EP 8 | คำแนะนำของเพื่อนสนิท

1420 Words
EP 8 | คำแนะนำของเพื่อนสนิท ใช่ เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า เมื่อคืนเธอบอกกับหนุ่มในไอจีว่าจะถ่ายรูปพระอาทิตย์ตอนเช้าส่งไปให้ ทว่าเพราะเมื่อเช้ามัวแต่อารมณ์เสียเรื่องอีตาบอดี้การ์ดของเธอมากไปหน่อย จนทำให้เกือบลืมเรื่องดี ๆ ที่อยากทำ ว่าแล้วมือเรียวก็หยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมากดเพื่อดูไอจีของผู้ชายที่ชื่อ ‘L’ ‘Morning ครับ’ ข้อความใต้ภาพท้องฟ้าสีชมพูระเรื่อ ทำมีอายิ้มออก เขาโพสต์สาธารณะไม่ได้บอกว่ามอร์นิ่งกับใครเป็นพิเศษ แต่เธอกลับคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขามอร์นิ่งเธอ นิ้วเรียวกดช่อง DM หาเขาคนนั้นทันที เห็นเขาออนอยู่ แอบคาดหวังเล็ก ๆ ว่าเขาจะตอบเลย…แต่กลับไม่ ใบหน้าหวานง้ำลงแอบหงุดหงิดเล็กน้อย นับถึงยี่สิบวิก็แล้ว อีกฝ่ายยังนิ่งอยู่ รู้สึกเหมือนโดนอีกฝ่ายเมินใส่ยังไงก็ไม่รู้ “อาการหนัก” โมนามองอาการเพื่อนสาว ถอนหายใจพลางปิดหนังสือลง เห็นมีอาก้มมองข้อความในมือถือแล้วทำหน้าเศร้า ก่อนคนที่ถูกจ้องจะรู้สึกตัว เงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนสาวกลับ “อาการหนัก? อะไร? ใคร? อาการหนัก?” คนโดนว่าทำหน้าเหลอหลา ไม่รู้ตัวเองว่าที่โมนาพูดหมายถึงใคร “เธอหมายถึงใคร? มาหยาเหรอ? อ๋อที่วันนี้นางไม่มาเรียนเพราะนางไม่สบายเหรอ?” ถามรัวเป็นชุดพลางจ้องเพื่อนตาแป๋ว โมนามองเอือมพลางถอนหายใจใส่อีกรอบ “ไม่ได้หมายถึงมาหยา แต่ฉันหมายถึงเธอ” “ฉัน?” นิ้วเรียวชี้มาที่ตัวเองพลางทำสีหน้างงงวย “เออสิ อะไรของเธอก็ไม่รู้ตั้งแต่เช้า ดูนะตั้งแต่มาไม่ถึงสิบห้านาที รู้ไหมเธอทำหน้าหลายโหมดมาก เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวหน้างอ เปลี่ยนหน้าตัวเองเป็นกดริโมตฯ เลย” “อ่า ก็…” “โน่น อาจารย์มาแล้วหันไปเตรียมตัวเรียนเถอะ เดี๋ยวก็โดนอาจารย์บ่น” ไม่ทันจะเอ่ยปากอธิบายอะไรกับโมนา แต่กลับโดนขัดจังหวะเพราะอาจารย์เข้ามาสอนพอดี ทำให้ทั้งคู่ต้องหยุดบทสนทนาแล้วหันกลับไปเตรียมตัวฟังที่อาจารย์กำลังจะเริ่มสอน … ตลอดที่เริ่มเรียนจนกระทั่งจบคลาส ไม่มีทั้งข้อความตอบกลับมาจากไอจีของชายคนนั้น รวมถึงไม่มีข้อความจาก มาหยาที่หยุดเรียนไปแบบไม่บอกไม่กล่าว ทว่าที่ทั้งมีอาและโมนายังไม่ได้แสดงออกว่าห่วงอะไรเพื่อนมากนัก เพราะรู้ดีว่าเมื่อคืนเพื่อนของพวกเธอเมามาก แต่ในเมื่อบอดี้การ์ดจากที่บ้านของมาหยามารับกลับไป ดังนั้นก็น่าจะปลอดภัยระดับหนึ่ง “เชื่อเลย หายหัวเป็นจริงเป็นจัง” มีอามองหน้าจอสมาร์ตโฟนที่ว่างเปล่าพลางบ่นพึมพำอย่างเซ็ง ๆ “ยัยมาหยายังหายไม่ถึง 24 ชั่วโมง จะเวอร์ไปไหนไม่ทราบ” โมนาพูดพลางรวบหนังสือในมือไว้ที่อก ก่อนจะยืนขึ้นเพื่อเตรียมตัวพากันไปเบรกหลังจบภาควิชาที่ผ่านมา “โอ๊ย รู้ย่ะ ฉันหมายถึงหนุ่มค่ะที่หายหัว ไม่ได้หมายถึงยัยมาหยาสักกะหน่อย ขานั้นปล่อยให้นอนแฮ้งไปเถอะค่ะ จะดื่มอะไรเบอร์นั้นไม่รู้ ดื่มไวน์ยังกับซดน้ำเปล่า” มีอาตอบพลางเก็บสมาร์ตโฟนลงกระเป๋า พลางลุกขึ้นตามโมนาที่ยืนรอเธออยู่ตรงหน้า “หนุ่ม? หนุ่มคนไหนอีก” “คนคุยล่าสุด” มีอายักไหล่ ทำหน้าเหมือนขิงเพื่อนเบา ๆ แต่อีกฝ่ายเฉยชามากเหมือนไม่ได้ใส่ใจเลยด้วยซ้ำ “เหรอ? แล้วไปเจอที่ไหนมา หล่อหรือไงถึงได้ทำตาวิบวับเป็นประกายขนาดนี้?” พอเจอคำถามว่าหล่อไหม มีอาถึงกับหุบยิ้มในทันที “เอ่อ ไม่รู้หล่อหรือเปล่า ยังไม่เคยเห็นหน้า” “เหอะ” โมนาหัวเราะในลำคอ พลางกลอกตา มองบนด้วยความเอือม “แต่เมื่อวาน ฉันได้คุยกับเขาทางไอจีแล้วรู้สึกถูกชะตา” “ระวังเถอะ คุยซี้ซั้วจะเป็นพวกสแกมเมอร์ อ่านข่าวบ้างปะ มิจฉาชีพสมัยนี้โคตรน่ากลัว” มีอายิ้มแห้ง แต่มันก็จริงคนสมัยนี้โคตรน่ากลัวจริง แต่ถึงแบบนั้นเซนส์ที่มีบอกว่าเขาคงเป็นคนดีแน่ ๆ “ขอบคุณสำหรับคำอวยพร แต่ช่วยให้กำลังใจฉันนี้ดสิ นิดนึงก็ยังดี” “เคค่ะ” เห็นหน้าอ้อนเป็นลูกแมวของมีอา โมนาได้แต่กลอกตามองบนพลางถอนหายใจ “งั้นก็ขออวยพรให้เขาเป็นเนื้อคู่เธอเลยก็แล้วกัน” “งุ้ยน่ารัก พูดจาน่าหอมหัว” มีอายื่นหน้าไปทำท่าจุ๊บใส่ แต่โดนโมนาใช้นิ้วจิ้มหน้าผากผลักออก “เวอร์” “เวอร์ตรงไหนมิทราบออกจะน่ารัก” “ว่าแต่แล้วไง? ไปเจอกันอะไร ที่ไหน ยังไง” ปกติโมนาไม่ใช่คนถามอะไรซอกแซกเรื่องชาวบ้านแบบนี้ แต่พอเห็นแววตาเป็นประกายวิบวับของมีอาเหมือนอยากเล่าเต็มประดา เธอเลยแกล้งถามเพื่อสนองนี้ดนางสักหน่อย แล้วพอเอ่ยปากถาม อีกฝ่ายก็รีบเล่าเหมือนกับกลัวใครจะแย่งพูด “คืองี้~ เมื่อวานพ่อฉันบอกจะให้ฉันแต่งงานกับลูกชายของเพื่อนพ่อ แล้วฉันก็หงุดหงิดม้ากกกกกกกกก” “แต่งงาน?” “เออแต่งงาน แต่ช่างมันเถอะข้ามเรื่องนี้ไปเลย เพราะยังไงฉันก็ไม่แต่ง เลยไม่อยากใส่ใจเรื่องนี้” “ไม่ใส่ใจ แล้วจะพูดถึงเพื่อ…?” “เพื่อให้ได้อรรถรสในการเล่าค่ะ” มีอาฉีกยิ้มก่อนตั้งใจเล่าต่อ “พอฉันงอนคุณพ่อแล้วขับรถออกมาจากบ้าน ทีนี้ระหว่างทางขับรถจะไปหายัยมาหยาที่ผับ รถมันติดมากกกก ก็เลยถ่ายรูปท้องฟ้าอัปลงไอจีเล่น พอไถไอจีเล่นอยู่ดี ๆ ดันเจอผู้ชายชอบถ่ายรูปท้องฟ้าเหมือนกันเลย” คนเล่าตั้งหน้าตั้งตาเล่าเป็นจริงเป็นจัง คนฟังเอือมนิดหน่อยที่ก็ยอมทนฟังเพื่อนเล่าต่อ “ขอเนื้อ ๆ ไม่เอาน้ำค่ะคุณนาย” “ก็นี่ไงกำลังจะเข้าเรื่อง อย่าขัดสิ” มีอาค้อนหนึ่งกรุบก่อนจะเริ่มเล่าต่อ “คืองี้ ที่พิเศษคืออะไรรู้ปะ รูปถ่ายของเขาเหมือนจะถ่ายจากท้องฟ้าบนถนนเดียวกันกับฉัน ไวป์คือดีมาก และพอฉัน Follow เขา เขาก็ Follow กลับ แล้วเราก็เลยได้ DM คุยกัน แกรรรรร จะเครซี่ แบบนี้เรียกโซลเมตได้ปะ แบบบังเอิญ โลกกลม พรหมลิขิตอะไรแบบนี้” “มั้ง” กลอกตามองบนรอบที่สิบแต่ก็ยังฟังอยู่ “ค่ะขอบคุณที่ตอบ ฉันเล่ายาวมากแกตอบมาแค่มั้ง” “อะแล้วไงต่อ” “ก็ไม่ยังไงต่อ ฉันคุยกับเขาแล้วถูกคอ เหมือนเราเคยคุยกันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว” “เวอร์อีกละ” “รอบนี้ไม่เวอร์ค่ะ เพราะคนที่ชอบอะไรเหมือนกันก็คือคนที่มีรสนิยมเดียวกัน เทสต์เดียวกัน ดังนั้นก็แสดงว่าศีลเสมอกัน ดีไม่ดีอาจจะเป็นเนื้อคู่ที่ตามหากันมาเนิ่นนาน” มีอาเล่าเป็นตุเป็นตะ คิดเองเออเองพร้อมสรุปจบ แต่ก็โดนอีกฝ่ายเบรกตลอดเช่นกัน “อืม ฟังดูเพ้อเจ้อดี” “ค่าาา…” ค้อนไปหนึ่งกรุบแต่ก็ยังอยากจะเล่าต่อ “แต่ก็นั่นแหละ สรุปว่าฉัน Happy ที่จะได้คุยกับผู้ชายคนนั้น แต่จะดีมากถ้าไม่มีเรื่องอีตาบอดี้การ์ดคนใหม่ของพ่อมาทำให้ฉันหงุดหงิดจนอยากจะไล่ออก” “งั้นเธอก็ลองปรึกษาเขาดูสิ ว่าจะจัดการบอดี้การ์ดของเธอยังไง เขาเป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ บางทีเขาอาจให้คำแนะนำเรื่องอะไรพวกนี้ดีกว่าฉัน” มีอาดีดนิ้วเปาะ “เออจริงด้วย เป็นความคิดที่ดี” เธอยิ้มกริ่มออกมาอย่างมีความหวัง ใช่แบบนี้แหละ ในเมื่ออยากรู้เรื่องการกำจัดบอดี้การ์ดที่เป็นผู้ชาย ก็ต้องหาวิธีแบบผู้ชาย ๆ ไปจัดการ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD