EP 6 | Blacklist แบล็กลิสต์
ในตอนดึกของคืนนั้น…มีอานอนหลับใหลอยู่บนเตียง ก่อนที่เธอจะรู้สึกถึงลมเย็น ๆ ที่พัดโชยเข้ามาจากริมระเบียง เธอลืมตาตื่นขึ้นก่อนจะหันไปมองม่านสีขาวที่พลิ้วไหวอย่างงุนงง
เดี๋ยว? เธอลืมปิดประตูบานเลื่อนได้ไงก่อน จำได้ว่าก่อนนอนเธอปิดมันไปแล้วกับมือไม่ใช่เหรอ?
ไม่ทันแก่ แต่อัลไซเมอร์ถามหาตอนอายุ 21
มีอาผุดลุกขึ้นนั่ง ขาเรียวก้าวไปที่ระเบียงเพื่อปิดประตู ทว่าจังหวะนั้นสายตากลับเหลือบไปเห็นแผ่นหลังของชายบางคนที่เดินอยู่ในสวน และเขาใส่เสื้อโค้ตเหมือนกับผู้ชายที่เธอเห็นภาพจากไอจีแบบเดียวกันเป๊ะ
ทำไม? เขาถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ
มีอาก้าวออกไปที่ระเบียง ก่อนตะโกนเรียกชื่อสุดเสียง
“คุณแอล นั่นคุณแอลใช่ไหมคะ” เธอเรียกเขา
ได้ผลเขาคนนั้นหยุดชะงัก พร้อมกับหันกลับมา
“…!”
ทันใดนั้น ดวงตาคู่หวานกลับเบิกกว้างด้วยความตกใจ เพราะทันทีที่เธอเห็นใบหน้าของผู้ชายคนนั้นอย่างชัดเจน
นั่นมัน
‘อิล’ บอดี้การ์ดของเธอนี่!
…
กรี๊ดดด!!
มีอาสะดุ้งตื่น! ก่อนมองไปรอบ ๆ
ทุกอย่างดูปกติ ประตูบานเลื่อนริมระเบียงยังคงปิดสนิท เครื่องปรับอากาศภายในห้องยังเย็นฉ่ำ และเธอ…ยังคงนอนอยู่บนที่นอน
นี่เธอเป็นเอามาก
มาก…ถึงขนาดเธอเก็บเอาหมอนั่นไปนอนฝัน?
รุ่งเช้า
ทันทีที่ตื่นนอน หญิงสาวรีบแต่งตัวเพื่อจะลงไปด้านล่างให้ทันคุณพ่อ ก่อนที่ท่านจะออกไปทำธุระข้างนอก ดีว่าวันนี้เธอมีเรียนตอนสิบโมงทำให้ไม่ต้องรีบไปมหาวิทยาลัยแต่เช้าเหมือนทุกวัน ซึ่งความรีบร้อนทำให้เธอลืมนัดที่จะถ่ายรูปพระอาทิตย์ให้คนในไอจีดูเสียสนิท
ห้องทำงาน
“คุณพ่อต้องไล่หมอนั่นออก!”
มือเรียววางลงบนโต๊ะทั้งสองข้างอย่างเอาแต่ใจ พลางจ้องหน้า ดร.ทิวผู้เป็นพ่อ ที่ได้แต่มองหน้าลูกสาวกลับพร้อมกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
วันก่อนแผลงฤทธิ์อย่าง
มาอีกวันแผลงฤทธิ์อย่าง
มีแต่เรื่องน่าปวดหัว
“นะคะคุณพ่อ ไล่เขาออกไปเลย มีอาไม่ชอบหน้า”
“ใคร?” ดร.ทิว ถามกลับอย่างใจเย็น ถามทั้งที่รู้ดีว่าลูกสาวหมายถึงใคร
“ก็บอดี้การ์ดคนใหม่ของคุณพ่อไงคะ มีอาไม่ชอบเขา”
“แล้วเขาทำอะไรให้ลูกไม่พอใจ?”
มีอาเม้มปากหาเหตุผลให้ตัวเอง
ใช่! มันไม่มีเหตุผลนักหรอก การที่คนเราจะชอบหน้าหรือไม่ชอบหน้าใครบางคน ต่อให้คนคนนั้นจะหล่อเหลาปานเทพบุตรหรือแสนดีมาจากไหน ในเมื่อเธอไม่ชอบหน้า ก็คือไม่ชอบหน้า
แต่กับบอดี้การ์ดคนนั้น เธอมีเหตุผลมากพอที่จะไม่ชอบ และเธอขึ้นแบล็กลิสต์เขาเอาไว้ในใจหลายข้อ
ทั้งหน้านิ่ง เย็นชา กวนประสาท ไม่เชื่อฟังคำสั่ง และโดยเฉพาะข้อสุดท้ายที่ทำให้มือสวย ๆ ของเธอต้องไปจับ ‘ไอ้นั่น’ ของเขา
“ว่าไงลูก เขาทำอะไรให้ลูกไม่พอใจ”
“เยอะแยะค่ะ เจอวันเดียวยังแผลงฤทธิ์ใส่มีอาตั้งเยอะ”
“ก็ลองไล่เหตุผลมาให้พ่อฟัง ว่าเขาทำอะไร”
เจอถามกลับมาอีก หญิงสาวถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากัน ที่ผ่านมาพ่อของเธอไม่เคยถามอะไรกลับแบบนี้ แค่เธอบอกไม่ชอบ พ่อก็ไล่ออกโดยไม่เคยถามเหตุผล
แต่อยู่ ๆ เมื่อวานก็บอกจะให้แต่งงาน
และอยู่ ๆ ก็หาบอดี้การ์ดมาให้ไม่บอกไม่กล่าว
ว่าแต่หมอนั่นทำอะไรให้เธอไม่พอใจงั้นเหรอ?
มีอายกมือซ้ายของตัวเองที่จับไอ้นั่นเมื่อคืนขึ้นมาดู
“เขา…”
ริมฝีปากบางหยุดชะงักคำพูด ก่อนจะกำฝ่ามือที่แบเอาไว้แน่นแล้ววางลงข้างลำตัว
“หมอนั่น ขัดคำสั่งหนูค่ะ “
“ทำไมถึงขัดคำสั่งล่ะ?” พ่อของเธอถามอีกคำถามกลับ และนั่นก็ทำให้เธอหงุดหงิดขึ้นไปอีก
“ก็มีอาให้เขาไปส่งที่ผับอีกที่ แต่เขาดันพามีอากลับบ้าน” เธอโพล่งออกมาอย่างลืมตัว
“อืม งั้นก็หมายความว่า เมื่อคือลูกจะไปเที่ยวต่อแต่เขาไม่ยอมพาไป?” ดร.ทิวหัวเราะในลำคอ พลางมองหน้าลูกสาวที่ไม่ยอมสบสายตากลับเหมือนตอนแรก
“ค่ะ” เสียงหวานเริ่มแผ่วลง
“แล้วเขาทำผิดยังไง?”
“ผิดตรงขัดคำสั่ง” ยังเถียงข้าง ๆ คู ๆ แต่น้ำเสียงของมีอาฟังดูแผ่วลงกว่าตอนแรก
“แสดงว่าเขาผิดจริง “
“ชะ ใช่ค่ะ”
“ผิดที่เขาหวังดี เพราะรู้ว่าวันนี้ลูกมีเรียน?”
“คุณพ่อ!” มีอาหน้าเหวอ คิดว่าพ่อจะเข้าข้างตัวเอง แต่ที่ไหนได้กลับไปเข้าข้างบอดี้การ์ดเฉย
ได้ไงก่อน?
“เอาเถอะมีอา ถึงสิ่งที่เขาทำ อาจไม่ถูกใจลูก แต่ที่เขาทำมันดันถูกใจพ่อมาก ดังนั้นพ่อคงไม่ไล่เขาออกด้วยเรื่องนี้”
“คุณพ่อ!”
อยากกระทืบเท้าลงพื้นแล้วลงไปนอนดิ้นเหมือนตอนเป็นเด็ก ทว่าตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ที่ทำได้คือพ่นลมหายใจฮึดฮัด แสดงออกชัดว่าไม่ชอบ ไม่พอใจ
และจากที่ไม่ชอบหน้าบอดี้การ์ดคนนั้น พานทำให้เธอยิ่งไม่ชอบหน้าเขาหนักกว่าเดิม
“นี่คุณพ่อจะให้ท้ายหมอนั่นเกินไปไหมคะ ทำแบบนี้เขาจะไม่ยิ่งได้ใจหรือคะ”
“นั่นสินะ คนเราถ้าให้ท้ายมากจะยิ่งเหลิง ยิ่งได้ใจ และยิ่งเอาแต่ใจ ที่สุดก็จะไม่ค่อยเชื่อฟัง และดื้อรั้น อืม…มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ตัวอย่างก็มีให้ดูให้เห็น ถ้าอย่างนั้นพ่อจะจัดการยังไงดี หรือพ่อควรตัดไฟแต่ต้นลมด้วยการไม่ตามใจอีกต่อไปดีไหม?”
พ่อของเธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย และมีอารู้ดีว่าที่ท่านพูด กำลังหมายถึงเธอกลาย ๆ
“คุณพ่อแอบว่าลูกใช่ไหมคะ” มีอาคว่ำปากงอน “ได้ค่ะ งั้นลูกจะเป็นคนกระชากหน้ากากหมอนั่นออกมาเอง ลูกมั่นใจว่าเขาไม่ได้เป็นคนดีแบบที่คุณพ่อคิด แล้วเมื่อถึงเวลานั้นคุณพ่อก็อย่าลืมไล่เขาออกก็แล้วกัน”
รู้ว่าเถียงไปก็แพ้วันยังค่ำ หญิงสาวเลยสะบัดหน้าหนี ก่อนจะหันหลังแล้วเดินจ้ำไปสองสามก้าวและหยุดชะงัก
“อ้อ ส่วนเรื่องแต่งงาน มีอาก็ยังยืนกรานคำเดิมนะคะว่าไม่แต่ง”
พูดจบหญิงสาวก็เดินกระแทกเท้าออกจากห้องทำงานของพ่อเธอด้วยความไม่พอใจ แต่ถึงแม้จะไม่พอใจมากแค่ไหน ในหัวก็ยังพยายามนึกหาวิธีการที่จะกำจัดบอดี้การ์ดของตัวเอง และปฏิเสธการแต่งงานให้ได้
มันต้องมีวิธีใดวิธีหนึ่งสิน่า
…
และเมื่อนึกถึงคนที่ไม่ชอบ คนที่ไม่ชอบก็โผล่มาให้เห็น เหมือนเป็นการขยี้ความรู้สึกให้ขุ่นมัวมากยิ่งขึ้น
เธอเห็นบอดี้การ์ดที่ชื่ออิล กำลังเดินขึ้นบันไดสวนกับเธอที่กำลังจะลงไปพอดี สองสายตาสบประสานกันครู่หนึ่ง แต่ความรู้สึกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เขาดูเย็นชาและเรียบนิ่งไม่บ่งบอกความรู้สึกใด ๆ ในขณะที่เธอทั้งคุกรุ่นและขุ่นมัว พร้อมประกาศสงครามกับเขาแบบสุด ๆ และเขากลับยิ่งทำให้เธอโมโหหนักขึ้นด้วยการเลือกที่จะเมินต่อสายตาของเธอก่อน ซ้ำยังเดินขึ้นบันไดขั้นต่อไปอย่างไม่สนใจเธอ
มีเหรอคนอย่างมีอาจะยอม เรื่องอะไรจะปล่อยบอดี้การ์ดอย่างเขาเมินใส่เธอซึ่ง ๆ หน้า
มีอากัดฟันกรอดเดินกระแทกเท้าลงบันไดสวนลงไปตั้งใจจะเดินชนคนตัวโตให้รู้แล้วรู้รอด
แต่เธอคงคิดผิด
ในจังหวะที่ทั้งคู่สวนกัน เธอจงใจเดินชนเขา แต่เขากลับเบี่ยงตัวหลบไปอีกทางเป็นเหตุให้ร่างเล็กเซถลาไปด้านหน้าจนเกือบล้ม
“ว้าย!”
หมับ!
มือหนาเข้ารั้งตัวหญิงสาวไว้ได้ในเสี้ยววิ
“ระวังตัวหน่อยสิครับคุณหนู” เสียงทุ้มเอ่ยเข้ม ท่ามกลางความโล่งใจของทั้งคู่
โชคดีที่ไม่ตกบันไดกลิ้งลงไปทั้งสองคน
แต่ที่โชคไม่ดีคือ…
แขนแกร่งของเขากำลังโอบรัดโดนหน้าอกของเธอไป
เต็ม ๆ
“กะ กรี๊ดดดดด ปะ ปล่อยฉันนะ”
หญิงสาวโวยวาย เขาถึงได้สติว่าท่อนแขนกำลังกอดรัดความนิ่มหยุ่นของเธออยู่ แต่เมื่อจะคลายอ้อมแขนออก เธอก็ดันยืนไม่มั่นพานจะล้มไปข้างหน้าอีก อิลเลยต้องกระชับท่อนแขนแกร่งไว้ตามเดิมแล้วพยายามประคองเธอให้ยืนได้คงที่
ทว่าพอปลอดภัยจากการล้มและตั้งหลักได้ มือเรียวก็ยกขึ้นฟาดใบหน้าเขาทันที
เพียะ!
ใบหน้าไม่ได้หันไปตามแรงตบ แค่รู้สึกแสบ ๆ คัน ๆ แต่ไม่มาก อิลใช้ลิ้นดันที่กระพุ้งปาก แต่สายตาคมยังคงมองนิ่งไปที่หญิงสาวตรงหน้า
“ลามปาม! กล้าดียังไงมาแตะต้องตัวฉัน”
“ผมแค่ช่วยไม่ให้คุณหนูตกบันได” เขาตอบกลับเสียงเรียบ
“ก็ช่วยไปสิ แล้วทำไมต้องโดน นะ…”
เธออ้าปากค้างไม่กล้าพูดต่อว่าโดน ‘นม’
ทว่าใบหน้าขาวเริ่มแดงก่ำ แยกไม่ออกว่าตอนนี้กำลังโกรธหรือกำลังอาย แต่เขากลับใช้สายตามองไปที่เนินอก แล้วยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะโน้มตัวไปกระซิบข้างหู
“งั้นเสมอกันนะครับ เมื่อคืนคุณจับโดนของผม วันนี้ผมจับโดนของคุณ งั้นถือว่าเราสองคนหายกัน”