เมื่อถึงวันที่ไอร่าต้องไปทานอาหารตามที่
ศิรวัฒน์จัดไว้ ไอร่าเดินเข้ามาในร้านอาหารหรูหราที่เต็มไปด้วยความเงียบงามและบรรยากาศที่หรูหรา แต่ในใจของไอร่ากลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แววตาของไอร่าสะท้อนความไม่เต็มใจอย่างชัดเจน แม้จะต้องฝืนยิ้มตามมารยาทแต่ลึกๆแล้ว ไอร่ารู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากและไม่อยากมาอยู่ในสถานการณ์ที่ศีรวัฒน์บีบบังคับให้ไอร่าทำตามใจเขาเช่นนี้
ไอร่าเหลือบตามองศิรวัฒน์ที่เดินนำหน้าไปอย่างเฉยเมย ราวกับไม่ได้สนใจความรู้สึกของลูกสาวเลยแม้แต่น้อย ศิรวัฒน์เดินตรงไปยังโต๊ะที่จัดเตรียมไว้อย่างสมบูรณ์แบบสำหรับการทานมื้อค่ำกับออสติน นักธุรกิจหนุ่มที่เขาหมายมั่นจะให้ไอร่าแต่งงานด้วยแต่ศิรวัฒน์ไม่เคยให้ไอร่ารู้เรื่องนี้ ทุกการเคลื่อนไหวของ
ศิรวัฒน์เต็มไปด้วยความมั่นใจและเคร่งครัดตามสไตล์นักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ แต่ในสายตาของไอร่า มันกลับเป็นความเย็นชาและห่างเหิน
เมื่อทั้งสองนั่งลง ไอร่าเริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันจากสายตาของศีรวัฒน์ที่คอยจับจ้องเธออยู่ตลอดเวลา ไอร่าพยายามฝืนยิ้มออกมา แต่ภายในใจกลับปะทุด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่ง และเสียงดนตรีเบาๆในร้านไม่สามารถกลบความเงียบและความอึดอัดที่เกิดขึ้นในใจของไอร่าได้
"ยิ้มหน่อยไอร่า วันนี้สำคัญนะ" ศิรวัฒน์เอ่ยขึ้นเสียงเข้มเบาๆขณะที่นั่งลง ศิรวัฒน์ไม่สนใจว่าไอร่ารู้สึกอย่างไร แต่คำพูดของเขามุ่งเน้นไปที่เป้าหมายเดียว นั่นคือการทำให้การพบปะครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น
ไอร่ากำมือแน่นใต้โต๊ะ รู้สึกเหมือนถูกบีบคั้นจากทุกทิศทาง
"ก็มานั่งตรงนี้ตามที่คุณพ่อบอกแล้ว...มันยังไม่พออีกเหรอ" ไอร่าพึมพำในใจด้วยความไม่พอใจ เธอพยายามเก็บความรู้สึกเหล่านี้เอาไว้ ไม่ให้แสดงออกมากเกินไป แต่ทุกอย่างภายในกำลังทำให้เธอแทบจะระเบิดออกมา
หลังจากที่ไอร่าจบมื้ออาหารที่เต็มไปด้วยความอึดอัดและไม่เต็มใจ ไอร่าก็รีบก้าวออกจากร้านอาหารหรูด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ไอร่าเดินตามศิรวัฒน์ออกมาโดยไม่พูดอะไร แม้พ่อของเธอจะยังคงสนทนากับคู่ค้าอย่างต่อเนื่องโดยไม่หันมาสนใจลูกสาวแม้แต่น้อย
เมื่อมาถึงลานจอดรถ ไอร่าก็เดินตรงไปที่รถของเธอ เธอรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยที่การประชุมอาหารเย็นจบลงเสียที ไอร่าจึงขับรถออกจากตรงนั้นอย่างไม่มีจุดหมาย แต่แล้วเมื่อไอร่าไปถึงกลางรถของไอร่าก็ค่อยๆช้าลงจนสุดท้ายรถก็ดับลงท่ามกลางถนนที่ไม่มีผู้คนผ่าน
ไอร่าพยายามสตาร์ทรถ แต่เสียงเครื่องยนต์กลับไม่ตอบสนอง เพราะรถของไอร่าดับสนิทอยู่กับที่ ทำให้ไอร่าถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด
"นี่มันอะไรกันเนี่ย..." ไอร่าเอ่ยกับตัวเองอย่างหัวเสีย เธอกดปุ่มสตาร์ทรถซ้ำไปมาแต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แสงไฟหน้ารถยังคงมืดสนิท และไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหนได้
ไอร่าลงจากรถและเดินไปยืนข้างรถพลางกอดอก สายตาเต็มไปด้วยความโมโหที่ควบคุมไม่อยู่ ไอร่ายืนมองไปรอบๆ หวังว่าจะมีใครบางคนผ่านมาแล้วช่วยเธอ แต่ถนนกลับเงียบสงัด ไอร่าจึงล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาพ่อหรือคนช่วยเหลือ แต่ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดับลงเพราะแบตหมดอีก ไอร่าจึงยิ่งหงุดหงิดมากกว่าเดิม
"ให้ตายสิ!" ไอร่ากระทืบเท้าด้วยความโกรธ รถเสีย แบตโทรศัพท์หมด ทุกอย่างดูเหมือนจะผิดพลาดไปหมดในวันนี้ ไอร่าค่อยๆนั่งลงข้างรถพร้อมกอดเข่า และมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เริ่มมีเมฆดำลอยมาบดบัง เธอรู้ดีว่าฝนกำลังจะตกในไม่ช้า
ในขณะที่ไอร่ากำลังพยายามหาทางออกจากสถานการณ์นี้ เสียงรถคันหนึ่งก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ เมื่อเธอเงยหน้ามอง ก็เห็นว่ารถคันนั้นเป็นรถของภาคิน...
ด้านของภาคิน หลังจากที่ส่งยายกอบัวที่ตลาดและจัดการเรื่องต่างๆ เสร็จ เขาก็กลับไปที่โกดังร้างที่มักใช้เป็นที่รวมตัวกับพวกเพื่อนๆ การเป็นนักเลงทำให้ภาคินต้องคอยระวังตัวอยู่เสมอ แต่วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ภาคินรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่คล้ายกับว่าชีวิตของเขาถูกขังอยู่ในวังวนเดิมๆ
ในช่วงเย็น ภาคินขับรถไปตามถนนสายหนึ่งที่ค่อนข้างเงียบ แต่ก็เหมาะสำหรับการพักผ่อนสมองจากเรื่องวุ่นวายทั้งหลาย ภาคินชอบความเงียบสงบของช่วงเวลานี้ ภาคินจึงขับรถอย่างช้าๆ ตามถนนที่มีแสงไฟถนนส่องรำไร พลางคิดถึงชีวิตของตัวเองที่ผ่านมา
ระหว่างที่ภาคินขับรถไปตามถนนในยามค่ำ ภาคินสังเกตเห็นรถคันหรูจอดเสียอยู่ข้างทาง เขาชะลอรถทันทีด้วยความสัญชาตญาณที่บอกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ภาคินจึงขับรถเข้าไปใกล้ๆก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ ใบหน้าของเธอดูหงุดหงิดและดูเหมือนว่ารถของเธอมีปัญหา ภาคินขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เพราะหญิงสาวคนนั้นคือ สาวไฮโซที่เขาเคยเจอเมื่อวันก่อนที่บ้านของเขา
เมื่อเป็นแบบนั้นภาคินจอดรถข้างๆ แล้วเดินเข้าไปหาไอร่า ส่วนไอร่าเงยหน้ามองด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นภาคินอยู่ตรงหน้าภาคินไม่ได้พูดอะไรนอกจากสบตาเธอด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง
"รถเสียอีกแล้วหรือไง" ภาคินถามสั้นๆ พลางมองสภาพรถที่จอดนิ่งสนิทอยู่ข้างทาง
"ใช่... แล้วนายมาทำอะไรที่นี่" ไอร่าเอ่ยพร้อมทำหน้าหงุดหงิด
"เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก ให้ช่วยไหม" ภาคินถอนหายใจเบาๆแล้วเอ่ยถามไอร่า
ไอร่าไม่อยากยอมรับว่าเธอไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์นี้ได้ด้วยตัวเอง แต่ในเมื่อรถของเธอดับไปดื้อๆ อีกครั้งในวันที่เธอรู้สึกว่าชีวิตมันแย่ไปหมด ไอร่าก็เลือกที่จะไม่ปฏิเสธการช่วยเหลือ
"ก็ดี...ถ้านายจะช่วย" ไอร่าเอ่ยขึ้นอย่างขัดใจแต่ก็ตอบรับในที่สุด
ภาคินไม่พูดอะไรมากจึงเปิดฝากระโปรงรถและตรวจสอบเครื่องยนต์อย่างคร่าวๆ ก่อนที่จะบอกว่าไอร่าจะต้องรอรถยกมาอีกครั้ง
"ต้องยกรถเข้าไปในอู่ ถ้าไม่อยากมายืนหงุดกลางถนนแบบนี้อีกก็ซื้อรถใหม่เถอะ" ภาคินเอ่ยพร้อมปิดฝากระโปรงรถ
"นี่ นาย" ไอน่าจะเอายว่าภาคินแต่ภาคินกลับไม่สนใจ ไอร่ามองภาคินที่ยังคงทำทุกอย่างอย่างนิ่งเฉยโดยไม่สนใจท่าทีขัดใจของเธอ
"ดูเหมือนว่าเราจะเจอกันบ่อยเกินไปแล้วนะ" ไอร่าเอ่ยออกมาเบาๆ ภาคินได้ยินแบบนั้นก็มองหน้าไอร่าแวบหนึ่ง
"บางที...มันก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญ" ภาคินตอบสั้นๆ ก่อนจะหันไปโทรเรียกรถยกให้
หลังจากภาคินเพิ่งจัดการเรียกช่างจากอู่ให้มารับรถของไอร่าไปซ่อม ภาคินหันกลับมามองไอร่าที่ยืนกอดอกอยู่ด้วยท่าทีไม่พอใจอย่างชัดเจน ใบหน้าของไอร่าบูดบึ้งเหมือนทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่เธอต้องการ
"แล้วฉันจะกลับยังไง?" ไอร่าเอ่ยออกมาเสียงแข็ง จากที่เคยกอดอกก็เปลี่ยนมาเป็นท้าวสะเอวแล้วสายตามองภาคินด้วยความไม่พอใจ ภาคินปรายตามองไอร่าเล็กน้อย
"ขึ้นรถ" ภาคินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ไม่สนใจท่าทีของไอร่า ก่อนจะเดินไปที่มอเตอร์ไซค์เก่าๆ ของเขา
"ห่ะ นายจะให้ฉันซ้อนมอเตอร์ไซค์เก่าๆ
แบบนี้เนี่ยนะ" ไอร่าถามด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อหูตัวเอง สายตามองมอเตอร์ไซค์ที่เห็นแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด เธอไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าตัวเองจะต้องมานั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์รุ่นเก่าที่ดูไม่น่าไว้ใจขนาดนี้
ภาคินไม่สนใจท่าทีของไอร่า เขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ สตาร์ทรถโดยไม่มองเธออีกครั้ง
"เรื่องมาก ไม่ขึ้นก็เดินกลับเองละกัน" ภาคินตอบเสียงนิ่ง ไม่รอช้าภาคินเตรียมพร้อมจะขับออกไปทันที
ไอร่ายืนมองอย่างตกใจที่ภาคินพูดแบบนั้น เธอเม้มปากแน่นด้วยความโกรธ ก่อนจะหันมามองไปรอบๆ เห็นท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้ม ฝนก็เหมือนจะตกลงมาในไม่ช้า ตัวเลือกของเธอมีไม่มากนักในตอนนี้ เธอกัดฟันอย่างไม่เต็มใจ
"เออ ก็ได้!"
ในที่สุดไอร่าก็ต้องยอมเดินไปซ้อนมอเตอร์ไซค์ของภาคิน แต่ยังไม่วายบ่นอุบอิบในใจ ขณะที่ไอร่านั่งลงบนเบาะและยึดจับเสื้อของภาคินไว้อย่างไม่ค่อยมั่นใจ แม้จะหงุดหงิดและไม่เต็มใจ แต่มันดีกว่าเดินฝ่าฝนกลับบ้านแน่นอน...