่ ชิงชิง เจ้าสองคนไปตามคนงานของกรมโยธามาสักสี่ห้าคน ให้พวกเขานำจอบกับเสียมมาด้วย” “เพคะไท่...เพคะนายหญิง” เสี่ยวลี่ได้แต่คิดว่าวันนี้ไท่จื่อเฟยเป็นอะไรกับคนของกรมโยธา ก่อนหน้านี้ก็ช่างไม้กับช่างเหล็ก คราวนี้ก็คนงานของกรมโยธาอีก ไม่รู้ไท่จื่อเฟยคิดจะทำอะไร นางรู้สึกว่าหลังจากไท่จื่อเฟยฟื้นขึ้นมาก็ดูเปลี่ยนไป แต่ก็ช่างเถอะ ไม่ว่าไท่จื่อเฟยจะทำอะไร อย่างน้อยก็ดีกว่าไท่จื่อเฟยทำเรื่องนั้น ทั้งสองออกไปตามคนงานของกรมโยธาอย่างว่าง่าย ไม่นานก็กลับมาพร้อมคนงานชายทั้งหมดห้าคน “ถวายพระพรไท่จื่อเฟยพ่ะย่ะค่ะ” “ลุกขึ้น” “ขอบพระทัยไท่จื่อเฟย” “ข้ามีเรื่องรบกวนพวกเจ้า ตามข้ามา” ลู่หนิงเหมยบอกพร้อมกับเดินนำพวกเขาไปหลังตำหนักในทันที เพราะไม่อยากปล่อยเวลาให้เสียเปล่า ยิ่งทำทุกอย่างเสร็จเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีกับนางมากเท่านั้น เหล่าคนงานหนุ่มทั้งห้าเดินตามหลังไท่จื่อเฟยออกไปอย่างนึกแปลกใจระคนสงสัย เพราะตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาไท่จื่อเฟยไม่เคยเรียกใช้งานพวกเขาเลย ได้ยินว่าเมื่อเช้าไท่จื่อเฟยก็เรียกช่างไม้กับช่างเหล็กเข้าเฝ้า ไม่รู้ว่าไท่จื่อเฟยจะให้พวกเขาทำอะไร “ข้าอยากให้พวกเจ้าขุดบ่อขนาดความกว้างและความลึกตามนี้ ข้าจะทำบ่อเกรอะบ่อซึม” ลู่หนิงเหมยส่งแบบให้พวกเขาพร้อมกับชี้จุดที่นางต้องการให้ขุด และเน้นย้ำขนาดความกว้างและความลึกของบ่ออีกครั้ง “พ่ะย่ะค่ะ” แม้จะไม่รู้ว่าบ่อเกรอะบ่อซึมที่ว่าคืออะไร แต่พวกเขาก็ลงมือขุดทันที ลู่หนิงเหมยยืนดูพวกเขาครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรถึงได้กลับตำหนัก และไม่ลืมสั่งให้นางกำนัลนำน้ำกับขนมมาให้พวกเขา ... ตำหนักบูรพา “ทูลไท่จื่อ วันนี้ไท่จื่อเฟยทรงเรียกช่างไม้และช่างเหล็กของกรมโยธาเข้าเฝ้า ทั้งยังให้คนของกรมโยธาขุดบ่อหลังตำหนัก ได้ยินไท่จื่อเฟยบอกว่าจะทำบ่อเกรอะบ่อซึมพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์หนุ่มรายงานความเคลื่อนไหวของไท่จื่อเฟยให้ผู้เป็นนายฟังอย่างละเอียด “บ่อเกรอะบ่อซึมคือสิ่งใด” เยว่เฉิงอันละสายตาจากราชกิจในมือพลางขมวดคิ้วเข้ากันเป็นปมอย่างนึกสงสัย เพราะไม่เคยได้ยินสิ่งที่เรียกว่าบ่อเกรอะบ่อซึมมาก่อน “กระหม่อมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าคือสิ่งใด เห็นคนงานของกรมโยธาคาดเดาว่าน่าจะเป็นบ่อทิ้งของเสีย นี่เป็นแบบร่างบ่อเกรอะบ่อซึมที่ว่าพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์หนุ่มส่งแบบร่างนั้นให้ผู้เป็นนายดู “บ่อทิ้งของเสียอย่างนั้นหรือ...” เยว่เฉิงอันรับแบบร่างนั้นมา ทว่าดูอย่างไรก็ดูไม่ออกว่าคืออะไร “เห็นว่าอย่างนั้นพ่ะย่ะค่ะ” “จับตาดูนางไปก่อน” “พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์หนุ่มรับคำแล้วเร้นกายออกไปทันที ชั่วขณะนั้นไท่จื่อหนุ่มนึกย้อนเรื่องราวที่ผ่านมา แม้เขาจะไม่ได้ใส่ใจนางแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปล่อยนนางคาดสายตา ตลอดหนึ่งปีที่นางอยู่ที่นี่ในฐานะไท่จื่อเฟย นางไม่เคยทำเรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน หรือสมองนางจะได้รับการกระทบกระเทือนจากการพลัดตกสระบัว...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD