เตชินทร์จำได้ว่าผู้เป็นพ่อร้องไห้หนักแค่ไหน ไตรภพไม่เหลือเค้าของประธานบริษัทที่ใครต่อใครนับหน้าถือตาเลยสักนิด ร่างของพ่อเกลือกกลิ้งลงไปบนพื้นถนน ต่อหน้ากองไฟที่พรากร่างของภรรยาอันเป็นที่รักไปอย่างไม่มีโอกาสหวนคืน เตชินทร์จำได้ว่าชั่ววินาทีหนึ่งพ่อตั้งใจที่จะพุ่งเข้าไปในกองไฟเพื่อช่วยแม่ด้วยความหวังอันริบหรี่ แต่ก็ถูกเหล่ากู้ภัยยื้อยุดชุดกระชากเอาไว้
‘ปล่อยผมนะครับ! เมียผมยังอยู่ในนั้น เธอบาดเจ็บไม่มาก! ผมช่วยเธอออกมาได้แน่! เมียผมเขายังรอให้ผมเข้าไปช่วยอยู่! ปล่อยกูนะเว้ย! ไอ้พวกเหี้ย! กูจะเข้าไปช่วยเมียกู เมียกูยังไม่ตาย! มึงจะมาจับกูไว้ทำไมวะ ปล่อยสิเว้ยไอ้เวรเอ๊ย! ปล่อยกู!!’
โลกทั้งใบของไตรภพพังทลายโดยสมบูรณ์ ชลดาเป็นภรรยาที่เขารักสุดหัวใจ เป็นความสุข เป็นครึ่งหนึ่งของชีวิต การสูญเสียในครั้งนี้มันสาหัสเสียจนไม่สามารถทำใจได้ เขาไม่พูดไม่จากับใครเลยแม้แต่คนเดียวอยู่หลายเดือน แม้กระทั่งกับลูกชายที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวอย่างเตชินทร์
เด็กชายวัยเพียงสิบขวบที่แตกสลายไม่ต่างกันไร้ที่พึ่งพิง มีเพียงนรากรเท่านั้นที่คอยรับฟังแม้จะไม่รู้วิธีปลอบโยนให้เพื่อนหายเศร้าก็ตาม จนกระทั่งวันหนึ่งหลังจากเหตุการณ์สุดสลดผ่านพ้นไปเพียงสามเดือน ไตรภพก็พาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในชีวิตของตัวเองและลูกชาย ซึ่งคนคนนั้นคือวณี..
นรากรคิดว่าวณีคงจะเป็นแม่เลี้ยงที่ดีให้กับเพื่อนของตน แต่เตชินทร์กลับได้รับประสบการณ์ที่ต่างออกไป ไตรภพปล่อยให้วณีเลี้ยงเขาเพียงลำพัง ในขณะที่ตัวเองหันหน้าเข้าหาสิ่งมึนเมาอย่างสุรา งานในบริษัทก็ยกให้พวกผู้หลักผู้ใหญ่ในบอร์ดบริหารจัดการ ทางด้านวณีที่เข้ามาอยู่ในบ้านได้เพียงปีเศษ ๆ ก็ตั้งท้องลูกที่เกิดจากพ่อของเขาขึ้นมา นั่นทำให้ไตรภพมีความสุขจนออกนอกหน้า รอยยิ้มที่เตชินทร์ไม่เคยได้เห็นนับตั้งแต่แม่จากไปปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ยิ่งมีลูกชายคนใหม่ วณีก็ยิ่งปฏิบัติกับเตชินทร์เหมือนเป็นคนนอกมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งแอบหยิกจนเนื้อเขียว พูดจาถากถางเรื่องผลการเรียนในเวลาที่ผู้เป็นพ่อไม่อยู่ ปั้นน้ำเป็นตัวว่าเตชินทร์รังแกน้องอย่างนั้นอย่างนี้จนไตรภพต้องดุเขาผ่านทางสายตา
ทุกครั้งที่พ่อปริปากพูดกับเขา เตชินทร์สัมผัสได้เลยว่าในทุกอณูของบทสนทนาล้วนเต็มไปด้วยความชิงชัง และเมื่อเตชินทร์ทำตัวไม่ได้ดั่งใจ พ่อแท้ ๆ ก็จะใช้คำพูดเจ็บแสบลงท้ายประโยคเสมอ
‘…ถ้าวันนั้นคนที่ตายเป็นแกก็คงดี’
เตชินทร์ต้องทนเก็บทุกความรู้สึกไว้กับตัวอย่างที่ไม่สามารถบอกใครได้ แม้กระทั่งกับนรากร ในช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ เขารู้ดีว่าเพื่อนของตนก็มีเรื่องที่ลำบากใจเช่นเดียวกัน การเก็บทุกอย่างไว้กับตัวเองจึงเป็นทางออกเดียวที่เตชินทร์พอจะทำได้ นั่นส่งผลให้อาการนอนไม่หลับเริ่มเกิดขึ้นกับเขานับตั้งแต่ตอนนั้นจนปัจจุบัน
เพียงแค่หลับตาลง.. ภาพเหตุการณ์ในอดีตตลอดยี่สิบปีที่เป็นเหมือนนรกก็จะตามมาหลอกหลอนจนไม่สามารถหลับได้
โดยมีสาเหตุมาจากการกระทำของคนที่ไม่สมควรเรียกตัวเองว่าพ่ออย่างไตรภพ
…
“เตชินทร์!” เมื่อเห็นว่าลูกชายของตนยืนนิ่งอยู่นาน ไตรภพจึงตวาดออกมาเสียงดังลั่น “ฉันบอกให้แกขอโทษแม่ได้แล้ว!”
ชายหนุ่มสะดุ้งจากภวังค์ เขามองไปยังร่างของคนสองคนที่ยืนกอดกันอยู่ด้วยสายตาว่างเปล่า “ไม่…นั่นไม่ใช่แม่ของผม คุณเองก็ไม่ใช่พ่อของผมเหมือนกัน ผมไม่จำเป็น…จะต้องทำอะไรตามคำสั่งคุณ"
ไตรภพมองหน้าลูกชายครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้ามาหา “ฉันบอกว่าให้ขอโทษวณีซะ! ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง!”
ผัวะ!
มือของพ่อบังเกิดเกล้าฟาดลงมาบนใบหน้าของเตชินทร์อย่างแรงจนชายหนุ่มได้รสคาวเลือดในริมฝีปากของตัวเอง เตชินทร์ยืนนิ่งด้วยไม่คิดว่าตนจะถูกผู้เป็นพ่อสั่งสอนเพียงเพราะไม่ให้ความเคารพกับแม่เลี้ยงใจทรามที่ทำร้ายร่างกายเขามาตั้งแต่เด็ก
“..ถ้ายอมขอโทษแต่แรก ไม่ทำตัวดื้อด้านหัวแข็ง แกก็คงไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้!”
“คุณไตรขา ไม่เป็นไรนะคะ วณีเข้าใจค่ะ…เตชินทร์ลูกเราไม่ค่อยได้กลับบ้าน จะกลับมาทีก็มาแค่ตอนต้องใช้เอกสารสำคัญที่บุพการีต้องเซ็น.. ลูกคงไม่ได้รักวณีค่ะ วณีเข้าใจ คุณไตรอย่าไปเอาเรื่องเตชินทร์เลยนะคะ" วณีเดินเข้ามาลูบแขนสามีพร้อมกับเหยียดยิ้มอย่างผู้ชนะ
“ผม…ไม่ใช่ลูกคุณ" คนที่โดนตบอย่างแรงจนหน้าชาค่อย ๆ เค้นเสียงพูดออกมา “ชีวิตผม..มีแม่แค่คนเดียว.. เพราะงั้นเอาเอกสารมาได้แล้ว"
“ขอโทษวณีก่อน ไม่งั้นฉันจะไม่เซ็นเอกสารให้แก" ไตรภพเสียงแข็ง เขาเอาเรื่องเอกสารสำคัญทางราชการที่ต้องใช้ลายเซ็นของผู้เป็นพ่อมาข่มขู่ ซึ่งเอกสารนั้นมีความสำคัญสืบเนื่องไปถึงธุรกิจเครื่องเทศที่เตชินทร์กำลังทำอยู่
“คุณไตรขา วณีไม่เป็นไรจริง ๆ นะคะ..” แม่เลี้ยงใจยักษ์จีบปากจีบคอพูด “..แค่เจ็บคอนิดหน่อย เอ๊ะ อาจจะเส้นเลือดฝอยในดวงตาแตกด้วย แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่ต้องให้เตชินทร์ขอโทษวณีก็ได้ค่ะ"
“เตชินทร์ ฉันบอกให้แกขอโทษ เดี๋ยวนี้!”
“ผมไม่ทำ..” คนที่ข่มความรู้สึกเอาไว้นานจนไม่อาจทนได้อีกต่อไปค่อย ๆ เอ่ยออกมาเสียงดังขึ้น “ผมบอกว่าไม่ขอโทษ! คุณอย่ามาบังคับผม!"
เตชินทร์มองผู้เป็นพ่อด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย ทั้งเจ็บปวด เคียดแค้น ระคนไปความสงสัย ความสงสัยในคำถามที่เขายังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ ว่าในเหตุการณ์เมื่อยี่สิบปีก่อน เขากระทำความผิดอะไรหนักหนา ผู้เป็นถึงได้ประพฤติตัวแบบนี้มาตลอด
“ไม่เซ็นก็ไม่ต้องเซ็น"
ชายหนุ่มหันหลังกลับ รีบก้าวเท้าออกไปเพื่อหมายจะสงบสติอารมณ์ ส่วนเรื่องเอกสารค่อยวานให้ผู้ช่วยส่วนตัวมาจัดการแทน เตชินทร์เพิ่งตระหนักได้ว่าในบ้านหลังใหญ่แต่ไร้ซึ่งความสงบสุขแห่งนี้ ไม่ได้มีพื้นที่สำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว..
“ไปเลยนะ! แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ไอ้ลูกเฮงซวย!”
คำพูดของไตรภพที่ไล่หลังมาเป็นเหมือนดาบเล่มคมที่เสียบแทงจากข้างหลัง ทะลุถึงกลางหัวใจของคนฟัง เตชินทร์ชะงักฝีเท้าครู่หนึ่งก่อนจะเหลือบมองไปยังสวนดอกไม้ที่เคยเป็นสถานที่โปรดของผู้เป็นแม่อย่างชลดา ทว่าในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยรูปปั้นซึ่งเป็นความชอบส่วนตัวของวณีวางทดแทนเต็มไปหมด
คุณแม่ครับ…สบายดีใช่ไหมครับ…