EP 9 | แมวป่าเดียวดาย
หลังเลิกเรียน
มาหยาหายหัวทั้งวันจนทำให้หงุดหงิด แชตไม่อ่าน ไลน์ไม่ตอบ DM ทุกช่องทางก็ดูว่างเปล่าเหมือนจะปล่อยให้แชตของมีอาหนักขวาอยู่ฝ่ายเดียว นี่ถ้าเพื่อนสาวยังหายหัวครบ 24 ชม. มีอาว่าจะตามบุกไปถึงบ้านให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
ส่วนหนุ่มที่เพิ่งจะคุยด้วยทางไอจีก็ดันพร้อมใจกันหายไปอีก ไม่มีอะไรได้ดังใจสักอย่าง
และความหวังสุดท้ายก็คือโมนา
“เลิกเรียนแล้ว เราไปช็อปปิงกันเถอะ” เสียงหวานหันไปอ้อนเพื่อนสาวดวงตาเป็นประกาย
“ไม่อะ จะกลับไปอ่านนิยายต่อ” แต่กลับถูกดับฝันด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่เอ่ยปฏิเสธ ดูเหมือนว่าหนังสือนิยายสืบสวนฆาตกรรมในมือของโมนาจะมีค่ามากกว่ากระเป๋าแบรนด์เนมที่มีอาอยากจะได้เสียอีก
“โหย อะไรอะ เพื่อนอีกคนก็หายหัว ส่วนเพื่อนอีกคนก็ทำตัวเหินห่าง นี่ฉันกำลังจะโดนทิ้งให้เป็นแมวป่าเดียวดายเหรอเนี่ย”
“เคยได้ยินแต่หมาป่าเดียวดาย มาแมวปงแมวป่าอะไร?”
“ก็ฉันไงนางแมวป่าเดียวดาย ผู้น่ารัก” มีอายิ้มพลางเอามือจิ้มแก้มป่องแล้วทำตาแบ๊วเหมือนลูกแมว ส่วนโมนาได้แต่มองหน้าเพื่อนพร้อมกับถอนหายใจแล้วมองบน
“จ้ะ นังแมวป่า แต่ฉันว่าเธอควรหาทำอะไรให้มีประโยชน์บ้างก็ดีนะ ช็อปปิงทุกวันจนสมองจะกลวงหมดแล้ว ไร้สาระจริง ๆ”
“ช็อปปิงไม่ใช่เรื่องไร้สาระค่ะ ต้องใช้สมองเพื่อประมวลผลทางความคิดด้วย ว่ากระเป๋าใบนี้จะแมตช์กับชุดสีอะไร รองเท้าอะไร และใส่วันไหน”
“ค่า เอาที่หล่อนสบายใจ”
“ว่าแต่ เธอจะไม่ไปกับฉันจริงดิ งั้นถ้าฉันไปคนเดียวแล้วเจอผู้ชายหล่อ ๆ ฉันจะไม่จีบเผื่อด้วยนะเออ”
“จ้ะ เชิญเถอะจ้ะ ยังไงฉันก็ไม่ไป ขี้เกียจ” ปฏิเสธอีกรอบอย่างไร้เยื่อใย พลางเดินแยกไปขึ้นรถหรูอีกคันที่มีคนขับรถจอดรออยู่ ทิ้งมีอาให้ยืนหน้าง้ำ รู้สึกเหมือนใคร ๆ ก็ไม่รัก ก่อนที่หญิงสาวจะเดินไปขึ้นรถของตัวเองที่มีพนักงานรับรถของมหาวิทยาลัยเตรียมเปิดประตูรถให้
คล้อยหลังที่ลัมโบร์กีนีสีแดงสดของมีอาเคลื่อนตัวออกรถไปยังท้องถนน ด้านหลังมีรถ BMW สีดำ ซึ่งเป็นของบอดี้การ์ดของเธอขับตามหลังมาอีกสี่คัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับมีอาเพราะปกติไม่ว่าเธอจะไปไหนมาไหนจะมีบอดี้การ์ดคอยติดตามอยู่เสมอ
ส่วนที่มหาวิทยาลัย เธอเองก็ไม่รู้ว่าระหว่างวันบอดี้การ์ดของเธอพากันไปจอดรถแอบอยู่ตรงไหน เธอไม่ได้ใส่ใจอะไรขนาดนั้น รู้แต่ระยะหลัง ๆ พ่อของเธอมักจะให้บอดี้การ์ดคอยติดตาม และเหมือนว่าจะเพิ่มคนคุ้มกันเธอมากขึ้น
ไม่รู้เหตุผลว่าทำไม
รู้แต่เธอไม่ชอบ เพราะมันทั้งอึดอัดและไม่เป็นอิสระ ถ้าพ่อของเธอจะให้พวกเขาติดตามก็ช่วยอยู่ห่าง ๆ ไม่ต้องเสนอหน้ามาให้เห็นถ้าไม่จำเป็น
ที่ห้างสรรพสินค้า
มีอาเดินเลือกช็อปปิงอย่างสบายอารมณ์ หลังจากที่เธอหงุดหงิดมาทั้งวัน แต่ก็นะ เงินเท่านั้นที่สามารถปลดเปลื้องได้ทุกสิ่งแม้กระทั่งอารมณ์ที่ขุ่นมัว
ชีวิตของลูกคุณหนูที่แสนจะธรรมดาสำหรับเธอแต่ไม่เคยธรรมดาสำหรับคนทั่วไป ใช้เงินเป็นน้ำราวกับที่บ้านผลิตแบงก์เองได้ ไหนจะกิน เที่ยว ปาร์ตี้ รวมถึงช็อปปิงไม่ได้ขาด กระเป๋าเปลี่ยนวันละใบ รองเท้าเปลี่ยนวันละคู่ เพราะไม่ชอบอะไรซ้ำ ซาก
ที่จะขาดก็เห็นจะมีแต่แฟน เพราะอายุจน 21 เข้า 22 ปีในปีนี้ เธอยังไม่เคยคบกับใครเป็นตัวเป็นตนสักคน
ถามว่ามีคนคุยไหมก็พอมี เห็นผู้ชายหล่อ ๆ ถามว่าเธอชอบไหมเธอก็ชอบ แต่ชอบที่ได้เต๊าะใส่คนอื่นแค่พอสนุก ๆ กระทั่งอีกฝ่ายคิดเป็นจริงเป็นจังตามตื๊อกลับ เธอกลับรีบปฏิเสธ สร้างกำแพงพร้อมกับตัดสัมพันธ์ในทันที
แต่ก็ไม่แน่ ถ้าวันใดวันหนึ่งมีคนมาทำให้เธอชอบ ต่อให้กำแพงในใจของเธอจะแข็งแกร่งสูงชันปานกำแพงเมืองจีนมากแค่ไหน ถ้าเธอมีใจเธอก็พร้อมเสิร์ฟ ชีจะเป็นฝ่ายปีนกำแพงข้ามไปหาผู้ชายคนนั้นเอง
ส่วนในตอนนี้ขอเธอช็อปปิงให้สบายอารมณ์ก่อน
“เอาใบนี้ ใบนี้ และก็ใบนี้” นิ้วเรียวชี้ไปที่กระเป๋าคอลเลกชันใหม่แบรนด์ดังหลายใบ “อ้อ แล้วก็ใบนี้อีกใบค่ะ” ใบหน้าหวานหันไปยิ้มให้พนักงานที่แทบอยากจะคลานเข่ามาหา เพราะรู้ดีว่าถ้ามีอามาใช้บริการพวกเธอต้องได้ค่าคอมฯ มากมายมากแค่ไหน
ใช้เวลาไม่กี่สิบนาทีบัตรแบล็กการ์ดถูกรูดจ่ายออกไปนับแสน เธอหยิบกระจายไม่ต่างกับคนทั่วไปเวลาที่เข้าร้านซื้อของทุกอย่าง 20 บาท แต่กับมีอาก็ไม่ได้ต่างกัน เธอชี้นิ้วเหมือนซื้อของราคาถูกแบบไม่ต้องเช็กราคา
พนักงานกุลีกุจอเอากระเป๋าใส่ถุงแบรนด์ เตรียมนำไปส่งที่รถให้ แต่มีอายังอยากจะช็อปปิงต่ออีกนิด
“ไม่เป็นไรค่ะ ของแค่นี้เอง ไม่ต้องให้คนไปส่งที่รถก็ได้ค่ะ เดี๋ยวมีอาให้คนมารับเอง”
เธอยิ้มหวานให้พนักงาน ก่อนจะส่งสัญญาณเรียกบอดี้การ์ดที่อยู่ไม่ไกลด้วยการยกนิ้วชี้ขึ้นมาเล็กน้อย เพียงเท่านั้นบอดี้การ์ดของเธอที่รู้หน้าที่ก็เดินเข้ามาภายในร้านในทันที จังหวะที่ร่างบางเตรียมหันหลังกลับเพื่อจะเดินออกจากร้าน พลันสายตาคู่หวานสะดุดเข้ากับบอดี้การ์ดของเธอที่กำลังเดินเข้ามาภายในร้านจนมาถึงจุดที่เธอยืนอยู่
ขาเรียวหยุดชะงัก กึก ใบหน้าหวานฉาบรอยยิ้มเมื่อครู่ ดึงสีหน้าไม่พอใจทันที
“ทำไมเป็นนาย!”
“…”
“ลุงยุทธไปไหน”
เห็นหน้าบอดี้การ์ดคนใหม่อย่างอิล อารมณ์ขุ่นมัวที่เพิ่งจะลดมาเกือบครึ่งก็พุ่งทะยานกลับมาอีก
เขาน้อมศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าสบตาแล้วมองตรงผ่านใบหน้าหวานของเธอไป
“คุณยุทธย้ายไปดูแลคุณท่าน ส่วนผมคุณท่านเพิ่งมีคำสั่งให้ผมมาเป็นบอดี้การ์ดประจำตัวคุณหนูครับ” เขาดูพูดจาเป็นทางการ ผิดกับตอนปากดีใส่เธอเมื่อเช้าลิบลับ
ดูเอาเถอะ เมื่อเช้าเธอเพิ่งจะขอให้คุณพ่อไล่เขาออก นอกจากจะไม่ไล่ออกยังสั่งให้เขามาทำหน้าที่ตามประกบเธอซะอย่างงั้น
“เหอะ!” หญิงสาวเบะปากใส่พลางถอนหายใจหงุดหงิด
“มาเป็นบอดี้การ์ดให้ฉัน ทั้งที่ฉันไม่ชอบขี้หน้านายมาก ๆ เนี่ยนะ” เธอก้าวไปยืนตรงหน้าของเขาพร้อมกับเอามือจิ้มหน้าอก
“คอยดูเถอะ ฉันจะทำให้คุณพ่อไล่นายออกให้ได้”
“ครับ” คำตอบสั้น ๆ แต่ฟังดูคล้ายกับคำว่า ‘แล้วไง’ เหมือนไม่ได้ใส่ใจต่อคำขู่ ซ้ำดวงตาคู่คมของเขายังมองผ่านใบหน้าสวย ๆ ของเธอราวกับเป็นอากาศธาตุ ซึ่งไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับเธอมาก่อน
“ไม่เคยมีใครพูดกับฉันแล้วไม่มองหน้า”
“ครับ” ดวงตาคู่คมตวัดมองกลับมาที่ดวงตาคู่หวาน ซึ่งฉายแววดื้อรั้นที่จ้องหน้าเขาอยู่
สองสายตาสบกันนิ่ง…
นิ่งจนมีอาเองรู้สึกอึดอัด…
หากไม่ใช่เพราะดวงตาคมสีวอลนัตของผู้ชายคนตรงหน้าที่รับกับใบหน้าหล่อเหลาและดูดีเอามาก ๆ เธอก็คงไม่รู้สึกอะไร แต่ดวงตาของเขามันมีพลังบางอย่างที่เธอเองก็บอกไม่ถูก และตอบไม่ได้ว่าคืออะไร
ใช่ที่ว่าเธอไม่ชอบขี้หน้าเขา
ไม่ชอบนิสัยเขา
แต่ก็ยอมรับว่าเขาดันหล่อมาก
ที่สุด…มีอากลับเป็นฝ่ายหลบตาอีกฝ่ายก่อน ก่อนจะเชิดใบหน้าขึ้น
“งั้นนายเตรียมตัวรับกรรมให้ดีก็แล้วกัน!”
ในเมื่อคุณพ่อไม่ไล่ออก ก็ได้ งั้นเธอก็จะทำให้เขาทนไม่ไหวและลาออกเอง แต่อย่างไรเธอจะเอาความหงุดหงิดโมโหทั้งหมดทั้งมวลที่เจอในวันนี้ไปลงที่เขาให้หมด