อลินธารายอมทำตาม ควงกันเข้างานพร้อมเจ้านาย อัญชนาเบิกตากว้าง เห็นคนที่ตนเองรักกำลังควงเลขา สุดท้ายแม่นั่นก็คิดแย่งเมฆินทร์ไปจริง ๆ สินะ ทำเป็นหน้าตาใสซื่อ น่ารังเกียจจริง ๆ
“คุณอัญคะ เห็นไหมคะ ดาวบอกแล้วว่านังเลขานั่น มันคิดไม่ซื่อ!”
“ปากบอกไม่ได้คิดอะไร สุดท้ายก็ตอแหลอยู่ดี!” อัญชนาพ่นคำด่าออกมา แววตาอาฆาต เธอไม่มีวันยอมให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้เมฆินทร์เด็ดขาด
“เราต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะค่ะคุณอัญ ไม่อย่างนั้น นังนี่มันคงลำพองใจ ดูสิคะ มันนั่งข้างคุณเมฆินทร์ทำเป็นชูคอ ชุดราตรีเครื่องประดับที่มันใส่มา คุณเมฆินทร์ก็คงเป็นคนให้มันแน่!”
สองร่างทรุดกายลงบนเก้าอี้ แล้วดูการแสดงบนเวที บริกรทำไวน์และน้ำผลไม้มาเสริฟ์ตลอด อาหารถูกลำเลียงมาวางไว้บนโต๊ะ อลินธารามองแล้วน้ำลายสอ อาการอยากอาหารตีขึ้นมา
“หิวเหรอ ทำไมไม่กินล่ะ”
เธอส่ายหน้า เพราะไม่กล้า กลัวคนอื่นมองไม่ดี
“ไม่ดีมั้งคะ”
“ทำไมล่ะ อาหารเขาทำมาให้กิน ไม่ได้ให้มองสักหน่อย” ไม่พูดเปล่า ตักเป็ดย่างใส่จานให้ คนหิวเบิกตากว้างคีบเข้าปากสีหน้ายินดี
อัญชนาทนไม่ไหว ลุกยืนสาวเท้าไปยังเป้าหมาย โดยมีผู้ติดตาม หยุดยืนมองดูคนที่ตัวเองรัก กำลังเอาอกเอาใจเลขาสาวสวย
“พี่เมฆมาด้วยเหรอคะ” อัญชนาเอ่ยถาม จ้องมองเลขาใหม่ไม่วางตา
“ถ้าไม่มาจะเห็นเหรอ” เมฆินทร์ย้อน แล้วละสายตาไม่สนใจ
“ไม่คิดว่าจะพาเลขามาด้วยเลยนะคะนี่ ไม่รู้เหรอคะ ว่าที่นี่เขาจัดงานให้คนสถานะไหนเข้ามา!”
เมฆินทร์ตวัดสายตามอง “แล้วมันเป็นยังไงเหรออัญ พี่เป็นคนพาเลขาลินมาเอง อัญมีปัญหาตรงไหน เจ้าของงานเขายังไม่ว่าอะไรเลย เรามาวางท่าทำไม!”
“พี่เมฆ ทำไมพี่ต้องเข้าข้างมันด้วย!” อัญชนากรีดร้องไม่พอใจ
“แล้วเลขาพี่ทำผิดอะไร?”
อัญชนาน้ำท่วมปาก เมฆินทร์มองเลยไปยังผู้หญิงอีกคน ซึ่งยืนข้างกาย แล้วส่ายหน้าราวกับระอาใจ เมื่อก่อนก็เป็นเช่นนี้ ถ้าหากเมื่อใด ข้างกายเขามีหญิงสาวแปลกหน้า อัญชนาก็จะมาอาละวาด บางคนทนไม่ไหวต้องยอมถอยห่างออกไป บางคนลาออกจากงาน และทุกครั้งจะมีดุจดาวอยู่ในเหตุการณ์เสมอ แค่มองปราดเดียวพอรู้ ว่าเรื่องมันเกิดจากตรงไหน
“ไม่ได้ผิดอะไรคะ อัญแค่คิดว่าถ้าพี่จะมางานนี้ คู่ควงควรมีฐานะเท่าเทียมกันมากกว่า”
“ไร้สาระ!” ชายหนุ่มย้อนทันที ทำเอาคนฟังหน้าตึง อับอายต่อสายตาผู้อื่น “นี่มันสมัยไหน ยังมาพูดเรื่องฐานะทางสังคมบ้อบอคอแตกอะไรอีก!”
“พี่เมฆ อัญพูดจริงนี่ สถานะผู้หญิงอย่างเลขาพี่ ไม่มีทางได้แต่งเข้าบ้านพี่แน่” อัญชนากอดอกยิ้มเหยียด
คนฟังสุดทน ทำหน้าที่เลขา ไม่เคยคิดเป็นอื่น ใส่ร้ายกันไม่พอดูถูกเธออีกด้วย ทำอย่างกับว่าที่บริษัทเติบโตมา ไม่ใช้ชนชั้นแรงงานแบบตนเองเหรอ ที่เลือกซื้อสินค้า ใช้จ่ายของเหล่านั้นจนเป็นรายได้ให้พวกเขาร่ำรวยมหาศาล
“ฉันไม่ได้อยากแต่ง ฉันเคยบอกเหรอว่าอยากแต่งงานกับท่านประธาน! คุณเอาแต่ดูถูกคนแบบพวกฉัน แต่คุณอย่าลืมนะ ที่คุณมีเงินมีทองจนดูถูกคนแบบฉันได้ ก็เพราะการซื้อจากคนรากหญ้าแบบพวกฉันไม่ใช่เหรอ!”
อัญชนาชะงัก ไม่คาดคิดว่าเลขาที่ไม่เคยมีปาก กลับยอกย้อนตนเองเช่นนี้
“ทำเป็นปากดี ฉันเห็นเธอออเซาะ อยากได้ท่านประธานใจจะขาด!” ดุจดาวพูดแทรกขึ้นมา ประธานหนุ่มตวัดสายตามอง
“คุณดุจดาว”
เจ้าของชื่อชะงักยิ้มหวานในทันที
“คะท่านประธาน”
“พรุ่งนี้คุณไปรับเงินเดือนที่ฝ่ายบุคคล แล้วไม่ต้องมาทำงานที่บริษัทอีก ไหน ๆ ก็ตัวติดกับอัญแล้ว ก็ไปทำงานกับเธอแล้วกัน!”
“อะไรนะท่านประธาน ไม่ได้นะคะ! อย่าไล่ฉันออกเลยค่ะ” เธอร้อง แล้วคุกเข่าลงสีหน้าซีดเผือด
“อยู่ไปก็สร้างความเดือดร้อน ไม่ได้มีผลงานให้น่าประทับใจ ไสหัวไปจากบริษัทผมดีกว่า ผมไม่อยากมีปัญหาไปมากกว่านี้!”
ดุจดาวน้ำตานองหน้า คลานเข่าเข้าหาอลินธารา แล้วจับมือไว้
“อลินธารา ช่วยฉันด้วย ฉันขอร้อง ฉันขอโทษ ฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ช่วยพูดกับท่านประธานให้หน่อยสิ ฉันยังมีพ่อแม่ต้องดูแล!”
เธอแกะมือออก ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ใส่สีตีไข่ให้เธอมากมาย แต่พอเกิดปัญหา กลับร่ำรองให้ช่วยเหลือ เป็นคนเจ็บแล้วจำ ไม่เคยทำใครก่อน แต่ก็ไม่ยอมถูกกระทำเช่นกัน เธอไม่อยากมีปัญหาภายหลัง
“ฉันช่วยพูดอะไรไม่ได้หรอก ฉันมีหน้าที่แค่เลขาเท่านั้น คงสั่งให้ท่านประธานทำอะไรไม่ได้ แล้วอีกอย่าง ที่เธอกล่าวหาว่าฉันอยากได้ท่านประธาน ลองคิดดูดี ๆ ว่าเป็นฉันหรือเธอกันแน่ ที่อยากได้!”
ดุจดาวกัดริมฝีปากแน่น วกกลับไปหาหญิงสาวอีกคน เงินเดือนขนาดนี้แล้ว ให้เริ่มใหม่คงไม่ไหว ถ้าหากคุณอัญชนาพอมีหนทางให้บ้าง เธอคงเอาตัวรอดจากวิกฤตินี้ไปได้
“คุณอัญช่วยดาวด้วยนะคะ ที่บริษัทของคุณพ่อคุณอัญ พอจะมีตำแหน่งว่าง ให้ฉันบ้างไหม”
“มาถามอะไร ฉันจะไปรู้ได้ไง เรื่องงานที่บริษัทฉันไม่เคยไปยุ่ง!”
“แล้วแบบนี้ฉันจะทำยังไง โดนไล่ออก ไม่มีงานทำ ที่บ้านฉันต้องเดือดร้อนแน่!”
“จะไปรู้เหรอ เธอขอร้องพี่เมฆเอาสิ ฉันไม่ยุ่งเรื่องงานของพ่อหรอกนะ!”
การปะทะคารม ทำเอาแขกในงานพากันมองดู บางส่งเสียงซุบซิบ ประตูห้องจัดเลี้ยงเปิดออก อภิรักษ์ก้าวเข้ามาพร้อมคนสนิท หรี่ตามองไปยังเบื้องหน้า ที่นั่งวีไอพีใกล้เวที พอเห็นบุตรสาว และหลานชายเพื่อน เลยรีบสาวเท้ามาร่วมวง แต่เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า เลยรู้ทันที ต้องเกิดเรื่องกับลูกแน่นอน
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรออัญ” คนเป็นพ่อเอ่ยถาม มองดูบุตรสาว แล้วเลยไปยังหลานชาย
อัญชนาตรงเข้ายืนเคียงบิดา “พ่อคะ พ่อต้องช่วยอัญนะ!”
“มีเรื่องอะไรกัน”
“พี่เมฆต่อว่าอัญ เพราะนังเลขานั่น!”
สีหน้าอภิรักษ์สับสน งุนงง กับสิ่งที่เกิดขึ้น มองเลขาของหลานชายแล้วทอดถอนใจ ดูท่าแล้วคงเป็นเรื่องหึงหวงสินะ เขารู้ดีว่าเมฆินทร์ไม่ได้ชอบลูกสาว ฝืนใจไปก็เท่านั้น อีกอย่างตนเองไม่มีอำนาจ ไปบีบบังคับให้มาแต่งงานกับลูก ต่อให้ไม่มีเขา บริษัทของเมฆินทร์ก็ทะยานสู่จุดสูงสุดได้ แล้วด้วยนิสัย ถ้าไม่อยากมีปัญหา ก็อย่าได้วุ่นวายกับเมฆินทร์เด็ดขาด
“นี่มันงานเลี้ยง อย่าหาเรื่อง!”
“ทำไมพ่อมาว่าอัญ ทำไมพ่อไม่จัดการนังผู้หญิงนั่น!”
“พ่อบอกให้หยุดไง ถ้าทำไม่ได้ก็กลับบ้านไป อย่าสร้างปัญหา!”
“แต่พ่อคะ!”
“หุบปาก!” อภิรักษ์ชี้นิ้ว ทำให้บุตรสาวจำต้องเงียบ
เขาหันหน้ามาทางหลานชาย แล้วยิ้มแห้ง เพราะตอนนี้มีโครงการสำคัญ ที่ต้องการความร่วมมือจากบริษัทของเมฆินทร์ เลยไม่อยากมีเรื่องมีราวกัน
“อาขอโทษแทนน้องด้วยนะเมฆ”
“ไม่เป็นไรครับคุณอา ผมรู้นิสัยของอัญดี”
“ถ้างั้นวันนี้เมฆพอมีเวลา คุยเรื่องโครงการที่อาเสนอไปไหม”
เขายกยิ้ม “มีเวลาครับ”
เมฆินทร์เหลือบมองเลขาสาวสวย โชคดีที่อภิรักษ์ไม่ได้เห็นลูกสาวสำคัญไปมากกว่าเรื่องธุรกิจ ไม่เช่นนั้นคงตกลงเรื่องงานยาก สมกับที่เป็นเพื่อนกับบิดามาหลายสิบปี ถ้าหากบิดาไม่เสียชีวิตไปก่อน คงได้ยุยงให้เขาแต่งงานกับอัญชนาแน่