“พอครับ! พอ!” อาทิตย์รีบตอบ สีหน้าตื่นเต้น คืนนี้ตนเองคงได้ทุนคืนแน่นอน
เขารับเงินสดหนึ่งล้าน เร่งพาพฤกษ์ไปยังสถานที่เล่นพนัน อาทิตย์เลือกเล่นแทบทุกอย่าง แต่วันนี้ดูเหมือนโชคไม่ดีสักเท่าไหร่ เวลาแค่สองชั่วโมงเงินหนึ่งล้านในมือ กลับหายไป
“เสียอีกแล้วพฤกษ์ พี่จะทำยังไงดี!” อาทิตย์เริ่มตัดพ้อ
“กลับกันดีกว่าไหมพี่ เล่นอีกก็คงเสีย วันนี้คงไม่ใช่วันของเรา”
“แต่พี่ติดหนีเป็นล้านแล้ว ถ้าไม่เอาทุนคืน จะเอาเงินที่ไหนเล่นต่อ”
“แล้วพี่จะทำยังไง”
สีหน้าอาทิตย์เครียดหนัก ถ้าหากไปขอกู้ต่อจะให้หรือเปล่า แล้วถ้าให้ เขาจะสามารถเรียกทุนคือนได้ไหม
“พี่อยากกู้ต่อ ผู้จัดการจะให้หรือเปล่า”
พฤกษ์ส่ายหน้า “ผมไม่รู้เหมือนกันพี่ ปกติแล้วผู้จัดการคงไม่ให้ต่อ”
“แต่พี่อยากลองเสี่ยงดู”
“แต่ผมกลับพี่เสียอีก เอาเป็นพรุ่งดีกว่าไหม”
“ถ้าพี่ไม่เล่นก็ไม่มีทุนเล่นพรุ่งนี้แล้ว!”
“แล้วแต่พี่เลยก็แล้วกัน จะกู้อีกใช่ไหม เดี๋ยวผมพาไป”
เดินวนกลับไปหาผู้จัดการอีกครั้ง พฤกษ์ส่งสายตาให้ เขาหยิบเงินมาให้ผู้กู้อีกหนึ่งล้าน อาทิตย์ดีใจล้มแทบจับรีบรับ กลับมาเล่นต่อ ไม่นานนักหนึ่งล้านมลายหายในพริบตา ทรุดกายลงกองกับพื้น สีหน้าซีดเผือด เงินสองล้านสามแสน จะหาที่ไหนมาชดใช้ ทำงานทั้งปีทั้งชาติ ก็ไม่มีวันชดใช้ได้หมด
ผู้จัดการชูชาติก้าวออกมานอกห้อง หยุดยืนตรงหน้าลูกหนี้ ก่อนย่อกายลง แล้วเชยคางเพื่อสบตา สีหน้าเยือกเย็น อาทิตย์สั่นสะท้าน เขาไม่น่ากลับไปเล่นอีก สุดท้ายมันก็เหมือนเดิม
“หนึ่งอาทิตย์ ต้องส่งดอก จำได้ใช่ไหม”
“ครับ”
“จำได้ก็ดีแล้ว ต้นยังไม่มีฉันไม่ว่า แต่ดอกต้องส่งตรงเวลา เข้าใจตรงกันนะ”
“ครับ”
ชูชาติเดินผ่านไป พฤกษ์ย่อกายลง บีบไหล่เพื่อปลอบ
“ไม่เป็นไรใช่ไหมพี่”
“พี่จะหาเงินที่ไหน อาทิตย์ละสองแสน”
“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เป็นผมก็คงหาไม่ได้”
เอามือขยี้ผมจนยุ่งเหยิง แววตาสิ้นหวัง ควรทำอย่างไร ไม่อยากให้น้องกับแม่ต้องรับรู้ หาทางออกทางไหนได้บ้าง ฉุกคิดขึ้นมา น้องสาวสนิทสนมกับประธานเมฆินทร์ ถ้าไปหาแล้วขอยืมเงินอาจพอมีทางรอดา ลุกยืนอย่างรวดเร็ว มีรอยยิ้มขึ้นมา
“พี่พอมีทางแล้ว!”
“ทางไหนล่ะพี่!”
“พี่กลับบ้านก่อนนะ” พูดจบ เขารีบวิ่งออกไปที่รถ ขับออกจากลานจอด
พฤกษ์รีบต่อสาย รายงานสิ่งที่เกิดขึ้น ให้กับเจ้านายตนเองในทันที อลันก้าวเข้ามาในห้อง สีหน้าของเมฆินทร์บ่งบอกถึงความยินดี เขาเชื่อว่าอีกไม่นานพี่ชายของอลินธารา ต้องมาหาตนแน่นอน
อาทิตย์จอดรถหน้าบ้าน สาวเท้าเข้าด้านใน เห็นแม่กำลังนั่งเย็นผ้า ซึ่งรับมาจากลูกค้า เขาหย่อนกายลงบนโซฟา รินน้ำดื่ม แล้วหันมองมารดา
“ลินไปไหนเหรอครับ”
“ลินอยู่ข้างบนน่ะ ทำไมวันนี้กลับช้าล่ะ ปกติแม่เห็นกลับบ้านก่อนหกโมง”
“พอดีติดธุระนิดหน่อยครับ เจ้านายเลยให้ทำโอที”
“กินข้าวมาหรือยัง แม่ทำกับข้าวไว้ให้แล้ว ไปหาอะไรกิน แล้วก็อาบน้ำพักผ่อนซะสิ”
พอรู้ว่าน้องสาวไม่ได้ไปทำงาน ทำเอาโล่งใจ หลังทานข้าวแล้ว ตั้งใจว่าจะออกไปเลย ไม่อยากเผชิญหน้ากับน้อง ถ้าหากประธานเมฆินทร์สนใจลินจริง จะต้องยอมพบหน้าเขาแน่นอน ตักข้าวใส่จาน แล้วทานอาหารเรียบแล้วอาบน้ำแต่งตัวในชุดสุภาพ ออกจากห้องเห็นมารดาทำงานอยู่ที่เดิม
“จะไปไหนเหรออาท ทำไมแต่งตัวเรียบร้อยแบบนี้” คนเป็นแม่ถาม สีหน้าสงสัย
“ผมว่าจะลองไปหางานเพิ่มน่ะแม่”
“จะไปหาเพิ่มอีกทำไม ไม่เหนื่อยเหรอ นี่กว่าจะกลับก็เช้าแล้ว”
“ไม่เหนื่อยเลยแม่ ผมอยากได้เงินเยอะ เผื่อต้องขอสาวแต่งงาน”
อรดียิ้มบาง ๆ “ตามใจเถอะ รีบไปรีบกลับมานอนล่ะ”
“ครับแม่”
อาทิตย์ลงจากรถ หลังจากไว้ตรงลานกว้าง ยืนมองตึกสูงใหญ่ สีหน้าครุ่นคิดหนัก กระนั้นก็ไม่อาจหยุดได้แล้ว หนี้ก้อนนี้ ถ้าไม่รีบใช้คืน คงได้โดนทำร้ายแน่ เพราะท่าทางคนพวกนั้น ไม่ใช่ธรรมดาเลย เข้าตัวตึกมาถึงด้านหน้าประชาสัมพันธ์
"ผมมาพบประธานเมฆินทร์” เขาบอกเสียงหนัก
พนักงานชะงัก “ได้นัดหรือเปล่าคะ”
“เปล่า”
“ถ้าไม่ได้นัด เราให้ขึ้นไปพบท่านไม่ได้ค่ะ”
สีหน้าอาทิตย์เผือดลง กรอกนัยน์ตา ต้องทำยังไงถึงยอมพบ
“บอกท่านว่า พี่ชายของเลขาอลินธาราต้องการพบ”
พนักงานสาวมองหน้า ก่อนหยิบโทรศัพท์โทรเข้าภายใน พอวางสายเลยมองไปยังใบหน้า ของคนที่มาขอพบ หน้าตาดูดีไม่น้อย ผิดแต่ท่าทางราวกับนักเลงข้างถนนก็ไม่ปาน
“ฉันจะนำทางให้ เชิญตามมาค่ะ” พนักงานบอก แล้วเดินนำ
ระหว่างเส้นทาง อาทิตย์ทำตัวลีบ เพราะสายตาหลายคู่มองมา เขาควรชินกับมัน แต่ไม่เลย ไม่เคยทำใจได้ พวกเขาทำเหมือนตนเอง เป็นขอทานก็ไม่ปาน เกลียดสายตาพวกนี้เหลือเกิน พนักงานพามาหยุดยืนหน้าประตู เงยหน้ามองแล้วอดใจเต้นไม่ได้ ไม่เคยมาสถานที่แบบนี้มาก่อน
ก๊อก ก๊อก
“เข้ามาได้” เสียงจากด้านในห้องดังขึ้น
ประตูเปิดออก อาทิตย์ก้าวเข้าด้านใน บรรยากาศเงียบสนิท เห็นประธานเมฆินทร์นั่งอยู่ตรงโต๊ะกลางห้อง เมื่อเห็นแขกเลยลุกจากเก้าอี้ แล้วผายมือเชิญ
“เชิญนั่งครับ” เขาเอ่ยปาก แล้วหย่อนกายลงบนโซฟา
อาทิตย์รีบทรุดกายลง มือจับกันไปมา สีหน้ากังวล
“มาหาผมมีเรื่องอะไรเหรอครับ คุณคงทราบว่า วันนี้เลขาอลินธาราไม่ได้มาทำงาน”
“ผมมาที่นี่เพราะต้องการพบกับท่านประธานโดยตรงครับ ไม่ได้มาหาลิน”
“แล้ว... อยากพบผมเพราะ...”
ไม่กล้าสบตาเลย รู้สึกหวั่นเกรงชอบกล แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากขอความช่วยเหลือ อย่างไรเสียประธานเมฆินทร์ ก็คงไม่ฆ่าแกงตนเองหรอก
“เอ่อ....”
“พูดมาได้เลยครับ ผมไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่าไหร่”
“ผมอยากขอยืมเงินท่านประธานสักสองล้านสามแสนครับ!” เขาโพลงออกมา
คนฟังชะงัก ขมวดคิ้วแสร้งตีหน้าเครียด แล้วสบตาคนพูด เห็นหลบไม่กล้ามองมา
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ หรือที่บ้านเดือดร้อน แล้วเรื่องนี้เลขาลินรู้เรื่องหรือยัง”
“อย่าบอกลินนะครับท่านประธาน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับที่บ้านครับ เป็นเรื่องของผมคนเดียว!”
“ว่าแต่.. เงินสองล้านสามแสนนี่ คุณจะเอาไปทำอะไรครับ”
คนถูกถามน้ำท่วมปาก หากบอกความจริง อีกฝ่ายจะให้การช่วยเหลือไหม มือจับกันไปมาจนชื้อเหงื่อ
“เอ่อ ผมจะเอาไปลงทุนธุรกิจ” อาทิตย์ตอบเสียงเบา
คิ้วเข้มขมวด “ธุรกิจอะไรครับ”
“เอ่อ.. พอดีเพื่อนผมจะทำร้านเหล้า ผมเลยอยากร่วมหุ้นด้วย”
เมฆินทร์แสร้งระบายลมหายใจ “มันดูง่ายไปนะครับ ไม่ใช่แค่ผมหรอก คนอื่นก็มองออกว่าคุณกำลังโกหกผม ถ้าผมถามลึกลงไปอีก คุณแน่ใจเหรอว่าจะหาคำตอบให้ผมได้”
สีหน้าเริ่มซีดเผือดลง เหงื่อแตกเต็มหน้าผาก
“บอกผมมาตามตรงดีกว่าครับ เงินที่คุณจะมายืมผม ยืมไปทำไม”
“ผม... ไม่ถามผมเรื่องที่ผมจะเอาไปทำอะไรได้ไหมครับ”
“คงไม่ได้ครับ เงินสองล้านสำหรับผมไม่ได้เยอะอะไร แต่ผมก็ไม่อยากให้เอาเงินผมไปทำเสีย ผมต้องรู้ว่าคุณจะเอาไปทำอะไร”
ก้มหน้าหลุบตามองพื้น พอเอาเข้าจริง ๆ จิตใจเข้มแข็งดันห่อเหี่ยว คนอย่างเมฆินทร์ ไม่ใช่เล่น ๆ เลย
“ผมจะเอาไปใช้หนี้ครับ” อ้อมแอ้มตอบออกมา แววตาหม่น
“หนี้อะไรครับ”
เขาค่อย ๆ เงยหน้า ถ้าหากไม่บอกความจริง ประธานเมฆินทร์คงไม่มีวันยอมให้ยืมแน่