“ได้เวลาไปตรวจแล้วนะแก…ไปกันเหอะ”
ข้าวหอมหันมาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ โดยไม่ทักทายหรือมองหน้าอีตาหมอสุดฮอตสักนิด ทำเอาคุณหมอป้ายแดงอย่างจีเดย์ถึงกับขมวดคิ้วสงสัย ที่บอกว่าเขาเป็นหมอป้ายแดงก็เพราะว่าจีเดย์เพิ่งเรียนจบเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ตอนนี้เขาได้เลื่อนขั้นมาเป็นอินเทิร์นอย่างเต็มตัวแล้ว แถมยังเป็นแพทย์รุ่นพี่ที่ต้องคอยดูแลแพทย์รุ่นน้องอย่างพวกเราอีกต่างหาก
“อืมไปสิ… อ้อ! แล้วเชิญพี่ฟ้องพ่อไปเลยนะ เพราะฉันก็จะบอกพ่อเรื่องที่พี่ควงผู้หญิงคนใหม่อีกแล้วเหมือนกัน” ฉันเสยผมไปด้านหลังขณะลุกขึ้นพลางปิดปากหาวอีกรอบ สายตาก็เหลือบมองผู้ชายตรงหน้าที่แสร้งทำสีหน้าตื่นตกใจจนโอเว่อร์
“เฮ้ย! ใครบอกเธอกัน? พี่ไม่ได้ควงสาวที่ไหนเลยนะ!”
“ฉันไม่เชื่อพี่หรอกยะ! พอเลย ๆ ไม่ต้องมาแถให้ยากนะ! ฉันจะไปตรวจเด็ก ๆ แล้วเดี๋ยวเสียเวลาอีก” ฉันรีบชี้ปลายนิ้วขึ้นดักทางเมื่อเห็นจีเดย์อ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง
เอาเถอะ! ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรนักหรอกนะถ้าเขาจะไปนอนกับใครหรือควงใครอีกสักสิบคน ถ้าไม่ติดตรงที่เขาคือผู้ชายที่เพื่อนสนิทฉันแอบรัก และเขายังเป็นว่าที่ ‘คู่หมั้น’ ที่ถูกพ่อของฉันหมั้นหมายเอาไว้ตั้งแต่เด็ก ๆ อีกต่างหาก บอกตรง ๆ เลยว่าฉันหนักใจกับเรื่องนี้ที่สุด!
เหอะ! คู่หมั้นงั้นเหรอ? กับผู้ชายเจ้าชู้อย่างจีเดย์เนี่ยนะ! ฉันขอลาตายซะดีกว่าอีก!
.
.
.
“หมอเมมาแล้วหรือคะ? น้องลันคิดถึงหมอเมที่สุดเลยยย”
เสียงหวานใสของเด็กผู้หญิงตัวน้อยในชุดผู้ป่วยหันมาส่งยิ้มดีใจให้กับฉัน ในมือของเธอถือตุ๊กตาหมีตัวน้อยเช่นเดิม มันเป็นเพื่อนเล่นที่เธอรักมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ฉันนั่งลงบนเตียงผู้ป่วยด้านข้างร่างน้อยพลางเอื้อมแขนโอบไหล่เล็กแล้วมองเธอด้วยรอยยิ้ม
“น้องลันทานข้าวกลางวันหรือยังคะ? เดี๋ยวหมอเมป้อนให้ไหมเอ่ย?”
“ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ปะป๊าจะมาป้อนข้าวน้องลันเองค่ะ”
เด็กน้อยวัยสี่ขวบตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริงเหมือนทุกครั้ง เด็กน้อยน่ารักคนนี้ชื่อ ‘ลันตา’ เธอเป็นคนไข้วีไอพีของโรงพยาบาลเราเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเธอป่วยด้วยโรคหัวใจตั้งแต่กำเนิดจึงต้องมารักษาตัวที่โรงพยาบาลบ่อย ๆ หรือบางครั้งก็ต้องพักฟื้นร่างกายที่นี่เป็นเดือน ๆ จนตอนนี้ลันตากลายเป็นขวัญใจตัวน้อยของพวกหมอและพยาบาลที่นี่ไปหมดแล้ว และแน่นอนว่าเธอคือขวัญใจตัวน้อยของฉันด้วย…
“ว้าวดีจังเลย…วันนี้ปะป๊ามาด้วยหรือคะ?”
“ใช่ค่ะ น้องลันดีใจที่สุดเลยค่ะหมอเม”
ลันตายิ้มตาหยีสีหน้าเปี่ยมสุข ฉันชอบมานั่งเล่นกับเธอบ่อย ๆ เวลาไม่ได้ขึ้นวอร์ด ลันตาเป็นเด็กน่ารัก ร่าเริงแจ่มใส แม้ในยามที่เธอเหนื่อยล้าเธอก็ยังยิ้มได้เสมอ ฉันนับถือจิตใจแสนเข้มแข็งของเด็กคนนี้จริง ๆ ลันตามักจะพูดถึงปะป๊าของเธอให้ฉันฟังอยู่เสมอ ๆ เธอชอบเล่าเรื่องราวความรักความห่วงใยที่พ่อของเธอคอยมอบให้เธอตลอดเวลา ฉันชื่นชมความรักของผู้ชายคนนั้นจากใจเลยล่ะ เขาเลี้ยงลันตาตั้งแต่แรกเกิดด้วยตัวคนเดียว เขาเป็นทั้งพ่อและแม่ให้แก่เธอ คอยเอาใจใส่และดูแลลูกสาวตัวน้อยไม่ให้เธอรู้สึกขาดแคลนความรักเลย แม้ลันตาจะเสียแม่ไปตั้งเกิดแต่เธอก็ยังดูสดใสและร่าเริงเหมือนเด็กทั่วไป
“แล้วปะป๊าน้องลันจะมาตอนไหนเอ่ย? หมอเมชักอยากจะเจอเขาซะแล้วสิ” ฉันถามด้วยรอยยิ้มพลางลูบผมลันตาอย่างเอ็นดู ถึงแม้ฉันจะแวะเวียนมาหาลันตาบ่อย ๆ หากทว่ากลับไม่เคยพบพ่อของเธอเลยสักครั้ง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันถึงทำให้ฉันกับเขาคลาดกันตลอดเลย รู้สึกเสียดายเหมือนกันนะ…
ฉันน่ะ… หลงรักผู้ชายอบอุ่นแบบนั้นที่สุด…
เอ่อ… ฉันไม่ได้หมายความว่าฉันหลงรักพ่อของลันตานะ แค่จะบอกว่าผู้ชายประเภทนี้นี่แหละที่ฉันชอบและอยากจะแต่งงานด้วย ไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้ประตูดินแบบจีเดย์
“ปะป๊าบอกว่าถ้าเรียนเสร็จแล้วจะเข้ามาหาน้องลันตอนเย็น ๆ ค่ะ หมอเมอยู่รอปะป๊าก่อนนะคะ ปะป๊าก็อยากเจอหมอเมเหมือนกันค่ะ” ลันตากอดแขนฉันพลางทำสายตาออดอ้อนได้น่ารักน่าหลงสุด ๆ
ต๊าย…เด็กคนนี้จะน่ารักเกินไปแล้วนะ!
“ว้า… ตอนเย็นหมอเมต้องไปธุระที่มหาลัยน่ะสิ…” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงเสียดายสุด ๆ ลันตาทำหน้าผิดหวังน้อย ๆ ฉันเลยบีบจมูกเล็ก ๆ ของเธอเพื่อแกล้งหยอกให้เด็กน้อยมีรอยยิ้ม “เอาไว้หมอเมจะรีบกลับมาให้ทันแล้วกันนะคะ”
“จริงเหรอคะ? หมอเมพูดจริง ๆ นะคะ” ลันตายิ้มกว้างด้วยความดีใจ เธอกระโดดเข้ามากอดคอฉันอย่างรักใคร่จนพี่เลี้ยงที่นั่งอยู่ด้านข้างเตียงผู้ป่วยส่งยิ้มเอ็นดูให้กับพวกเรา
“จริงสิคะ หมอเมเคยหลอกน้องลันหรือไงกัน”
“น้องลันรักหมอเมที่สุดเลยค่ะ อยากให้หมอเมมาเป็นมะม๊าของน้องลันที่สุด”
กึก…
ฉันชะงักรอยยิ้มลงก่อนจะลูบผมเด็กน้อยด้วยความรักใคร่ แม้จะได้รับความรักจากผู้เป็นพ่อมากแค่ไหน หากทว่าความรักของพ่อเพียงคนเดียวก็ไม่สามารถเติมเต็มความรักจากแม่ที่ลันตาขาดหายไปได้ ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอเป็นอย่างดี เพราะฉันเองก็เสียแม่ไปตั้งแต่อายุห้าขวบ ฉันน่ะ…เข้าใจความรู้สึกนี้ได้ดีที่สุดเลยล่ะ