EP 10 | ท้องฟ้ายามเย็น
ในเมื่อรู้ว่าคนที่ตัวเองอยากไล่ออก แต่ไม่สามารถไล่ออกได้อย่างใจ ซ้ำเขายังต้องมารับหน้าที่ตามติดกันเป็นเงาอีก
ไล่ออกไม่ได้
งั้นก็ได้…เมื่อเขาต้องอยู่ แม่ก็จะจัดให้เขาทนไม่ไหวจนลาออกไปเอง
หญิงสาวเดินเชิดอย่างไม่แคร์ใคร แกล้งเดินเข้าออกร้านแบรนด์เนมชื่อดังแทบทุกร้าน ปล่อยให้บอดี้การ์ดอย่างเขาเดินหอบหิ้วถือถุงพะรุงพะรังจนเต็มไม้เต็มมือ แอบรู้สึกสะใจนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้คิดจะหยุด
จนกระทั่งผ่านไปสามชั่วโมงกับการช็อปกระจาย และคิดว่าคนที่เดินตามหลังมาคงถือถุงจำนวนมากนั้นไม่ไหวแน่
ใบหน้าหวานลอบยกยิ้มรู้สึกเหมือนตัวเองแกล้งเขาได้สำเร็จ ก่อนจะหันหลังกลับไปเตรียมเยาะเย้ย
แต่…
ผิดคาด…
ในมือของบอดี้การ์ดกลับว่างเปล่าไม่มีถุงอะไรติดมือเลยสักใบ
อย่าบอกนะว่า….เขากำลังแกล้งเธอคืน ด้วยการเอาถุงแบรนด์เนมที่เธอเพิ่งช็อปปิงโยนทิ้งไปหมดแล้ว
“นายเอาถุงข้าวของของฉันไปไหนหมด!”
เสียงหวานแข็งใส่ สีหน้าพร้อมเอาเรื่อง ในขณะที่อีกฝ่ายทำสีหน้าเรียบนิ่งไม่บ่งบอกความรู้สึก
“ผม…ให้คนมาเอาไปเก็บแล้วครับ”
ใช่...ใครมันจะไปหอบหิ้วถือถุงพะรุงพะรังให้โง่ บอดี้การ์ดคนอื่นก็มีและพวกนั้นก็ยังสแตนด์บายอยู่ไม่ไกล เพราะงั้นเขาจึงเรียกให้คนเหล่านั้นมารับช่วงต่อเอาไปเก็บที่รถแค่นั้นเอง
คำตอบของคนตรงหน้าทำเอาเรียวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างหงุดหงิดที่ผิดแผน เธออุตส่าห์ช็อปปิงแบบจัดเต็ม หวังจะให้เขาหนักและเหนื่อย
ไป ๆ มา ๆ จะมีก็แต่เธอนี่แหละที่เหนื่อย อุตส่าห์เดินโง่ ๆ จนขาลากถึงสามสี่ชั่วโมง นอกจากจะแกล้งเขาไม่ได้ผล ซ้ำยังเป็นฝ่ายที่ต้องเดินจนปวดขาซะเองอีก
มีอารู้สึกหัวร้อนจนต้องใช้มือเรียวยกขึ้นพัดไปมาที่ใบหน้า
“งั้นกลับ”
“ยังเดินไม่ครบทุกร้านเลยนะครับ”
เหมือนโดนเขายอกย้อนกลับด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ฟังแล้วเหมือนกำลังเยาะเย้ยเธอนิด ๆ
“ก็บอกว่าฉันจะกลับไง!”
ไปก็โง่ เธอเมื่อยขาขนาดนี้ ใครจะไปมีแรงเดินต่อที่ไหนอีก อย่าว่าแต่ให้ขับรถกลับตอนนี้ยังขี้เกียจสุด ๆ
“อ้อ งั้นเดี๋ยวนายมาขับรถให้ฉันด้วยนะ ฉันขี้เกียจขับเอง” เธอว่าพลางส่งกุญแจให้
“ครับ” อีกฝ่ายตอบสั้น ๆ ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์แบบเดิม แต่เพราะท่าทีเย็นชาของเขามันทำให้เธอหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
มีอาพ่นลมหายใจเบา ๆ พลางเหลือบมองใบหน้าของชายหนุ่ม ดูเหมือนว่าคนแบบเขาเธออาจจะใช้ไม้แข็งไม่ได้ผล
งั้นถ้าเธอลองใช้ไม้อ่อนกับเขาดูล่ะ
คิดได้ดังนั้นใบหน้าหวานก็ยิ้มกริ่มอย่างคนมีแผน
…
ทั้งคู่พากันออกจากห้างสรรพสินค้าเกือบ ๆ หกโมงเย็น ระหว่างทางบรรยากาศภายในรถเงียบสนิท มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนออกไปตามถนนกว้าง เบาะนั่งฝั่งผู้โดยสารเป็นที่ของมีอา เธอเอนกายพิงเบาะหนังแท้สีดำสุดหรู ในขณะที่มือเรียวถือโทรศัพท์ไถหน้าเลื่อนดูไอจีเล่นไปเรื่อย ๆ และ ‘L’ ผู้ชายที่เธอคุยด้วยเมื่อวานก็ไม่ตอบแชตเธอเลยสักนิด
จนกระทั่งสายตาของเธอสะดุดเข้ากับภาพวิวด้านนอก แสงพระอาทิตย์ยามเย็นกำลังทอแสงสีส้มละมุนตัดกับขอบฟ้าสีน้ำเงินเข้ม มันสวยมากจนเธออดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป
“อื้ม...ท้องฟ้าสวยจัง”
แชะ!
กดถ่ายไปหลายช็อต ก่อนจะเลือกมุมที่ถูกใจที่สุดแล้วแต่งสีฟิลเตอร์เพิ่มเล็กน้อย จากนั้นก็โพสต์ลงไอจีพร้อมแคปชัน
Evening vibes
เธออมยิ้มพอใจ ก่อนจะเหลือบตามองชายหนุ่มข้างกายที่นั่งเงียบมาตลอดทาง
“อิล” เสียงใสเรียกชื่อเขา แต่คนถูกเรียกไม่ได้ตอบสนองอะไร นอกจากขับรถต่อไปด้วยสีหน้าราบเรียบ เขาช่างเป็นคนที่แทบจะไม่เคยพูดเกินความจำเป็น ใบหน้าเรียบนิ่ง แววตาดุดัน ราวกับมีม่านกำแพงขวางกั้นให้เขาดูเข้าถึงยาก
“ถามก็ขานรับตอบหน่อยสิ จะหยิ่งไปถึงไหน” ประโยคแรกเธอพูดกับเขา ส่วนประโยคหลังเธอพึมพำพูดคนเดียว
ที่สุดเขาก็ยอมเหลือบตามองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองถนนต่อ สายตาจดจ่ออยู่กับถนนข้างหน้า มีอารออยู่ไม่กี่วินาทีแต่เมื่อเห็นเขายังเงียบอยู่ เธอได้แต่กลอกตาไปมาอย่างหงุดหงิด
“ฉันถามอะไร นายก็ช่วยตอบหน่อยสิ! เงียบแบบนี้เหมือนคุยกับก้อนหินเลย” เธอขึ้นเสียงใส่เขาอย่างลืมตัว
นับหนึ่งจนสิบ จนร้อยแล้ววนกลับมาใหม่ ก่อนจะปรับอารมณ์ด้วยการสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แล้วปรับสีหน้าใหม่ด้วยการฉีกยิ้มหวาน
“นี่...นายไม่คิดจะตอบฉันหน่อยเหรอ? ฉันพยายามญาติดีกับนายแล้วนะ”
มีอากะพริบตาปริบ ๆ รอคำตอบ ก่อนจะเบ้ปากออกมาเมื่อเห็นว่าเขายังเล่นบทเงียบใส่
งั้นเอาใหม่…
“อิล~” เธอลากเสียงเรียกชื่อเขา พลางยื่นมือไปแตะต้นแขนเขาเบา ๆ สีหน้าท่าทางออดอ้อนสุดฤทธิ์
“ตอบหน่อยน้า~”
เหมือนจะได้ผล เขาปรายตามองมือเรียวของเธอที่กำลังดึงมือกลับ พลางถอนหายใจเบา ๆ
“ครับ?” ในที่สุดเขาก็ยอมตอบเธอ
แต่กว่าจะตอบ 🙄
“นายมาเป็นบอดี้การ์ดให้คุณพ่อได้ยังไงเหรอ?”
มีอาฉีกยิ้ม พลางเริ่มบทสนทนาด้วยน้ำเสียงใสซื่อ
แต่…
มันแฝงไปด้วยเจตนาบางอย่าง
ใช่ เธอกำลังพยายามหลอกถามเพื่อหาข้อมูลของเขา
ก็นะ…จะกำจัดเหยื่อเธอก็ต้องรู้จักเหยื่อสิ
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ตำราสงครามว่าไว้
ว่าเข้านั่น…
แต่ก็ใช่แหละ เพราะเธอกำลังจะทำสงครามจิตวิทยากับเขาอยู่
“…มันเป็นงาน” เขาเอ่ยเสียงเรียบ
ก็รู้แล้วค่าว่ามันเป็นงาน! มีอาตอบในใจ พลางแอบกลอกตามองบนกับคำตอบ แต่เธอจำเป็นต้องฮึบเก็บอาการไว้ด้วยการเปลี่ยนสีหน้าเป็นรอยยิ้มแบบเดิม
“แล้วใครพานายเข้ามาทำงานนี้เหรอ?”
เงียบ…
เหมือนอีกฝ่ายจะรำคาญเธอนิด ๆ แต่มีอาไม่สนใจ เธอมองเขาตาแป๋ว รอคำตอบ
“…ดร.ทิว”
คำตอบที่แสนสั้นเหมือนเดิม!
“…อ๋อ คุณพ่อฉันเหรอ?” สรุปพ่อของเธอเป็นคนพามา มิน่าถึงได้ให้ท้ายนัก
“…”
รอบนี้เขาไม่ตอบ แต่นั่นก็นับเป็นคำตอบทางอ้อมแล้ว
มีอาถอนหายใจอีกระลอก ก่อนจะเริ่มโจมตีด้วยการตั้งคำถามต่อ
“แล้วก่อนหน้านายเคยเป็นอะไรมาก่อน ทำไมถึงมาเป็นบอดี้การ์ดได้ล่ะ?”
“ทหาร”
หญิงสาวตาโตขึ้นมาทันที “จริงดิ? แบบนี้นายก็ต้องเคยผ่านภารกิจลับอะไรแบบนั้นมาด้วยใช่มั้ย?”
“…”
“โห...เท่กว่าที่คิดอีกนะเนี่ย” เธอพึมพำเบา ๆ
อิลเหลือบตามองเธออีกครั้งก่อนจะละสายตากลับไปยังถนน
“เออ แล้วนายมีไอจีมั้ย?”
“ไม่ครับ”
“หา? จริงดิ?” มีอาอ้าปากค้าง “ทุกวันนี้ใคร ๆ ก็ต้องมี
ไอจีแล้วปะ?”
“ผมไม่สนใจ”
มีอาเบ้ปาก “แล้วมีอะไรที่นายสนใจบ้างล่ะ”
“…”
ไม่มีคำตอบ
มีอาถอนหายใจแรง ๆ พลางเอนกายพิงเบาะ ก่อนจะมองออกไปยังท้องฟ้าด้านนอก พระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้ามากขึ้นทุกที
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง เปิดแอปฯ ถ่ายรูป แล้วแอบหันเลนส์มาทางอิล เห็นอีกฝ่ายนิ่งไม่ตอบ มีอาแอบเบะปากใส่พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำท่าจะถ่ายรูปเขา
“เดี๋ยวฉันจะแคปชันว่า ‘Mission complete! ทำให้บอดี้การ์ดหน้านิ่งพูดเกินห้าพยางค์สำเร็จ”
อิลปรายตามองเธอ ไม่ได้ตอบอะไรต่อ แค่ขับรถต่อไปเงียบ ๆ
ภาพหญิงสาวผมยาวสีน้ำตาลอ่อนเป็นลอนที่นั่งไขว่ห้างอยู่ข้าง ๆ กระโปรงนักศึกษาตัวสั้น ชุดนักศึกษาเข้ารูป แอกเซสซอรีทั้งตัวดูแพง แม้เธอจะค่อนข้างเอาแต่ใจ ขี้เหวี่ยง ขี้วีน และจู้จี้จุกจิกไปบ้าง
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า...
เธอเป็นคนที่สวยเอามาก ๆ
เธอไม่รู้ตัวเลยว่าระหว่างที่เธอพูดคุยกับเขา มือเรียวกำลังเลื่อนดูไอจีของตัวเองอย่างสนุกสนานเป็นระยะ
ขณะนั้นเขาแอบมองพฤติกรรมของเธออยู่