ตอนที่ 3 เธอที่อยู่ตรงนั้น

1410 Words
เขายักไหล่ ไม่ยีระกับคำพูดอีกฝ่าย แล้วแยกเขี้ยว เห็นฟันเรียงสวยงามสะอาดตา ก่อนโน้มใบหน้าเข้าใกล้ จนลมหายใจรินรดกัน “ผมจะบอกอะไรให้นะ ผมบ้าได้มากกว่านี้อีก ถ้าคุณยังปฏิเสธผมแบบนี้” อลินธาราผลักอก แล้วรีบเบี่ยงกายหนี ทว่าเอวบางกลับถูกคว้าไว้ ร่างงามถูกผลักดันจนเอนกายลงบนโต๊ะทำงาน ของหล่นลงมากระจายเกลื่อนพื้น หญิงสาวตระหนกรีบใช้มือบางดันแผกอกไม่ให้เข้าใกล้ “อย่านะ! นี่มันที่ทำงาน คุณเป็นถึงประธานบริษัทยักใหญ่ คุณทำแบบนี้ไม่กลัวเสียชื่อเสียงหรือไงกัน!” “ทำไมผมต้องกลัว เรื่องความรัก ไม่เกี่ยวกับงานอยู่แล้ว ผมไม่ได้ทำให้งานเสียหายสักหน่อย” “อย่าทำแบบนี้กับฉัน ได้ยินไหม ฉันมีคนรักที่จะแต่งงานด้วยแล้ว คุณจะหน้าไม่อายแย่งคนรักคนอื่นหรือไง!” “ผมก็บอกไปแล้วนี่ ว่าคุณยังไม่ได้แต่งงานผมมีสิทธิ์!” “คุณไม่มีวันได้สิทธิ์นั่นหรอก เพราะฉันไม่มีวันสนใจคนอย่างคุณ!” ใบหน้าเข้าใกล้ใบหู “อย่ากลืนน้ำลายตัวเองแล้วกัน” พูดกระซิบ แล้วขบเม้มใบหู ทำเอาคนโดนกระทำขนลุกเกรียว รีบผลักดันอีกฝ่ายสุดกำลัง “ปล่อยฉัน! ฉันจะลาออก!” “ลาออกงั้นเหรอ ลืมไปหรือเปล่า ว่าคุณเซ็นต์สัญญาทำงานไว้ห้าปี ถ้าออกตอนนี้ คุณได้โดนค่าปรับอ่วมแน่” คนฟังชะงัก “คุณวางแผนไว้ใช่ไหม!” “แล้วแต่คุณจะคิด” เขาอมยิ้ม “ยอมเป็นของผมง่าย ๆ ดีกว่าไหม คุณอยากได้อะไรผมหาให้คุณได้หมด อยากได้งานแต่งใหญ่โต หรือทะเบียนสมรส ผมพร้อมให้คุณเสมอ” “ฉันไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น ฉันอยากได้แค่อย่างเดียวคือ เราสองคนไม่ต้องมาข้องเกี่ยวกันอีก” “มันเป็นไปไม่ได้เลยอลินธารา คุณก็รู้ว่าผมคือใคร ในเมืองนี้ไม่มีใครรอดจากเงื้อมมือผมไปได้ ถ้าผมต้องการ” เธอเข้าใจในสิ่งที่เมฆินทร์พูดดี กระนั้นก็ไม่อยากเป็นผู้หญิงของเขา เพราะสถานะทางสังคมเราต่างกันมาก อีกทั้งไม่มีความรักต่อกัน ไม่อยากเข้าไปพัวผันในสังคมหรูหรา เธอแน่ใจว่าตนเองคงลำบาก ถูกเพ่งเล็ง แค่นี้ก็วุ่นวายมากพอแล้ว อยากใช้ชีวิตธรรมดา มีคนที่รักเคียงข้าง อลินธารากัดฟันแน่น แววตาแข็งกร้าว ต่อให้ตนเองไม่มีอำนาจ ก็ไม่มีทางลดตัวเป็นผู้หญิงของเมฆินทร์ ให้ย่ำยีเล่นหรอก “คนอย่างคุณ ถ้าไม่มีเงิน จะเหลืออะไร” เขาหัวเราะในลำคอ มันก็ถูกที่เธอเอ่ยมา “ก็ใช่อลินธารา เธอพูดถูก คนอย่างฉันถ้าไม่มีเงิน ก็คงไม่มีใครนับถือหรือหวาดกลัว” ปลายคางมนถูกจับเชยขึ้นมาสบตา “แต่เธออย่าลืมนะ เงินที่ฉันมีมันมาจากสิ่งที่ฉันทำ ฉันไขว่คว้าหาทั้งเงินทั้งอำนาจมาด้วยตัวเอง ไม่ใช่พึ่งพาคนอื่น และนี่แหละ คือสิ่งที่คนอื่นมีไม่เหมือนฉัน เพราะมีทั้งเงินทั้งอำนาจ ฉันถึงทำอะไรก็ได้ ไม่เว้นแม้แต่พาตัวเธอไปขึ้นเตียงตอนนี้!” “คุณเมฆินทร์!” “ฉันยังให้เกียรติเธออยู่ เพราะเธอคือผู้หญิงที่ฉันหลงรัก ตั้งแต่แรกเห็นไงล่ะ” เขาปลายคางมนเป็นอิสระ แล้วยกยิ้มกว้าง ทอดสายตามองริมฝีปากที่เคยได้ลิ้มรส แล้วอยากลิ้มลองอีก กวาดสายตาสำรวจทั่วเรือนร่าง หากได้ครอบครองเธอ คงเป็นสุขไม่น้อย มันทำเอาเลือดในกายร้อนขึ้นมา อลินธารารับรู้ได้ถึงสายตาอีกฝ่าย “อย่ามาทำสายตาทุเรศแบบนี้!” “ผมเป็นเจ้านายคุณนะ คุณอลินธารา พูดจาแบบนี้ไม่น่ารักเลย ต้องทำโทษแล้วล่ะมั้ง” “คุณเมฆินทร์ เลิกทำแบบนี้กับฉันสักที คุณรวยขนาดนี้ จะหาผู้หญิงมาแต่งงานด้วยสักคน คงเป็นเรื่องที่ง่ายมาก แถมคุณจะได้คนที่มีฐานะเท่าเทียมกันด้วย” เขาส่ายหน้า “ไม่ล่ะ เงินผมมีเยอะแล้ว หาฐานะเท่าเทียมกันไปทำไม ผมอยากได้คนที่ตัวเองปรารถนา ซึ่งคนนั้นก็คือคุณไงอลินธารา ยอมเป็นของผม แล้วคุณจะไม่ต้องลำบากอีก ครอบครัวคุณก็พลอยสบายไปด้วย” คิ้วบางขมวด “นี่คุณสืบเรื่องฉันงั้นเหรอ” “ผมต้องสืบเรื่องของเจ้าสาวของผมอยู่แล้วนี่” เธอกัดฟันกรอด แววตาแข็งกร้าว ชักสีหน้าไม่พอใจ “อย่ามายุ่งกับครอบครัวฉัน!” “จะไม่ยุ่งได้ยังไง ในเมื่อเราสองคนกำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้ว ผมต้องดูแลแม่ยายกับน้องให้ดีสิ” “คุณเมฆินทร์!” เธอง้างฝ่ามือ หมายฝาด แต่เขาคว้าเอาไว้ แนบริมฝีปากอย่างรวดเร็ว “อื้อ!” มือยกผลักดันไม่หยุดหย่อน เมฆินทร์ไม่ยินยอม กวาดของบนโต๊ะจนแตกกระจาย ลากร่างบางจนนอนราบบนโต๊ะ รวบข้อมือเหนือศีรษะ ลิ้นร้อนตวัดควานหาความหวาน กระโปรงสีดำ ขาดจนเป็นทางยาว กระชากร้องเท้าส้นสูง มือหนาลูบไล้ไปตามเรือนร่าง บีบเคล้นสลับหนักเบา จนเจ้าของมันร้องค้านในลำคอ “อื้อ!” อลินธาราประท้วง “ไม่นะ!” เธอร้องลั่น เมื่อริมฝีปากเป็นอิสระ เขาเปลี่ยนเป้าหมายเป็นซอกคอ ฝากรอยแดงเอาไว้ ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดัง เขาขบกรามระงับอารมณ์ตนเอง อลินธาราน้ำตาเอ่อคลอ ชายหนุ่มผละห่าง แล้วจัดเสื้อผ้า มองดูอีกคนกำลังลงจากโต๊ะอย่างทะลักทุเล พอยืนที่พื้นได้ กับเซแทบล้ม เขาโอบเอวบางประคองเอาไว้ คนโดนโอบผลักไสทันที แล้วหยิบรองเท้า เสื้อผ้าตนเอง มองดูกระโปรงขาดเป็นทางยาว จนเป็นให้เห็นต้นขาขาวเนียน คนสวยรีบหลบไปยังโต๊ะ เพื่อปกปิด ประตูเปิดออก ร่างอรชรก้าวเข้ามา พร้อมด้วยพนักงาน คิ้วเข้มขมวดหากัน อัญชนาสาวเท้าเข้ามาหา แม้สายตาจะเห็นสภาพห้องเละเทะ แต่ไม่อยากโวยวาย มองไปยังเลขาคนใหม่ ซึ่งดุจดาวรายงาน ว่าอาจมีลับลมคมใน ดูท่าแล้วก็คงเป็นเช่นนั้น ไม่อย่างนั้นจะมีสภาพยุ่งเหยิงแบบนี้งั้นเหรอ อัญชนายกยิ้ม แล้วเข้าไปควงแขนชายในดวงใจ “เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมห้องเละเทะแบบนี้” เธอเอ่ยถามเสียงหวาน เมฆินทร์แกะมือคนเกาะออก แล้วระบายลมหายใจ มองไปยังหัวหน้าแผนกบัญชี ซึ่งกำลังยืนอยู่เบื้องหลัง หากไม่ใช่เพราะฝีมือ และเป็นเพื่อนสมัยเรียนด้วยกัน คงไล่ออกไปแล้ว เขาถือว่าเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าหากดุจดาวยังมีนิสัยฟ้องไม่เลือก คงเอาไว้ไม่ได้ เขาไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับเรื่องส่วนตัว ที่สำคัญ ไม่ชอบให้ใครมาแสดงอาการหึงหวง ทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน คนที่หวงที่หึงเขาได้ มีแค่อลินธาราคนเดียวเท่านั้น “จะเกิดอะไรขึ้น คุณก็ไม่ต้องมายุ่งหรอกอัญ” เขาตอบกลับน้ำเสียงหงุดหงิดแล้ววกกลับไปนั่งเก้าอี้ตามเดิม “แหม.. ก็อัญเป็นห่วงนี่คะ ห้องเละแบบนี้ อย่างกับมีสงคราม” อัญชนาก้าวตาม ไม่วายมองไปบนโต๊ะ ซึ่งไม่มีอะไรอยู่บนนั้น ถ้าหากคิดไม่ดี ก็คงเข้าใจได้ว่า เขาคงใช้เป็นสมรภูมิรักกับเลขาคนใหม่ เธอหยุดยืนข้างเจ้าของห้อง ไม่วายปรายตามองยิ้มเหยียด อย่างมากก็แค่ของเล่นชั่วคราวเท่านั้น “มาหาผมมีเรื่องอะไร!” “แวะมาเพราะอยากชวนไปทานข้าวที่บ้านน่ะค่ะ คุณพ่อคุณแม่ถามหาคุณแล้ว” เขาขมวดคิ้ว แล้วหันไปสบตาคนพูด “ผมไม่เข้าใจ เราสองคนไม่ได้สนิทสนมกันขนาดนั้น ถ้าเป็นเรื่องงาน ผมก็พอเข้าใจได้ แต่ปกติผมไม่เคยไปทานข้าวบ้านคุณเลยนะ” คนฟังหน้าชา ไม่คิดว่าเขาจะตอกกลับกันแบบไม่ไว้หน้าเลย “ถ้าไม่เคย ก็ลองไปหน่อยสิคะ เราจะได้สนิทกันมากขึ้น” “ผมไม่เคยอยากสนิทกับคุณเลยอัญ แค่นี้ก็ถือว่ามากพอแล้ว ผมไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้อะไรเลย ผมไม่ชอบให้ใครมาแสดงความเป็นเจ้าของ ทั้งที่ไม่ใช่!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD