EP 7 | กำจัด
ไม่เคยมีอะไรที่ทำให้มีอารู้สึกขุ่นมัวได้ขนาดนี้ และไม่เคยมีอะไรที่ทำให้คนอย่างมีอารู้สึกแพ้ราบคาบแบบนี้มาก่อน แต่ใด ๆ ตอนนี้เหมือนจะไม่ใช่แค่เธอที่ประกาศสงครามกับเขาฝ่ายเดียว ทว่าดูเหมือนเขาก็ประกาศสงครามกับเธอด้วยเช่นกัน
ก็เอาสิ…ให้มันรู้กันไปเลยว่าใครจะแน่กว่าใคร
เธอจ้องตาเขา เขาก็จ้องตาเธอกลับ ราวกับเกมจ้องตาใครกะพริบตาก่อนคนนั้นแพ้
แต่…
เคยมีทฤษฎีหนึ่งที่บอกว่า ถ้าเราจ้องตากับใครเกิน 8 วินาทีจะทำให้คนเราตกหลุมรักกัน ทว่าสำหรับมีอากับบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่ฟีลแบบนั้น
มันไม่ใช่เป็นการจ้องตากันเพื่อตกหลุมรัก
แต่เป็นการจ้องตากันด้วยความรู้สึกที่อยากขุดหลุมฝังกันไปเลย!
“ฝากไว้ก่อนเถอะ ฉันเอาคืนนายแน่ ๆ”
“แบบไหนครับ หรืออยากจะจับของผมแบบเดิมอีก?”
กวนตีน! เป็นคำที่มีอานึกด่าสวนกลับคนตรงหน้าอยู่ในใจ แต่เธอเลือกที่จะไม่พูดออกมาเพราะ ‘มันหยาบ’ ลูกคุณหนูแบบเธอพูดจาอะไรแบบนี้ไม่ได้
“กวนประสาท! นายกวนประสาทฉันมากเกินไปแล้ว อย่าคิดนะว่าคุณพ่อให้ท้ายนายแล้วนายจะมาทำทะลึ่งกับฉันแบบนี้ได้”
“แต่คุณหนูไม่ใช่เหรอครับ ที่เป็นคนเริ่มก่อน”
คนตรงหน้าเอ่ยเสียงเรียบ ทว่าบนใบหน้าเฉยชาแต่แววตากลับมีความเย้ยหยันซ่อนอยู่
มีอาเม้มริมฝีปากเถียงไม่ออก ใช่ที่ว่าเมื่อคืนเธอเป็นฝ่ายไปขยำไอ้นั่นของเขาก่อน และก็ใช่ที่เธอตั้งใจจะชนเขาจนตัวเองเกือบตกบันได
และถ้าไม่เพราะเขารับเอาไว้ เมื่อครู่เธอก็คงตกบันไดไปแล้ว
“ฉันไม่อยากเสียเวลาคุยกับนายมากกว่านี้ แต่คอยดูก็แล้วกัน ฉันจะทำให้คุณพ่อไล่นายออกให้ได้!” มีอาเอ่ยคาดโทษ ก่อนจะสะบัดหน้าใส่แล้วเดินกระแทกเท้าลงบันได
@มหาวิทยาลัยคานท์
เสียงยางรถลัมโบร์กีนีสีแดงสดเสียดสีกับพื้นคอนกรีต ก่อนจะจอดนิ่งสนิทตรงลานจอดรถวีไอพีของ "Cannes University" มหาวิทยาลัยเอกชนที่ขึ้นชื่อว่าแพงและหรูหราติดอันดับในประเทศ
และทันทีที่รถซูเปอร์คาร์ของมีอาจอดสนิท พนักงานรับรถของทางมหาวิทยาลัยก็ตรงเข้ามาค้อมศีรษะพร้อมกับเปิดประตูรถให้เธอลง
ขาเรียวสวมรองเท้าส้นสูงแบรนด์หรูก้าวออกมาจากรถแตะลงบนพื้นเสียงดัง กึก มีอาก้าวลงจากรถยืนเต็มความสูง แว่นกันแดด Chanel สีดำถูกดึงลงเล็กน้อย เผยให้เห็นดวงตาคู่หวานที่ยังฉายแววหงุดหงิด ทุกสายตาของนักศึกษารอบข้างต่างจ้องมองไปที่เธอพร้อมกับเสียงซุบซิบที่ส่วนใหญ่จะชื่นชมมากกว่านินทา
“โคตรสวย...”
“เหมือนเดินลงมาจากรันเวย์”
“ขนาดหน้าตึงไปนิด แต่ก็ยังเริดอยู่ดี”
“ใครไปทำให้มีอาคนสวยหงุดหงิดแต่เช้าวะ?”
มีอาไม่ได้สนใจเสียงซุบซิบพวกนั้น เพราะวันนี้เธออารมณ์เสียเกินกว่าจะสนใจเรื่องอื่น ใบหน้าหวานเชิดขึ้น สะบัดผมไปด้านหลังเบา ๆ ก่อนจะก้าวขึ้นบันไดหินอ่อนของอาคารเรียนและเดินตรงไปที่ห้องเรียน
และทันทีที่มาถึง
ดวงตาคู่หวานกวาดมองหาเพื่อนสาวคนสนิทอย่างโมนาและมาหยา แต่เธอกลับเห็นเพียงโมนาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่างเพียงลำพัง เห็นดังนั้นร่างเล็กก็เดินตรงไปหาเพื่อนของเธอทันที
“มาหยาล่ะ?” เห็นหน้าก็ถามหาเพื่อนสนิทอีกคนที่ไม่รู้หายหัวไปไหนเพราะสายโด่งป่านนี้ยังไม่เห็น พลางหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่ติดกัน
โมนาปิดหนังสือที่อ่านค้างไว้ ก่อนจะตอบเสียงเรียบ “ไม่มา”
“ทำไมไม่มาอะ?”
“ฉันสิต้องเป็นคนถามว่าทำไม เมื่อคืนเธอสองคนอยู่ด้วยกันไม่ใช่?” โมนาถอนหายใจพลางกอดอกและจ้องหน้ามีอาเอาคำตอบ
“อ่า ก็ใช่อยู่ด้วยกัน”
“แล้ว?”
“ก็ไม่แล้วไง เมื่อคืนนางอกหัก ดื่มหนักไปนิด ฉันตั้งใจจะพานางกลับบ้าน แต่บอดี้การ์ดของนางมาเอาตัวกลับไปก่อน” เธอว่า
“งั้นก็เมาหนัก มาไม่ไหว” โมนาสรุปจบ ก่อนจะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้แล้วบ่น “จะบ้าตาย อกหักเพราะหลงรักบอดี้การ์ดตัวเองเนี่ยนะ ทำไปได้”
พอได้ยินเพื่อนสาวพูดคำว่า ‘บอดี้การ์ด’ เหมือนกระตุกต่อมจี๊ดในสมองของมีอาขึ้นมาอย่างทันทีทันใด
“นี่โมนา!” น้ำเสียงจริงจังบวกท่าทางซีเรียสแบบฉับพลัน ทำให้เพื่อนสาวมองสบตาด้วยท่าทีประหลาดใจ
“อะไร?”
มีอาจ้องมองโมนานิ่ง ก่อนจะขยับตัวโน้มใบหน้าเข้าไปพลางกระซิบเสียงต่ำ
“เธอช่วยฉันคิดแผนกำจัดบอดี้การ์ดหน่อยสิ”
“…ทำไม?” โมนาเลิกคิ้วเล็กน้อย นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววสงสัย
“ไม่ทำไม ฉันไม่ชอบหน้าอีตาบอดี้การ์ดคนใหม่ของฉันอะ แบบแค่เห็นหน้าก็คือไม่ถูกชะตาขึ้นมาเลย”
“ว่าแต่ เธออยากกำจัดเขามากนักเหรอ?”
“อืมสิ อยากมาก”
“งั้นก็ไม่เห็นจะยาก แค่สั่งให้คนไปฆ่าแล้วโยนทิ้งลงทะเล” คนพูดพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าการฆ่าคนเป็นเรื่องธรรมดา
แต่คนฟังอ้าปากค้าง
0_0
“โห พูดจริงปะเนี่ย โหดจัดอะแม่”
โมนาพูดฟังดูง่าย เหมือนแค่เป็นการตบแมลงหวี่แมลงวันแล้วเขี่ยลงถังขยะธรรมดา แต่สำหรับมีอาฟังแล้วจัดเป็น ‘งานยาก’
ฆ่าคนทั้งคนเลยนะ!
“อ้าวก็ถามว่าให้กำจัดยังไง กำจัดสำหรับฉันความหมายก็คือต้องฆ่าทิ้ง เพราะถ้าเป็นฉัน อะไรที่ไม่ชอบหรือรกหูรกตาก็กำจัดทิ้งทั้งหมด” โมนาไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระแถมยังพูดเรื่องฆ่าคนเหมือนเป็นเรื่องเล็ก ๆ ก่อนจะตั้งท่าเปิดหนังสือที่อ่านคาเอาไว้มาอ่านต่อ
และตอนนี้เองมีอาถึงสังเกตปกหนังสือที่โมนาอ่าน มันคือเรื่อง ‘ปริศนาฆาตกรรมอำพราง’
“ค่ะ ยอม ยอมใจ เห็นเรื่องที่อ่านก็พอเข้าใจในคำตอบ ความจริงฉันไม่ควรถามเรื่องนี้กับเธอ เพราะถ้าฉันเกิดทำให้เธอหงุดหงิดขึ้นมา ดีไม่ดีอาจจะสั่งเก็บฉันด้วยก็ได้”
“อืม คิดอยู่”
“ฮะ!” มีอาหน้าเหวอ ในขณะที่โมนาหัวเราะขำออกมาเบา ๆ
“หึ จะบ้าเหรอ ใครจะไปฆ่าเธอได้ สวยขนาดนี้เก็บไว้ดูเล่นให้เจริญหูเจริญตาดีกว่า” มือเรียวเอื้อมไปหยิกแก้มมีอาหนึ่งกรุบแล้วยิ้มให้ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ ทิ้งให้คนโดนหยิกแก้มเบ้หน้าเพราะรู้สึกเจ็บจริง ๆ
“มือหนัก”
“ไม่แปลกฉันซ้อมยิงปืนบ่อย” โมนาตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้น มือเรียวยังคงเปิดอ่านหนังสือในมืออยู่อย่างแทบจะไม่สนใจสิ่งรอบตัว เห็นเธอตัวเล็กดูบอบบางแบบนี้ แต่ความจริงแล้วเธอเก่งเรื่องการต่อสู้ทุกชนิด ทั้งยิงปืน ยิงธนู ฟันดาบ รวมไปถึงยูโดสายดำ โมนาผ่านการฝึกมาแล้วตั้งแต่เด็กทั้งหมด แต่ก็ไม่แปลกเพราะตระกูลสิงหาวัฒนชัยของโมนาเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลพอสมควร
ผิดกับมาหยา ขานั้นดูอ่อนหวาน บอบบางและเรียบร้อย ราวกับหลุดมาจากนางในวรรณคดีประมาณนั้น
ส่วนมีอา เธอไม่เก่งเรื่องต่อสู้ ไม่เก่งเรื่องการใช้สมอง ไม่เก่งอะไรทั้งนั้น เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเก่งเรื่องอะไร
แต่ถ้าให้นึก ๆ ดู ที่จะเก่งก็คงใช้เงินเก่ง เที่ยวเก่ง แล้วก็
ช็อปปิงเก่ง ส่วนความชอบ คือชอบดูหนังฟังเพลง ชอบเพนต์เล็บ ชอบแต่งตัว แล้วก็ชอบสุด ๆ คือการถ่ายรูปท้องฟ้า
โอ๊ะ!!! นึกถึงท้องฟ้า เหมือนเธอจะลืมอะไรไปสักอย่าง