ตอนที่ 8 อยากมีเรื่อง ก็จัดให้

1387 Words
ภาคินที่กำลังขับรถกลับบ้าน หลังจากแวะซื้อของให้ยายกอบัว จู่ๆ ก็ต้องหยุดรถกลางถนนเมื่อเห็นกลุ่มคนของวาทียืนดักรออยู่เบื้องหน้า ภาคินรู้สึกหัวเสียขึ้นมาทันที ใจเขายังคิดกังวลถึงยายกอบัวที่รออยู่ที่บ้าน ทำให้ภาคินยิ่งไม่อยากเสียเวลากับพวกนี้ "หลีกไปซะ กูไม่อยากมีเรื่อง" ภาคินเอ่ยออกมาอย่างเบื่อหน่าย น้ำเสียงราบเรียบแต่หนักแน่น บ่งบอกถึงความไม่สนใจที่จะยุ่งเกี่ยว แต่ชายที่ยืนดักหน้าเขาคือดำ หนึ่งในลูกน้องของวาที กลับหัวเราะออกมาอย่างกวประสาท "แต่กูอยากมีเรื่องว่ะ" ดำตอบกลับด้วยน้ำ เสียงกวนๆ พร้อมทำหน้าท้าทาย ภาคินเริ่หงุดหงิดขึ้นมา แต่ยังคงเลือกที่จะไม่สนใจ ภาคินเบนรถเพื่อขับเลี่ยงทางอื่น หวังจะจบเรื่องราวตรงนี้โดยไม่ต้องเสียเวลา ทว่าดำไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ เขาก้าวเข้ามาขวางรถอีกครั้งก่อนจะคว้าเสื้อของภาคิน อย่างจงใจ ภาคินหันมามองด้วยความเย็นชา ความอดทนของเขากำลังถึงขีดจำกัดภาคินถอนหายใจเบาๆ "มึงไม่เลิกใช่มั้ย..." ภาคินเอ่ยออกมาเบาๆ ก่อนจะดับเครื่องยนต์แล้วเปิดประตูลงจากรถ ความนิ่งเงียบของภาคินในตอนนี้กลับสร้างความหวาดกลัวให้ลูกน้องคนอื่นๆ ที่ยืนมองจากระยะไกลดำยิ้มเยาะ "กูนึกว่ามึงจะขี้ขลาดไม่กล้าสู้แล้วซะอีก" แต่รอยยิ้มนั้นหายวับไปเมื่อ เมื่อภาคินพุ่งเข้าหาอย่างรวดเร็ว หมัดแรก ของภาคินกระแทกเข้าที่ท้องของดำจนชายคนนั้นจุกหนักและทรุดลงไปทันที "มึงอยากมีเรื่อง กูก็จัดให้" ภาคินพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่แฝงไปด้วยความดุดัน ขณะที่ภาคินยืนคุมเชิงอยู่ ดำพยายามจะลุกขึ้นสู้ แต่หมัดของภาคินรวดเร็วและหนักหน่วงเกินไป การต่อสู้ไม่ยืดยาวนักภาคินจัดการดำจนแน่นิ่งไปกับพื้น ขณะที่ลูกน้องคนอื่นๆ ที่มาด้วยเริ่มถอยออกไปอย่างหวาดกลัว เมื่อจัดการเรื่องเสร็จแล้ว ภาคินเพียงแค่ส่ายหัวอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเดินกลับขึ้นรถ เพราะภาคินมีสิ่งสำคัญกว่าที่ต้องไปทำ นั่นคือกลับไปดูแลยายกอบัว เมื่อภาคินมาถึงบ้าน เห็นยายกอบัวนั่งรออยู่ตรงประตูหน้าบ้าน ภาคินจึงรีบเดินเข้าไปหายายพร้อมในมือมีถุงของกินเล็กน้อยที่เตรียมไว้สำหรับมื้อค่ำ ภาคินพยายามปกปิดความเหนื่อยและแผลสดใหม่บนใบหน้าให้ยายไม่สังเกต "เอ้า เอ็งกลับมาแล้วหรอ หน้าเอ็งไปโดนอะไรมาอีกล่ะ" ยายกอบัวเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ แต่ก็ยังแฝงด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าภาคินมีแผลที่หน้า "เปล่าครับยาย ไม่มีอะไรหรอกครับแค่นิดหน่อย" ภาคินพูดเบาๆ เพื่อไม่ให้ยายกอบัวเป็นกังวล ก่อนจะยื่นถุงของกินที่เขาแวะซื้อมาให้ "นี่ครับ ผมซื้อของกินมาให้ยายด้วย เดี๋ยวเข้าบ้านเถอะยาย ผมจะไปเตรียมใส่จานเอง" ยายกอบัวส่ายหัวน้อยๆ แต่ยอมให้ภาคินประคองเธอเข้าไปในบ้าน "เอ็งนี่นะ...ก็ยังดูแลยายอยู่ตลอด ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไร เอ็งก็เป็นหลานที่ดีเสมอ" ยายเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แม้จะรู้ว่าภาคินต้องมีเรื่องมา แต่ยายกอบัวก็รู้ว่าหลานคนนี้จะผ่านมันไปได้เสมอ หลังจากภาคินเตรียมของใส่จานเรียบร้อย ภาคินก็นั่งลงข้างๆ ยายกอบัวที่โต๊ะอาหาร ทั้งสองคนเริ่มทานข้าวกันอย่างเรียบง่าย ทุกครั้งที่ภาคินได้นั่งกินข้าวกับยายกอบัว ความรู้สึกอบอุ่นก็จะแผ่ซ่านออกมาจากหัวใจของเขา บนใบหน้าที่ปกติเรียบเฉยกลับมีรอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏอยู่เสมอ ยายกอบัวเองก็ยิ้มไปกับ ภาคิน ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่บรรยากาศรอบโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความรักและความผูกพัน สำหรับคนอื่นๆในละแวกนั้น ภาคินเป็นคนที่แทบไม่เคยยิ้มเลย ด้วยภาพลักษณ์ที่แข็งกร้าวและนิ่งเฉย ผู้คนในพื้นที่ไม่เคยเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ในบ้านเล็กๆ แห่งนี้ กับยายกอบัว ภาคินกลับกลายเป็นหลานที่อบอุ่นและมีรอยยิ้มที่หาดูได้ยาก วันถัดมา ภาคินตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมของไปส่งยายกอบัวที่ตลาดเช่นทุกวัน ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นเล็กน้อยเมื่อภาคินเดินเข้ามาในห้องครัวเพื่อทำอาหารให้ยายกินก่อนออกจากบ้าน ยายกอบัวเองก็ลุกขึ้นแต่เช้าตามปกติ แต่วันนี้ดูเหมือนยายกอบัวจะเหนื่อยล้ากว่าทุกวัน "ยายไหวไหม ให้ผมไปขายของเองก็ได้" ภาคินเอ่ยถามขณะที่เตรียมของในครัว "ไหวสิเอ็ง อย่าห่วงยายเลย ยายแค่เหนื่อยตามวัยน่ะ" ยายกอบัวยิ้มให้ภาคินอย่างอ่อนโยน หลังจากทานข้าวเสร็จ ภาคินก็ขี่มอเตอร์ไซค์พายายไปตลาดเช่นเคย แต่วันนี้ภาคินสังเกตเห็นว่ายายกอบัวเดินช้ากว่าปกติ ภาคินจึงเริ่มเป็นห่วงยายกอบัวมากขึ้น เมื่อภาคินส่งยายเสร็จ เขาก็แวะไปที่โกดังร้างตามนัดกับเพื่อนๆ ที่รออยู่ แต่ในใจยังคงคิดถึงอาการของยายกอบัวไม่หาย "มึงดูเครียดๆ มีอะไรรึเปล่า" น้ำเหนือเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าของภาคินดูหม่นหมอง "เปล่า แค่ห่วงยายว่ะแค่นั้น" ภาคินตอบสั้นๆ ก่อนจะเริ่มสนทนาเรื่องอื่นกับเพื่อนๆ แต่ในใจของเขายังคงคิดถึงยายกอบัวตลอดเวลา ระหว่างที่ภาคินอยู่กับเพื่อน เขาได้ยินข่าวว่ามีคนของวาทีเคลื่อนไหวอีกครั้ง ทำให้ความตึงเครียดในใจเขาเพิ่มขึ้นไปอีก ภาคินรู้ดีว่าความขัดแย้งกับวาทียังไม่จบ และอาจเกิดปัญหาขึ้นอีกในไม่ช้า หลังจากคุยกับเพื่อนๆ เสร็จ ภาคินก็รีบกลับบ้าน เพราะยังรู้สึกเป็นห่วงยายกอบัวอยู่ ระหว่างทาง ภาคินขับมอเตอร์ไซค์อย่างรวดเร็ว ท้องฟ้าเริ่มครึ้มและมีแววว่าจะฝนตก เมื่อภาคินมาถึงบ้าน ภาคินก็เห็นยายกอบัวนั่งอยู่หน้าบ้านเหมือนเคย แต่วันนี้ยายกอบัวดูเหนื่อยล้ากว่าปกติ "ยาย วันนี้ขายของเป็นยังไงบ้าง" ภาคินเอ่ยถามขณะเดินเข้ามาหายาย "ก็พอได้อยู่นะ แต่วันนี้ยายรู้สึกไม่ค่อยไหว เหนื่อยมากขึ้นกว่าปกติ" ยายกอบัวตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า ภาคินฟังแล้วอดไม่ได้ที่จะกังวล "ยายต้องพักผ่อนมากกว่านี้แล้ว ไม่ต้องไปตลาดบ่อยๆ ก็ได้ เดี๋ยวผมจัดการเอง" ภาคิน พูดอย่างจริงจัง "ยายไม่เป็นไรหรอก ยายทำมาตลอดชีวิต ยายไม่อยากอยู่เฉยๆ" ยายกอบัวตอบยิ้มๆ แต่ภาคินยังไม่คลายความกังวล ช่วงบ่ายวันนั้น ฝนเริ่มตกลงมาอย่างหนัก ภาคินนั่งเฝ้ายายกอบัวที่นอนหลับอยู่ในห้อง ในหัวภาคินคิดถึงหลายสิ่ง ทั้งเรื่องยายกอบัวที่ภาคินเป็นห่วงมากขึ้น และเรื่องของวาทีที่ยังสร้างปัญหาให้เขาและคนรอบข้าง ในระหว่างที่ฝนตกอยู่นั้น ภาคินได้รับโทรศัพท์จาก คิวเท เพื่อนสนิท "มีเรื่องว่ะ คนของวาทีมันไปป่วนในพื้นที่เราอีกแล้ว" คิวเทเอ่ยอย่างร้อนใจ ภาคินกำหมัดแน่นเมื่อได้ยินข่าว ภาทีรู้ว่าวาทีไม่เคยยอมปล่อยเรื่องง่ายๆ แต่ตอนนี้สิ่งที่ ภาคินกังวลมากที่สุดคือความปลอดภัยของยายกอบัว "พวกมันจะมาอีกแล้วเหรอ" ภาคินพูดอย่างเคร่งเครียด "ใช่ พวกมันเริ่มลุกลามพื้นที่ของเรา แต่ดูเหมือนยังไม่ได้ทำอะไรแรงๆ แต่กูว่าคงไม่นาน" คิวเทเตือน ภาคินนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นจากที่นั่ง เขารู้ว่าการอยู่เฉยๆ ไม่ได้ช่วยอะไร "เดี๋ยวกูไปจัดการเอง" ภาคินพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD