โรงพยาบาล HR
“นายมาทำอะไรที่นี่เหรอ?” เสียงผู้หญิงข้างกายถามขึ้นขณะรถจอดนิ่งหน้าโรงพยาบาลเอกชนระดับต้น ๆ ของประเทศ
“ลงไป…”
“อะไรนะ?”
“ส่งแค่นี้…” ผมพูดเสียงเรียบพลางหันกลับมาจ้องหน้าเธอนิ่ง เมบีอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างผมจึงรีบพูดแทรกเสียงดัง “ฉันไม่ชอบพูดซ้ำ!”
“เหอะ! ให้ตายสิ! นายมัน…!”
ดูเธอจะหัวเสียจนนึกคำมาด่าผมไม่ออก เมบีเสยผมตัวเองด้วยความหงุดหงิดก่อนจะหันไปเปิดประตูรถแล้วก้าวลงไป เสียงประตูรถที่ปิดดังลั่นบ่งบอกให้รู้เลยว่าเธอคงอยากจะทำร้ายผมมากกว่าประตูนั่นแน่นอน
ผมเคลื่อนรถออกอย่างไม่ใส่ใจ สายตาก็เหลือบมองกระจกส่องหลัง ร่างบางยืนกอดอกอวดหุ่นเอสไลน์ของตัวเองอยู่ริมถนนโดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ใบหน้าสวยงองุ้มแถมยังเม้มริมฝีปากแน่น ที่สำคัญนะ… สายตาเธอยังไม่ละไปจากรถผมเลยด้วยซ้ำ!
หวังว่าคงไม่ต้องเจอกันอีกนะ… ยัยผู้หญิงน่ารำคาญ!
.
.
.
ห้องผู้ป่วย VIP
“ปะป๊ามาแล้ววว เย้ ๆ น้องลันคิดถึงปะป๊าจังเลยค่ะ” ผมตวัดวงแขนรับร่างเล็กที่พุ่งเข้ามากอดด้วยความรวดเร็ว
“น้องลันอย่างวิ่งสิครับ ปะป๊าเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“น้องลันขอโทษค่ะปะป๊า ก็น้องลันดีใจนี่คะที่ปะป๊ามาหาน้องลัน” ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักเศร้าสลดลงทันทีเมื่อถูกดุ ผมอมยิ้มน้อย ๆ อย่างนึกเอ็นดูให้กับลูกสาววัยสี่ขวบ
ใช่แล้วล่ะครับ… ลันตาคือลูกสาวของผมเอง!
มันเป็นเรื่องเมื่อห้าปีก่อน… สมัยที่ผมเพิ่งเป็นเฟรชชี่ คืนนั้นพวกพี่น้องของผมพากันไปเลี้ยงฉลองที่ผับแห่งหนึ่ง เนื่องในโอกาสที่พวกเราทั้งสี่ได้เข้ามหาวิทยาลัย แล้ววันนั้นผมดื่มหนักมาก ผมเมาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ พอตื่นเช้าขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงกับร่างของผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่ง เธอคนนั้นก็คือ…
ลิลิน… แม่ของลันตา
“ปะป๊าขา วันนี้ปะป๊าอยู่กับน้องลันนาน ๆ ได้หรือเปล่าคะ?”
สัมผัสอบอุ่นข้างแก้มเรียกความคิดของผมให้กลับมาที่ปัจจุบันอีกครั้ง ดวงตากลมแป๋วมองผมอย่างมีความหวังสุด ๆ ผมก้มหอมแก้มลันตาด้วยความรักสุดหัวใจก่อนจะอุ้มร่างเล็ก ๆ ให้กลับขึ้นไปนั่งบนเตียงผู้ป่วย
“ได้สิครับ… เอ๋… ว่าแต่ทำไมวันนี้ถึงอยากให้ปะป๊าอยู่ด้วยนาน ๆ ละคะ?”
ผมทิ้งตัวนั่งลงด้านข้างร่างเล็กที่ขยับกายขึ้นมานั่งบนตักของผมพลางซบหน้าลงบนไหล่ ลันตาเป็นเด็กขี้อ้อนแบบนี้เสมอ เธอสดใสร่าเริงเหมือนกับเด็กปกติทั่วไป… เธอไม่เหมือนเด็กที่กำลังป่วยเลยสักนิด พูดถึงเรื่องนี้แล้วผมก็เจ็บจี๊ดที่กลางอก ทำไมเด็กน่ารักอย่างลันตาต้องมาเผชิญกับโรคร้ายแบบนี้ด้วยนะ ผมเกลียดโรคบ้า ๆ นี่ชะมัด! เพราะมันพรากคนที่รักไปจากผม… และผมก็กลัว… กลัวว่ามันจะพรากลันตาไปจากผมอีกคน! ผมเกลียดมันชะมัด! ไอ้โรคหัวใจบ้าบอนี่น่ะ!
“น้องลันอยากให้ปะป๊าเจอหมอเมค่ะ” ลันตายิ้มกว้างเมื่อพูดถึงหมอเมสุดที่รักของตัวเอง ผมจึงคลายสีหน้ากังวลเมื่อครู่ลงก่อนจะยิ้มตามพลางลูบผมยาวสลวยดำขลับของลูกสาว
“อ่าหะ… แสดงว่าหมอเมของน้องลันจะมาเหรอคะ?”
“ใช่ค่ะ หมอเมรับปากแล้วว่าจะมาเจอปะป๊าของน้องลัน หมอเมน่ารักที่สุดเลยค่ะปะป๊า”
ผมได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับหมอเมของลันตามาสักพักใหญ่ ๆ แล้วล่ะแต่ยังไม่มีโอกาสได้พบเธอสักครั้ง คงเป็นเพราะช่วงนี้ผมแวะมาหาลันตาแค่เพียงชั่วครู่เพราะไม่ค่อยมีเวลาว่างเหมือนเมื่อก่อน แถมยังต้องเข้าบริษัทบ่อย ๆ เพื่อศึกษางานจากป๊าอีกต่างหาก แต่เท่าที่ฟังจากคำบอกเล่าของลันตาแล้ว ผมคิดว่าหมอเมคนนี้คงจะสวยและจิตใจดีไม่น้อยเลยล่ะ ขนาดพี่เลี้ยงของลันตายังชมเปาะถึงความน่ารักของเธอคนนั้นให้ผมฟังบ่อย ๆ เลย
“น้องลันรักหมอเมมากเลยเหรอคะ? ทำไมถึงอยากให้ปะป๊าเจอกับคุณหมอคนนั้นจังเลยหืม?” ผมบีบจมูกลูกสาวตัวน้อยด้วยความเอ็นดู
“น้องลันอยากให้หมอเมเป็นมะม๊าของน้องลันค่ะ น้องลันอยากมีมะม๊าเหมือนคนอื่น ๆ”
หัวใจผมกระตุกวูบจนแทบจะหยุดเต้นเมื่อได้ฟังน้ำเสียงเศร้าสร้อยของลูกสาวตัวเล็ก ลันตาสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เกิดจึงทำให้เธอไม่เคยสัมผัสความรักของแม่เลยสักครั้ง ผมรู้ว่าความรักจากพ่อเพียงคนเดียวมันไม่สามารถแทนความรักของแม่ได้ หลายครั้งที่ป๊าและพี่น้องของผมคอยแนะนำให้ผมหาแม่ใหม่ให้กับลันตา
หากทว่าผมกับมองหาคนที่สามารถรักผมกับลันตาจากใจจริงไม่ได้เลยสักคน ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยลองนะ ผมน่ะ… เคยคบผู้หญิงมาหลายคนแล้ว แต่ไม่เคยรู้สึกจริงจังกับใครสักคน เพราะผู้หญิงพวกนั้นต่างต้องการตัวผมและเงินของผมเท่านั้นแหละ ไม่มีใครต้องการลูกสาวของผมหรอก!