ตอนที่ 4 ปวดหลัง

1122 Words
ตกดึก ไอร่าพลิกตัวไปมาอย่างกระสับกระส่าย ไอร่านอนหันซ้ายหันขวาอยู่บนเตียงที่แข็งกระด้าง ความรู้สึกปวดหลังเริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อย จนเธออดไม่ได้ที่จะคิดถึงเตียงนุ่มๆ ในห้องนอนหรูของเธอเอง ที่ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน เพียงแค่ทิ้งตัวลงก็สามารถหลับสนิทได้ทันที แต่นี่กลับเป็นห้องของภาคิน มีเตียงที่แข็งและไม่มีแม้แต่แอร์ มีเพียงพัดลมเก่าๆ ตัวหนึ่งที่หมุนช้าๆ ด้วยเสียงครางเบาๆ เหมือนจะหยุดหมุนตลอดเวลา ความร้อนที่แผ่ซ่านในห้องทำให้ไอร่ารู้สึกไม่สบายตัวเลยแม้แต่น้อย เพราะไอร่าเธอไม่เคยต้องนอนท่ามกลางสภาพแวดล้อมแบบนี้มาก่อน ไอร่าเงยหน้ามองเพดาน พยายามข่มตาหลับ แต่กลับรู้สึกเหมือนทุกอย่างรอบตัวทำให้เธออึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงพัดลมที่ดังเบาๆ กลับทำให้เธอยิ่งหงุดหงิด “นี่มันบ้าไปแล้ว!” ไอร่าสบถออกมา และไม่เข้าใจเลยว่าภาคินใช้ชีวิตแบบนี้ไปได้ยังไง ไอร่าพลิกตัวอีกครั้ง ความรู้สึกเหนื่อยล้าเริ่มเข้ามาจู่โจม แต่ความปวดหลังและความร้อนก็ยังทำให้เธอไม่สามารถหลับลงได้ง่ายๆ สุดท้ายไอร่าก็ได้แต่นอนอยู่บนเตียงที่ไม่สบาย และพยายามทนกับสภาพที่ไม่คุ้นเคยนี้ต่อไป ส่วนข้างนอกห้อง ภาคินนอนบนโซฟาเก่าๆ เขาหลับไปแล้วท่ามกลางเสียงฝนที่ยังคงตกอยู่เบาๆ ขณะที่ไอร่าไม่อาจปิดตาเพื่อหลับตาสนิทได้ เช้าวันต่อมา ไอร่าตื่นนอนด้วยความปวดหลังจากการนอนบนเตียงที่ไม่สบายนัก เธอขยับตัวลุกขึ้นอย่างอิดโรย ก่อนจะเดินลงมาชั้นล่างด้วยท่าทีไม่ค่อยพอใจ ขณะที่ไอร่าลงมาก็เห็นภาคินกำลังทำอาหารเช้าให้ยายกอบัวอย่างขะมักเขม้น ภาคินยืนอยู่หน้าเตาแก๊สเล็กๆ ในครัวที่เรียบง่าย แต่ทุกอย่างก็ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ไอร่าไม่สนใจบรรยากาศอบอุ่นรอบตัว เธอยังคงคิดถึงเรื่องรถของเธอ จึงเอ่ยถามออกมาทันทีด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด "รถฉันถึงไหนแล้ว?" ภาคินหันมามองเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งตามปกติของเขา "มีคนไปรับเข้าอู่แล้วเมื่อเช้า ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวก็ซ่อมเสร็จ" คำตอบของภาคินไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ของ ไอร่าดีขึ้น ไอร่าก็ยังรู้สึกไม่พอใจกับทุกอย่างรอบตัว ตั้งแต่ที่พักที่เธอไม่คุ้นเคย ไปจนถึงการต้องติดอยู่ที่นี่กับคนที่เธอแทบไม่รู้จัก แถมยังไม่มีใครเอาใจเธอเหมือนที่เธอเคยชิน "ซ่อมเสร็จเมื่อไหร่?" ไอร่าเอ่ยถามต่อด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยเป็นมิตร "เร็วสุดก็บ่าย แต่ก็ต้องดูอีกที" ภาคินตอบอย่างใจเย็น ขณะที่เขากำลังจัดจานอาหารให้ยายกอบัว ไอร่าจึงได้แต่นั่งลงอย่างหงุดหงิด รู้สึกว่าทุกอย่างรอบตัวไม่เป็นไปตามที่เธอคาดหวัง เมื่อถึงช่วงบ่าย เสียงโทรศัพท์ของภาคินดังขึ้นพร้อมกับการแจ้งข่าวดีจากอู่ซ่อมรถ “รถเสร็จแล้ว อยู่ด้านนอก” ภาคินเอ่ยบอก ไอร่าที่นั่งอยู่บนโซฟาเล่นโทรศัพท์ สีหน้าเธอดูหงุดหงิดตั้งแต่เช้า ไอร่าเงยหน้าขึ้นมองภาคินด้วยสายตาที่เริ่มเป็นประกาย “จริงหรอ” ไอร่าเอ่ยอย่างตื่นเต้น เมื่อได้ยินแบบนั้น เธอก็รีบลุกจากที่นั่งและก้าวไปทางประตูอย่างรวดเร็ว โดยไม่รอช้า ก่อนที่จะเดินออกจากบ้าน ไอร่าก็หยุดตรงหน้าประตูชั่วครู่ และควักเงินออกมาจากกระเป๋า เธอวางแบงค์พันห้าใบลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็วโดยไม่หันไปมองภาคิน “สำหรับค่าเสียเวลาของนาย” ไอร่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะก้าวออกจากบ้านไปโดยไม่ได้พูดคำขอบคุณหรือคำลาใดๆ ภาคินมองแบงค์ที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ เขายังคงนิ่งเงียบเหมือนเดิม ขณะที่ยายกอบัวมองหลานชายของเธอด้วยความเข้าใจ ยายกอบัวรู้ว่าภาคินไม่ได้ต้องการเงิน แต่บางอย่างในตัวเขาก็ทำให้เขาเลือกที่จะไม่ตอบโต้อะไร ภาคินมองเงินที่ไอร่าวางทิ้งไว้บนโต๊ะครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจเบาๆ เขาเดินไปหยิบแบงค์พันห้าใบนั้นขึ้นมาและเดินไปหายายกอบัวที่นั่งอยู่ไม่ไกลนัก "ยาย เอาเงินนี่ไว้เถอะ" ภาคินยื่นเงินให้ยายกอบัว ยายกอบัวมองเงินในมือของภาคินแล้วส่ายหน้าเบาๆ “ภาคิน เอ็งเอาไว้เถอะ ยายไม่ต้องการหรอก เงินแบบนี้ยายไม่ได้อยากได้ ยายอยากให้เอ็งมีความสุขและไม่ลำบากมากกว่า” "งั้นเก็บไว้ที่นายก่อนนะ" ภาคินเอ่ยพร้อมส่งยิ้มให้ยายกอบัว ยายกอบัวยิ้มอ่อนๆ ก่อนจะรับเงินจากภาคินไปอย่างไม่เต็มใจนัก “เอ็งทำถูกแล้วล่ะ ที่ไม่ไปทะเลาะกับใคร เข้มแข็งไว้” ยายกอบัวเอ่ยขึ้นเบาๆ ภาคินพยักหน้า แม้ว่าภาคินจะเป็นนักเลงที่มักใช้กำลังจัดการปัญหา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ายายกอบัว เขาก็เป็นเพียงหลานชายที่เธอคอยดูแลและสั่งสอนมาตลอด ความอบอุ่นของยายกอบัวทำให้ภาคินรู้ว่าไม่ใช่ทุกปัญหาจะต้องแก้ด้วยความรุนแรงเสมอไป หลังจากที่ภาคินไปส่งยายกอบัวที่ตลาดเสร็จเรียบร้อย ภาคินก็รีบมุ่งหน้าไปยังโกดังร้างที่เขาและพวกเพื่อนๆ มักใช้เป็นที่รวมตัวกัน ที่นั่นเป็นเหมือนพื้นที่ส่วนตัวของพวกเขา สถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำและเรื่องราวต่างๆ เมื่อภาคินเดินเข้ามา "คิวเท" ก็รีบเอ่ยถามทันที "ยายเป็นไงบ้างวะ?" สีหน้าของคิวเทเต็มไปด้วยความห่วงใย "ยายไม่ได้เป็นไร แค่ของเสียหาย" ภาคินเอ่ยรอบเสียงนิ่งและหยิบบุหรี่ออกมาและจุดสูบเพื่อคลายความเครียด ความนิ่งและเงียบของภาคินเป็นสิ่งที่เพื่อนๆ คุ้นเคยดี "น้ำเหนือ" ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ มองภาคินก่อนจะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ "มึงพาสาวที่ไหนไปนอนบ้านวะ?" น้ำเหนือถามด้วยน้ำเสียงเฟรนลี่ตามประสาคนสนิท ภาคินไม่ได้ตอบคำถามของน้ำเหนือ เขายังคงสูบบุหรี่อย่างเงียบๆ ปล่อยควันลอยออกมาช้าๆ เป็นการระบายความกดดันที่สุมอยู่ในใจ เพื่อนๆ รู้ดีว่าภาคินมักไม่พูดอะไรมากนักเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว การไม่ตอบกลับก็เป็นสัญญาณว่าเขาไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD