EP 6 | Blacklist แบล็กลิสต์

1668 Words
EP 6 | Blacklist แบล็กลิสต์ ในตอนดึกของคืนนั้น…มีอานอนหลับใหลอยู่บนเตียง ก่อนที่เธอจะรู้สึกถึงลมเย็น ๆ ที่พัดโชยเข้ามาจากริมระเบียง เธอลืมตาตื่นขึ้นก่อนจะหันไปมองม่านสีขาวที่พลิ้วไหวอย่างงุนงง เดี๋ยว? เธอลืมปิดประตูบานเลื่อนได้ไงก่อน จำได้ว่าก่อนนอนเธอปิดมันไปแล้วกับมือไม่ใช่เหรอ? ไม่ทันแก่ แต่อัลไซเมอร์ถามหาตอนอายุ 21 มีอาผุดลุกขึ้นนั่ง ขาเรียวก้าวไปที่ระเบียงเพื่อปิดประตู ทว่าจังหวะนั้นสายตากลับเหลือบไปเห็นแผ่นหลังของชายบางคนที่เดินอยู่ในสวน และเขาใส่เสื้อโค้ตเหมือนกับผู้ชายที่เธอเห็นภาพจากไอจีแบบเดียวกันเป๊ะ ทำไม? เขาถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ มีอาก้าวออกไปที่ระเบียง ก่อนตะโกนเรียกชื่อสุดเสียง “คุณแอล นั่นคุณแอลใช่ไหมคะ” เธอเรียกเขา ได้ผลเขาคนนั้นหยุดชะงัก พร้อมกับหันกลับมา “…!” ทันใดนั้น ดวงตาคู่หวานกลับเบิกกว้างด้วยความตกใจ เพราะทันทีที่เธอเห็นใบหน้าของผู้ชายคนนั้นอย่างชัดเจน นั่นมัน ‘อิล’ บอดี้การ์ดของเธอนี่! … กรี๊ดดด!! มีอาสะดุ้งตื่น! ก่อนมองไปรอบ ๆ ทุกอย่างดูปกติ ประตูบานเลื่อนริมระเบียงยังคงปิดสนิท เครื่องปรับอากาศภายในห้องยังเย็นฉ่ำ และเธอ…ยังคงนอนอยู่บนที่นอน นี่เธอเป็นเอามาก มาก…ถึงขนาดเธอเก็บเอาหมอนั่นไปนอนฝัน? รุ่งเช้า ทันทีที่ตื่นนอน หญิงสาวรีบแต่งตัวเพื่อจะลงไปด้านล่างให้ทันคุณพ่อ ก่อนที่ท่านจะออกไปทำธุระข้างนอก ดีว่าวันนี้เธอมีเรียนตอนสิบโมงทำให้ไม่ต้องรีบไปมหาวิทยาลัยแต่เช้าเหมือนทุกวัน ซึ่งความรีบร้อนทำให้เธอลืมนัดที่จะถ่ายรูปพระอาทิตย์ให้คนในไอจีดูเสียสนิท ห้องทำงาน “คุณพ่อต้องไล่หมอนั่นออก!” มือเรียววางลงบนโต๊ะทั้งสองข้างอย่างเอาแต่ใจ พลางจ้องหน้า ดร.ทิวผู้เป็นพ่อ ที่ได้แต่มองหน้าลูกสาวกลับพร้อมกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย วันก่อนแผลงฤทธิ์อย่าง มาอีกวันแผลงฤทธิ์อย่าง มีแต่เรื่องน่าปวดหัว “นะคะคุณพ่อ ไล่เขาออกไปเลย มีอาไม่ชอบหน้า” “ใคร?” ดร.ทิว ถามกลับอย่างใจเย็น ถามทั้งที่รู้ดีว่าลูกสาวหมายถึงใคร “ก็บอดี้การ์ดคนใหม่ของคุณพ่อไงคะ มีอาไม่ชอบเขา” “แล้วเขาทำอะไรให้ลูกไม่พอใจ?” มีอาเม้มปากหาเหตุผลให้ตัวเอง ใช่! มันไม่มีเหตุผลนักหรอก การที่คนเราจะชอบหน้าหรือไม่ชอบหน้าใครบางคน ต่อให้คนคนนั้นจะหล่อเหลาปานเทพบุตรหรือแสนดีมาจากไหน ในเมื่อเธอไม่ชอบหน้า ก็คือไม่ชอบหน้า แต่กับบอดี้การ์ดคนนั้น เธอมีเหตุผลมากพอที่จะไม่ชอบ และเธอขึ้นแบล็กลิสต์เขาเอาไว้ในใจหลายข้อ ทั้งหน้านิ่ง เย็นชา กวนประสาท ไม่เชื่อฟังคำสั่ง และโดยเฉพาะข้อสุดท้ายที่ทำให้มือสวย ๆ ของเธอต้องไปจับ ‘ไอ้นั่น’ ของเขา “ว่าไงลูก เขาทำอะไรให้ลูกไม่พอใจ” “เยอะแยะค่ะ เจอวันเดียวยังแผลงฤทธิ์ใส่มีอาตั้งเยอะ” “ก็ลองไล่เหตุผลมาให้พ่อฟัง ว่าเขาทำอะไร” เจอถามกลับมาอีก หญิงสาวถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากัน ที่ผ่านมาพ่อของเธอไม่เคยถามอะไรกลับแบบนี้ แค่เธอบอกไม่ชอบ พ่อก็ไล่ออกโดยไม่เคยถามเหตุผล แต่อยู่ ๆ เมื่อวานก็บอกจะให้แต่งงาน และอยู่ ๆ ก็หาบอดี้การ์ดมาให้ไม่บอกไม่กล่าว ว่าแต่หมอนั่นทำอะไรให้เธอไม่พอใจงั้นเหรอ? มีอายกมือซ้ายของตัวเองที่จับไอ้นั่นเมื่อคืนขึ้นมาดู “เขา…” ริมฝีปากบางหยุดชะงักคำพูด ก่อนจะกำฝ่ามือที่แบเอาไว้แน่นแล้ววางลงข้างลำตัว “หมอนั่น ขัดคำสั่งหนูค่ะ “ “ทำไมถึงขัดคำสั่งล่ะ?” พ่อของเธอถามอีกคำถามกลับ และนั่นก็ทำให้เธอหงุดหงิดขึ้นไปอีก “ก็มีอาให้เขาไปส่งที่ผับอีกที่ แต่เขาดันพามีอากลับบ้าน” เธอโพล่งออกมาอย่างลืมตัว “อืม งั้นก็หมายความว่า เมื่อคือลูกจะไปเที่ยวต่อแต่เขาไม่ยอมพาไป?” ดร.ทิวหัวเราะในลำคอ พลางมองหน้าลูกสาวที่ไม่ยอมสบสายตากลับเหมือนตอนแรก “ค่ะ” เสียงหวานเริ่มแผ่วลง “แล้วเขาทำผิดยังไง?” “ผิดตรงขัดคำสั่ง” ยังเถียงข้าง ๆ คู ๆ แต่น้ำเสียงของมีอาฟังดูแผ่วลงกว่าตอนแรก “แสดงว่าเขาผิดจริง “ “ชะ ใช่ค่ะ” “ผิดที่เขาหวังดี เพราะรู้ว่าวันนี้ลูกมีเรียน?” “คุณพ่อ!” มีอาหน้าเหวอ คิดว่าพ่อจะเข้าข้างตัวเอง แต่ที่ไหนได้กลับไปเข้าข้างบอดี้การ์ดเฉย ได้ไงก่อน? “เอาเถอะมีอา ถึงสิ่งที่เขาทำ อาจไม่ถูกใจลูก แต่ที่เขาทำมันดันถูกใจพ่อมาก ดังนั้นพ่อคงไม่ไล่เขาออกด้วยเรื่องนี้” “คุณพ่อ!” อยากกระทืบเท้าลงพื้นแล้วลงไปนอนดิ้นเหมือนตอนเป็นเด็ก ทว่าตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ที่ทำได้คือพ่นลมหายใจฮึดฮัด แสดงออกชัดว่าไม่ชอบ ไม่พอใจ และจากที่ไม่ชอบหน้าบอดี้การ์ดคนนั้น พานทำให้เธอยิ่งไม่ชอบหน้าเขาหนักกว่าเดิม “นี่คุณพ่อจะให้ท้ายหมอนั่นเกินไปไหมคะ ทำแบบนี้เขาจะไม่ยิ่งได้ใจหรือคะ” “นั่นสินะ คนเราถ้าให้ท้ายมากจะยิ่งเหลิง ยิ่งได้ใจ และยิ่งเอาแต่ใจ ที่สุดก็จะไม่ค่อยเชื่อฟัง และดื้อรั้น อืม…มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ตัวอย่างก็มีให้ดูให้เห็น ถ้าอย่างนั้นพ่อจะจัดการยังไงดี หรือพ่อควรตัดไฟแต่ต้นลมด้วยการไม่ตามใจอีกต่อไปดีไหม?” พ่อของเธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย และมีอารู้ดีว่าที่ท่านพูด กำลังหมายถึงเธอกลาย ๆ “คุณพ่อแอบว่าลูกใช่ไหมคะ” มีอาคว่ำปากงอน “ได้ค่ะ งั้นลูกจะเป็นคนกระชากหน้ากากหมอนั่นออกมาเอง ลูกมั่นใจว่าเขาไม่ได้เป็นคนดีแบบที่คุณพ่อคิด แล้วเมื่อถึงเวลานั้นคุณพ่อก็อย่าลืมไล่เขาออกก็แล้วกัน” รู้ว่าเถียงไปก็แพ้วันยังค่ำ หญิงสาวเลยสะบัดหน้าหนี ก่อนจะหันหลังแล้วเดินจ้ำไปสองสามก้าวและหยุดชะงัก “อ้อ ส่วนเรื่องแต่งงาน มีอาก็ยังยืนกรานคำเดิมนะคะว่าไม่แต่ง” พูดจบหญิงสาวก็เดินกระแทกเท้าออกจากห้องทำงานของพ่อเธอด้วยความไม่พอใจ แต่ถึงแม้จะไม่พอใจมากแค่ไหน ในหัวก็ยังพยายามนึกหาวิธีการที่จะกำจัดบอดี้การ์ดของตัวเอง และปฏิเสธการแต่งงานให้ได้ มันต้องมีวิธีใดวิธีหนึ่งสิน่า … และเมื่อนึกถึงคนที่ไม่ชอบ คนที่ไม่ชอบก็โผล่มาให้เห็น เหมือนเป็นการขยี้ความรู้สึกให้ขุ่นมัวมากยิ่งขึ้น เธอเห็นบอดี้การ์ดที่ชื่ออิล กำลังเดินขึ้นบันไดสวนกับเธอที่กำลังจะลงไปพอดี สองสายตาสบประสานกันครู่หนึ่ง แต่ความรู้สึกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เขาดูเย็นชาและเรียบนิ่งไม่บ่งบอกความรู้สึกใด ๆ ในขณะที่เธอทั้งคุกรุ่นและขุ่นมัว พร้อมประกาศสงครามกับเขาแบบสุด ๆ และเขากลับยิ่งทำให้เธอโมโหหนักขึ้นด้วยการเลือกที่จะเมินต่อสายตาของเธอก่อน ซ้ำยังเดินขึ้นบันไดขั้นต่อไปอย่างไม่สนใจเธอ มีเหรอคนอย่างมีอาจะยอม เรื่องอะไรจะปล่อยบอดี้การ์ดอย่างเขาเมินใส่เธอซึ่ง ๆ หน้า มีอากัดฟันกรอดเดินกระแทกเท้าลงบันไดสวนลงไปตั้งใจจะเดินชนคนตัวโตให้รู้แล้วรู้รอด แต่เธอคงคิดผิด ในจังหวะที่ทั้งคู่สวนกัน เธอจงใจเดินชนเขา แต่เขากลับเบี่ยงตัวหลบไปอีกทางเป็นเหตุให้ร่างเล็กเซถลาไปด้านหน้าจนเกือบล้ม “ว้าย!” หมับ! มือหนาเข้ารั้งตัวหญิงสาวไว้ได้ในเสี้ยววิ “ระวังตัวหน่อยสิครับคุณหนู” เสียงทุ้มเอ่ยเข้ม ท่ามกลางความโล่งใจของทั้งคู่ โชคดีที่ไม่ตกบันไดกลิ้งลงไปทั้งสองคน แต่ที่โชคไม่ดีคือ… แขนแกร่งของเขากำลังโอบรัดโดนหน้าอกของเธอไป เต็ม ๆ “กะ กรี๊ดดดดด ปะ ปล่อยฉันนะ” หญิงสาวโวยวาย เขาถึงได้สติว่าท่อนแขนกำลังกอดรัดความนิ่มหยุ่นของเธออยู่ แต่เมื่อจะคลายอ้อมแขนออก เธอก็ดันยืนไม่มั่นพานจะล้มไปข้างหน้าอีก อิลเลยต้องกระชับท่อนแขนแกร่งไว้ตามเดิมแล้วพยายามประคองเธอให้ยืนได้คงที่ ทว่าพอปลอดภัยจากการล้มและตั้งหลักได้ มือเรียวก็ยกขึ้นฟาดใบหน้าเขาทันที เพียะ! ใบหน้าไม่ได้หันไปตามแรงตบ แค่รู้สึกแสบ ๆ คัน ๆ แต่ไม่มาก อิลใช้ลิ้นดันที่กระพุ้งปาก แต่สายตาคมยังคงมองนิ่งไปที่หญิงสาวตรงหน้า “ลามปาม! กล้าดียังไงมาแตะต้องตัวฉัน” “ผมแค่ช่วยไม่ให้คุณหนูตกบันได” เขาตอบกลับเสียงเรียบ “ก็ช่วยไปสิ แล้วทำไมต้องโดน นะ…” เธออ้าปากค้างไม่กล้าพูดต่อว่าโดน ‘นม’ ทว่าใบหน้าขาวเริ่มแดงก่ำ แยกไม่ออกว่าตอนนี้กำลังโกรธหรือกำลังอาย แต่เขากลับใช้สายตามองไปที่เนินอก แล้วยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะโน้มตัวไปกระซิบข้างหู “งั้นเสมอกันนะครับ เมื่อคืนคุณจับโดนของผม วันนี้ผมจับโดนของคุณ งั้นถือว่าเราสองคนหายกัน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD