“หึ… มหาลัยก็ยังไม่เว้น”
“…”
“… ‘ง่าย’ ไม่เลือกสถานที่เลยนะ!”
ใบหน้าฉันร้อนวูบก่อนจะชาไปทั่วทั้งหน้าเมื่อถูกคำพูดปรามาสของเขาคนนั้นกระแทกใส่เต็มสองหู เจไนท์ที่ยืนหันหลังให้คนกลุ่มนั้นรีบหันหน้ากลับไปมองพวกเขาในทันที วันนี้เขาไม่ได้มาพร้อมกับกลุ่มเอลที่ฉันเคยเจอในคืนนั้น แต่เป็นผู้ชายสามคนที่หน้าตาไปกันคนละแนวเลยล่ะ คนหนึ่งหน้าตาหวานราวกับผู้หญิงแถมยังคาบอมยิ้มไว้ในปากอีกต่างหาก ส่วนอีกคนใส่แว่นเหมือนเด็กเรียนหากทว่าแววตาที่เขาใช้มองฉันมันเยือกเย็นจนน่าขนลุก และผู้ชายอีกคนที่หน้าตาดูจะเป็นมิตรที่สุดในกลุ่มเพราะเขายืนมองฉันยิ้ม ๆ อยู่ด้านข้างผู้ชายคนสุดท้ายที่เป็นเจ้าของนัยน์ตาสีดำสนิทนั่น…
เขาคนนั้นที่ชื่อ… กาฬวาต…
หลังจากคืนนั้นที่เขาฝากร่องรอยคิสมาร์กไว้บนลำคอของฉัน บรรดาเพื่อนรักเพื่อนร้ายของฉันทั้งหลายต่างก็พูดถึงเรื่องนี้ไม่รู้จักจบสิ้น ทำให้ฉันได้รู้ประวัติของเขามาในระดับหนึ่งเลยล่ะ กาฬวาตเป็นหนึ่งในลูกชายบุญธรรมของท่านกฤษณะ อัครพงษ์สวัสดิ์ นักธุรกิจพันล้านที่ครองตัวโสดมากว่าสามสิบปีหลังจากภรรยาสุดรักของท่านเสียไป และมันก็เป็นความบังเอิญจนไม่น่าให้อภัย เพราะท่านกับพ่อของฉันสนิทกันพอสมควร ฉันก็เพิ่งจะรู้นี่แหละว่าลูกชายบุญธรรมทั้งสี่คนของคุณลุงกฤษณะที่พ่อฉันเคยพูดให้ฟังบ่อย ๆ ว่าทั้งหล่อทั้งเก่งก็คือพวกกลุ่มเอลนั่นเอง
“มองไรวะ!”
ความคิดของฉันหยุดชะงักลงพร้อมกับเสียงหงุดหงิดของเจไนท์ เขาคลายวงแขนออกจากเอวฉันแล้วเปลี่ยนเป็นโอบมันไว้หลวม ๆ แทน ฉันพยายามสะบัดตัวออกจากวงแขนของเขาอีกรอบหากทว่ามือหนากลับบีบข้อมือฉันแน่นขึ้น
“ปล่อยนะเจ!” ฉันหันกลับมาว่าเขาเสียงดุ จังหวะนั้นสองหูก็ได้ยินเสียงแค่นหัวเราะจากคนกลุ่มนั้นอีกรอบ และดูเหมือนเจไนท์เองก็คงจะได้ยิน เพราะเขาหันไปกระชากเสียงถามอย่างไม่หวาดเกรงพวกเขาสักนิด
ลืมไป…หมอนี่มันมาเฟียมหาลัยนี่นะ! เหอะ!
“ขำเหี้ยไร? ผัวเมียเขาจะคุยกัน! มายืนเสือกเพื่อ?”
ความถ่อยนี่ไม่มีใครเกินหมอนี่เลยสินะให้ตาย! ฉันละอยากจะข่วนหน้าหล่อ ๆ ของไอ้บ้านี่สักหลาย ๆ ที! เมื่อไหร่จะเลิกตอแยฉันสักทีก็ไม่รู้! สงสัยต้องหาแฟนให้มันรู้แล้วรู้รอดกันสักทีละมั้ง! เผื่อไอ้บ้านี่มันจะเลิกวอแวกับฉันสักที!
“อ้าว ๆ ทำไมพูดกับรุ่นพี่แบบนี้ละครับ? ได้ข่าวว่าน้องเพิ่งอยู่ปีสี่เองไม่ใช่?” ผู้ชายหน้าหวานดึงอมยิ้มออกจากปากก่อนจะเอ่ยถามเจไนท์ด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ
“ปีสี่แล้วไงวะ? อายุกูเท่าพวกมึงแล้วกันไอ้ตุ๊ด!”
“ไอ้เวรนี่…!”
“เฮ้ย! ใจเย็นไอ้ซิมซ์!”
ผู้ชายหน้าหวานที่โดนเจไนท์ด่าว่าตุ๊ดทำท่าจะกระโจนเข้าใส่เขาด้วยความโมโห โชคดีที่เพื่อนของเขาอีกสองคนช่วยกันดึงตัวเอาไว้ ไม่อย่างนั้นคงต้องวางมวยกันตรงนี้แน่ ๆ เลย!
โอ๊ย… ฉันอยากจะบ้า! แล้วดูสายตาของกาฬวาตสิ! ทำไมหมอนั่นต้องมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นด้วยนะ!
“ไปกันเหอะ…”
กาฬวาตมองฉันด้วยสายตาเย็น ๆ เพียงชั่วครู่ก่อนจะเรียกเพื่อนทั้งสามคนของเขาให้เดินตามออกไป เมื่อเห็นอย่างนั้นเจไนท์ก็หันกลับมาหาฉันอีกครั้งแถมยังทำท่าจะลากฉันไปที่รถอีกต่างหาก ไม่นะ! ฉันจะทำยังไงกับหมอนี่ดีเนี่ย! คิดสิคิดยัยเมบี!
ฉันสอดส่ายสายตาไปมาเพื่อมองหาใครสักคนที่สามารถช่วยฉันได้ หากทว่าสายตาฉันกลับหยุดตรงแผ่นหลังของผู้ชายคนนั้นที่เพิ่งเดินจากฉันไปได้ไม่ไกล และหัวสมองอันชาญฉลาดของฉันก็นึกอะไรเด็ด ๆ ได้ในที่สุด งานนี้ยิงปืนนัดเดียวอาจจะได้นกสองตัวเลยนะ... ทั้งสลัดไอ้บ้าเจไนท์ออกไปจากวงโคจรชีวิต และยังได้เอาคืนไอ้ผู้ชายขี้เก๊กจอมฉวยโอกาสนั่นอีกด้วย
ไอ้เรื่องลองของเนี่ยขอให้บอก... คนอย่างเมบีพร้อมท้าชน! หึ!
“กาฬวาต!!”
ทุกอย่างรอบตัวชะงักนิ่งแทบจะในทันทีที่ฉันส่งเสียงเรียกชื่อเขาคนนั้นเสียงดัง เจไนท์หยุดพยายามลากฉันไปทางลานจอดรถก่อนจะหันกลับมาจ้องหน้าฉันด้วยความดุดัน ฉันรีบหันหน้าหนีสายตานั้นเพื่อหันไปมองเจ้าของชื่อที่ฉันเรียก
และเขา… หยุดฝีเท้าอยู่ตรงนั้น… โดยที่ยังไม่หันกลับมาหากัน แม้เพื่อน ๆ ของเขาจะหันมามองฉันเป็นตาเดียวแล้วก็เถอะ!