Chapter 1.2

1621 Words
“แฟนผมหนีกลับบ้านไปแล้ว ส่วนคุณคงไม่ต้องให้บอก...” ชายหนุ่มหยุดจ้องตาคู่นั้นที่กำลังช้ำแดงเพราะผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ แล้วชายหนุ่มก็พูดต่อไปอีกว่า “ปัญหาที่เกิดกับคุณไม่ใช่ผมไม่รู้” พูดจบเขาก็มองเห็นละอองน้ำตาที่กำลังสั่นระริกในดวงตาคู่สวย ก่อนที่มันจะเอ่อรื้นขึ้นมาอย่างยากจะห้ามเอาไว้ได้... “อืม” หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ น้ำตาก็พาลจะไหล “คุณหยุดร้องไห้ก่อนได้ไหมครับ... เรามาคิดช่วยกันว่าจะผ่านวันนี้ไปได้ยังไงดีกว่า” เขาเอ่ยชวนสายตาที่มองก็คล้ายว่ากำลังปลอบโยน แต่ตอนนี้เขายังอยู่ในฐานะคนแปลกหน้า ซึ่งทำอะไรมากกว่านั้นไม่ได้ หญิงสาวแหงนหน้าสบประสานสายตาเขา “แล้วคุณว่าเราควรทำไง?” หญิงสาวเอ่ยถาม... หวังว่าสิ่งที่เขาจะตอบออกมา คงไม่ตรงกับที่เธอกำลังเดานะ “ในเมื่อแฟนเราต่างก็ไม่มาที่นี่ ไม่อยู่ตรงนี้ และเรากำลังจะแข่ง เราก็มาจับคู่กันสักพัก?” เขาบอกอย่างมีแผนการแต่สีหน้าเขายังคงนิ่งเรียบเช่นเดิม “แล้วมันก็ต้องมีคู่หนึ่งที่หายไป” ปภาณพิชญ์ตั้งข้อสังเกต เพราะแผนการที่ทั้งสองกำลังจะทำนั้นมันมีช่องโหว่! “เราแค่...” เขาจ้องเธออย่างครุ่นคิดก่อนโน้มหน้าเข้ามาใกล้แล้วกระซิบเธอเบาๆที่ข้างหู “เงียบๆ ไว้ แล้วผมจะเข้าไปช่วยทีมงานหาคนมาแทนแฟนของเราเอง” เขาหยุดพูดครู่หนึ่ง หากทว่าลมหายใจอุ่นร้อนของเขามันเป่ารดใบหูบอบบางของเธอพาให้หัวใจหญิงสาวเต้นแรงไม่เป็นส่ำ คนบ้า! เพิ่งรู้จักกันก็ถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ ทำไมอันตรายขนาดนี้เนี่ย กับพี่หมอคบกันมาเป็นปียังไม่เคยทำใจเต้นรัวแบบนี้เลยนะ! “คิดว่าเขาน่าจะมีสแตนอินน่า อย่างน้อยเอาคนตบมือพวกนั้นมาสวมสิทธิ์เล่นเกมก่อน แหมคุณ... รายการโทรทัศน์ระดับมืออาชีพอย่างพวกเขา ไม่เตรียมงานไว้แค่แผนเดียวหรอก” “คุณรู้ได้ไง?” ปภาณพิชญ์เอ่ยถามออกไปด้วยความแปลกใจ “ผมเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ สายงานของผมมันก็คล้ายๆ กันน่ะ งานบันเทิง วงการมายาเค้ามีก๊อกสอง ก๊อกสาม เป็นแผนสำรอง” เขาหยุดจ้องหน้า “ว่าแต่คุณจะเอาไง?” เขาย้ำคำถามไปที่หญิงสาวที่ตาแดงก่ำ เพราะผ่านการร้องไห้มาพอสมควร ชายหนุ่มหน้าเรียบนิ่ง แม้ดูเหมือนหัวใจเย็นชาก็จริง แต่มันจะทนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นน้ำตาผู้หญิง... ธันยาพัฒน์ไม่เคยทำผู้หญิงต้องร้องไห้ และไม่ชอบเห็นผู้ชายหน้าไหนก็ตามทำร้ายจิตใจผู้หญิง กระทั่งถึงขั้นร้องไห้เสียน้ำตาแบบนี้ สถานการณ์เหมือนทั้งคู่ลงเรือลำเดียวกัน สภาพเธอเอง ตอนนี้ก็เหมือนเดินมาไกลเกินกว่าจะหันกลับหลัง ความจริงเธอก็ไม่ได้หวังรางวัลอยู่แล้ว แค่อยากง้อคนรัก แต่ถ้าเขาไม่อยู่ การทิ้งไปกลางคันมีแต่จะถูกทีมงานด่าตามหลังนั่นน่ะสิ เธออาจจะตกลงกับเขาแล้วแข่งไปให้มันจบๆ ให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป “เอาก็เอาค่ะ” หญิงสาวปาดคราบน้ำตา หายใจเข้าปอดลึกสุดก่อนลุกขึ้น “ฉันตกลง!” เธอบอกดวงตาเธอดูเข้มแข็งขึ้นมา “ไปล้างหน้าก่อนดีไหม... “ เขาแนะ ก่อนจะพูดเสริมขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่นราวปลอบโยน “เติมแป้งและลิปสติกสักนิดก็ได้ ผมจะรอแถวๆ ทางเข้านะครับ” เขายิ้มบางอย่างเห็นอกเห็นใจหญิงสาวขี้แยตรงหน้า แน่นอนว่าเธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีในรอบปีที่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มของเขา “ค่ะ” ปภาณพิชญ์พยักหน้ารับรู้ก่อนเดินตรงไปที่ห้องน้ำของโรงถ่ายทำ ปภาณพิชญ์ก้าวออกมาหลังจากทำธุระเสร็จเรียบร้อย พบว่าร่างสูงมาดเซอร์กำลังยืนรอเธออยู่ นานแค่ไหนแล้วที่ปภาณพิชญ์ไม่มีผู้ชายยืนรอหน้าห้องน้ำแบบนี้ เขาทำให้เธอหวนกลับไปนึกถึงเวลาหลังชมภาพยนตร์จบ พี่หมอจะต้องยืนรอเธอหน้าห้องน้ำ เหมือนๆ กับแฟนหนุ่มของสาวๆ ทุกคนที่ไปชมภาพยนตร์เป็นคู่ๆ ใครที่เดินออกมาแต่ไม่มีคนรักยืนรอก็ดูเหมือนจะเก้อเขินไป... หล่อนดูหนังคนเดียวมาพักหนึ่ง หลังจากพี่หมอให้เหตุผลว่า งานที่โรงพยาบาลที่สังกัดนั้นยุ่งมาก คนไข้เยอะ ไปไหนมาไหนกับเธอบ่อยๆ เหมือนเดิมคงจะไม่ได้ ในเวลาต่อมา เพื่อนสนิทของปภาณพิชญ์เล่าให้ฟังว่า พี่หมอของเธอสนิทสนมกับแพทย์สาวที่เธอก็รู้จักแต่... ไม่คิดว่าเขาจะสนิทถึงขั้นคบหากัน และนั่นหมายความว่าพี่หมอคบซ้อนเพราะเขากับเธอยังไม่เลิกกันด้วยซ้ำ “เรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ?” เขาเอ่ยถาม หน้าตาแน่วนิ่งไม่แสดงอารมณ์ แม้จะหน้าตาดีแต่เสียดายหน้าที่นิ่งเรียบเหมือนเจ้าชายน้ำแข็ง ไม่บอกก็คงคิดว่าเขาไปฉีดโบท็อกซ์มามากเกินจำเป็น จนใบหน้าแสดงอารมณ์ไม่ได้ แต่ความจริงเขาเป็นคนนิ่งๆ แบบนั้นเอง “ค่ะ” ปภาณพิชญ์พยักหน้ารับ ดวงตาที่เคยเศร้าหมอง ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง เหตุผลที่ปภาณพิชญ์ตัดสินใจอยู่ต่อไม่ใช่เพราะอยากได้รางวัล แต่เพราะเธอไม่อยาก ‘เสียคน’ มากกว่า “พร้อมนะ?” เขาเอ่ยถามถึงความพร้อมของคนตัวเล็ก เขารูปร่างสูงและดูสมาร์ทมาก จากสายตาของปภาณพิชญ์คะเนดูน่าจะร้อยแปดสิบได้ คางของเขาอยู่ระดับเดียวกันกับหน้าผากมนของเธอ ทำให้หญิงสาวนึกถึงการ์ตูนตาหวานที่พระเอกจะรูปร่างสูงยาวขณะที่นางเอกตัวเล็กนิดเดียว แต่ได้ระดับพอดีเหมาะสม หากเขาโน้มหน้าลงมาแนบจูบที่ริมฝีปากอิ่มสวยนั้น... ปภาณพิชญ์กำลังจินตนาการถึงการ์ตูนตาหวานต่างหาก ทำไมชายหนุ่มตรงหน้าถึงเอาแต่ยิ้ม “อืม” หญิงสาวเปล่งเสียงขานรับในลำคอ คงไม่กล้าจะพูดอะไรมาก กลัวเขาจะจับได้ว่าตนแอบคิด ‘อกุศล’ กับเขาเข้าแล้วไง “งั้นเราเข้าไปข้างในได้แล้ว” เขาเอ่ยชวน ปภาณพิชญ์เดินตามเขาต้อยๆ “เอ่อ... คุณคะ ชื่อคุณ...?” หญิงสาวหยุดชะงักครู่หนึ่ง เงยหน้าสบประสานดวงตาคมของเขา “เรียกผมว่าแทน... ผมชื่อแทนครับ ธันยาพัฒน์คือชื่อไทยของผมครับ” ชายหนุ่มตอบ ดูเหมือนว่ามุมปากข้างหนึ่งจะโค้งเป็นรอยยิ้มบางๆ น่าค้นหา รอยยิ้มนั้นทำให้เขาดูเป็นผู้ชายมากเสน่ห์อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว “คุณเป็นลูกครึ่งหรือคะ?” ความจริงปภาณพิชญ์ไม่น่าถามเลยด้วยซ้ำเพราะเชื้อชาติของเขามันชัดเจนที่รูปลักษณ์ของเขา ทั้งดวงตาสีเทาอมฟ้า ปากสีชมพูธรรมชาติ ผมสีน้ำตาลเข้มและรอยกระที่มีแต่พอน่ารัก บนแก้มทั้งสองข้างของเขา “ไทย-อังกฤษ แพททริค เจ. วิลเลี่ยม ชื่ออังกฤษครับ” เขาตอบน้ำเสียงของเขาเรียบนิ่งฟังดูมั่นคงดี ปภาณพิชญ์บอกตัวเองอย่างนั้น “ฉันชื่อปภาณพิชญ์ เรียกโยเกิร์ตก็ได้... นั่นชื่อเล่นฉันค่ะ” เธอตอบเขาแต่กลับเขินอายขึ้นมาเฉยๆ อยู่ดีๆ ก็ใจเต้นแรงพร้อมกับร้อนวูบวาบที่พวงแก้ม “ยินดี... เอ่อ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” เขาหยุดสบประสานสายตา ‘โยเกิร์ต... ผมก็ชอบกินโยเกิร์ตเหมือนกันนะ!’ เขาพบว่าหญิงสาวตรงหน้าก็หน้าตาน่ารัก สวย หวานจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าผู้ชายที่ทำเธอร้องไห้ ทำไมมันโง่ขนาดนี้นะ “ค่ะ ยินดีเช่นกัน” เธอตอบขณะหัวใจก็เต้นแรงเหลือเกิน ไม่อาจทนสบประสานสายตากับช่างภาพรูปหล่อได้นาน เพราะมันทำให้เธอรู้สึกร้อนวูบวาบที่พวงแก้มทั้งสองข้าง ถ้าไม่รีบหลบตาตอนนี้มีหวังสีแดงๆ ของแก้มสาว ได้สะท้อนอยู่ในดวงตาของเขาเป็นแน่ มันคงเป็นเรื่องน่าอายน่าดูเลย ถ้าปล่อยให้เกิดเรื่องอะไรแบบนั้นกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกัน “ถึงแม้ว่าเราจะรู้จักกันในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะโอเคเท่าไหร่” เขาบอกอย่างแค่นยิ้ม “แต่ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องดีนะคะ” เธอตอบพร้อมใช้นิ้วเกี่ยวปรอยผมขึ้นเหน็บใบหูอย่างแก้เก้อ ‘ทำไม... ต้องรู้สึกเขินอายกับผู้ชายคนนี้ด้วยนะ?’ หญิงสาวตำหนิตัวเอง “ครับผม เราเข้าไปข้างในกันได้แล้ว” เขาชวนน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่พูดเปล่า มืออบอุ่นเกี่ยวมือนุ่มจับจูงเดินเข้าไปด้านใน หากหญิงสาวขืนตัวไว้ ก่อนพูดอะไรบางอย่าง “ว่าแต่เรื่องที่มันจะต้องมีทีมหนึ่งที่หายไปละคะ?” หญิงสาวยังถามด้วยความเป็นกังวลเพราะกลัวถูกทีมงานจับได้แล้วเรื่องเล็กมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่น่ะสิ “ผมบอกทีมงานไปแล้วครับ ไม่ต้องกังวล” เขาบอก สิ่งนั้นสร้างความสบายใจให้ปภาณพิชญ์ขึ้นมาทันที “โอ... ดีจังค่ะ” ปภาณพิชญ์รู้สึกโล่งใจ จนเผยรอยยิ้มหวานละมุนละไมออกมา รอยยิ้มนั้นตรึงอยู่ในหัวใจใครบางคน ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันเพียงไม่นาน ผู้ชายอย่างธันยาพัฒน์ ผู้ไม่เคยเชื่อเรื่อง ‘รักแรกพบ’ แต่ตอนนี้ชายหนุ่มชักลังเลสับสน!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD