บท 4

3541 Words
หลังจากที่เราทั้งคู่ยอมพักและสงบศึกกันชั่วคราว เพราะผมเองก็ไม่ได้มีเวลาว่างที่จะมาสอนให้ได้ทุกวัน ผมมีรายงานที่ต้องเคลียร์ก่อนจบปริญญาโทอีก บอกตามตรงว่ามันอาจจะเหนื่อยแต่ผมก็สนุกกับมัน อย่างน้อยๆ ชีวิตวัยรุ่นผมก็ทุ่มเทมันจนสุดตัว ตอนนี้ผมกำลังรอคนตรงหน้าใส่ผ้ากันเปื้อนอยู่ ยืนมองมาหลายนาทีจนผมผูกเสร็จส่วนเจ้าตัวเล็กมันยังไม่เสร็จหน้าตาดูหงุดหงิดใหญ่เลย ตอนเด็กๆ ไม่ยอมกินนมสินะโตมาแขนขามันเลยสั้นเเค่นี้เนี่ย ฮึๆ “มานี่มาเดี๋ยวผูกให้” “ไม่เป็นไร..” “พูดกับผู้ใหญ่ให้มีหางเสียงหน่อย” ผมว่าเสียงขรึม จนเหมือนเขาจะไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ แต่เรื่องมารยาทในการพูดกับผู้ใหญ่ผมเองก็ให้ความสำคัญเช่นกัน หน้าตาก็ไม่ใช่ว่าจะขี้ริ้วขี้เหร่อะไรหรอก แต่ถ้าพูดจาเพราะๆ มันจะดูดีขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า “ไม่เป็นไรครับ” ผมกระตุกยิ้มมุมปากน้อยๆ ถึงแม้จะพูดกรอดไรฟันแต่ก็คงจะมีความพยายามอย่างมากที่จะพูดกับผมด้วยประโยคพวกนั้น อย่างว่าเเหละน้าทำดีร้อยครั้งก็ไม่เท่ากับทำชั่วเเค่ครั้งเดียว คนเราทำไมไม่มองผ้าสีขาวที่มีมากกว่าจุดสีดำบนผ้าล่ะ ผมไม่ใช่คนดี ไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซนต์หรอกครับ “มานี่เดี๋ยวผูกให้” “ไม่ต้องไง..” ผมไม่รอให้อั่งเปาเขาลังเลแล้วครับ ขืนชักช้ากว่านี้ไม่ต้องทำมาหากินกันพอดี ผมจัดการเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าก่อยจะเอื้อมมือไปผูกโบว์ผ้ากันเปื้อนให้ทางด้านหลัง จมูกของผมเฉี่ยวซอกคอขาวๆ ไปแค่นิดเดียวและดูเหมือนว่าคนตรงหน้าคงไม่รู้ว่าตอนนี้ผมกำลังคิดอะไรชั่วๆ อยู่ล่ะมั้งถึงไม่ยอมเอี่ยวตัวหลบ รอยยิ้มชั่วบนหน้าผมมันกระตุกขึ้นมาเองโดยไม่ได้นัดหมาย มือค่อยๆ ผูกช้าๆ เพราะผมเองยังอยากจะดมกลิ่นตัวหอมๆ แบบนี้สักพัก “เสร็จยัง” “เสร็จแล้วครับๆ” “เอาแขนมา” “หื้ม?” ผมเลิกคิ้วถามเพราะความสงสัย น้องเปาเองไม่ได้พูดอะไรกับผมต่อ เพียงแค่กระตุกแขนทั้งสองข้างของผมให้ยื่นไปด้านหน้า แล้วพอผมก้มมองถึงได้รู้ว่าตอนนี้ตัวเองลืมพับแขนเสื้อขึ้น ผมนิ่งไปสักพักเพราะเอาแต่เหม่อมองคนตรงหน้าอยู่ไม่ได้ละสายตาไปไหนเลย คนตัวเล็กกว่าค่อยๆ พับแขนเสื้อผมขึ้นอย่างใจเย็นถึงแม้มันจะมีท่าทางที่ไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่ก็เถอะ แต่ผมกลับชอบมากกว่าที่เห็นคนใส่ใจรายละเอียดในตัวผม ไอ้เด็กแสบนี่ ..ชักจะทำให้ผมสนใจซะแล้ว “เสร็จแล้ว เป็นเชฟภาษาอะไรลืมพับแขนเสื้อ” “คนเราก็ต้องมีลืมมั่งสิครับ ..อะนี่หมวกใส่เอาไว้จะได้เหมือนเชฟของจริง” ก่อนที่จะลงมือสอนผมเลยจัดการเอาหมวกเชฟครอบใส่หัวเล็กๆ นี่ซะเลย ดูท่าทางเหมือนจะเป็นเชฟของจริงนะ แต่เมื่อวันก่อนให้ทำแค่คุ้กกี้ธรรมดาแป้งยังแฉะแหยะๆ เหมือนพึ่งไปลุยน้ำมา อีกวันให้ทำตามเดิมเเป้งเเข็งเหมือนกรวดฟันผมเเทบหัก กลืนลงกระเดือกแสนจะลำบากจะคลายออกต่อหน้าเขาผมว่าลำบากใจกว่าเดิมอีก วันนี้เลยเปลี่ยนให้ทำอย่างอื่นก่อนเลยเถอะ ผมไม่สามารถกินของเเบบนั้นได้ แต่ผมไม่กล้าพูดออกไปแรงขนาดนี้เดี๋ยวเด็กมันหมดกำลังใจ ผมจะปั้นไอ้แสบมันเอง แล้วสักวันมันจะต้องขอบคุณผมอย่างแน่นอน “เราลืมล้างมือกันหรือเปล่า..” “ผมล้างเรียบร้อย อ่า..เป็นเชฟได้ไงกัน ไปล้างสิ” เขาไล่ผมอย่างหัวเสีย ไอ้ปากเล็กๆ นั่นที่พูดอยู่มันน่าจับจูบให้สงบปากสงบคำหน่อยไหมล่ะ คิดอะไรอยู่วะไอ้เคน! คราวนี้ผมจะเอาจริงละนะ ไม่เอาไอ้เคนคนที่เกรียนแตกแบบที่มหาวิทยาลัยแล้วนะครับจะบอกให้ หลังจากที่เสียเวลามามากพอแล้วตอนนี้ผมจะให้อั่งเปาทำชีสเค้กสไตล์ญี่ปุ่นเลย เพราะที่นี่ลูกค้าที่สั่งเยอะมาก ถ้าเก่งแล้วผมอาจจะเอาตัวมาช่วยที่ร้านนี่ซะด้วยเลย จะได้ถือว่าเป็นประสบการณ์ก็แล้วกัน ผมทำขนาดนี้เขาก็ไม่มีทางมองผมเป็นคนดีหรอก เชื่อดิ อคติกับผมจะตายไอ้แสบเนี่ย คนที่ได้รับคำสั่งจากผมว่าให้จัดเตรียมอุปกรณ์และตวงปริมาณให้เรียบร้อยตอนนี้ของทุกอย่างที่จำเป็นอยู่ตรงหน้าเราสองคน คนตัวเล็กจัดแจงวางทุกอย่างอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งต่างจากวันแรกที่มามาก ครัวร้านผมแทบพัง ผมชอบนะเรียนรู้ไวแบบนี้ จะได้พัฒนาไม่ยาก “ผสมครีมชีสนมและเนยเข้าด้วยกัน ..รู้ใช่ไหมว่าอย่างละเท่าไหร่” “ครับ ตวงเรียบร้อยแล้ว” “ดี งั้นผสมเลย.. พี่จะยืนบอกเราว่าต้องทำยังไงแล้วจะให้เราทำเอง” “ครับเชฟ” คนตัวเล็กตอบรับกลับมาอย่างฉะฉานแววตาฉายความมุ่งมั่นออกมาจนผมรู้สึกได้ เอาล่ะนับจากนี้ผมจะเข้าสู่โหมดติวลับอย่างเคร่งครัด ผมไม่เคยเอาใครมาฝึกที่นี่หรอกถ้าจะมีผมก็ไม่ลงมาสอนเอง เพราะมันเสียเวลาทำอย่างอื่นของผม ที่นี่มีเชฟเยอะแต่ผมอยากสอนให้เด็กนี่เองมากกว่า “ครีมชีสเท่าไหร่ที่ใส่ลงไป” ผมถาม “250 กรัมครับ.. นม 100 มิลลิลิตร แลวก็เนยจืด 50 กรัม..” "อืมพูดครับเเล้วน่ารักขึ้นเยอะเลยนะเรา" "หนิเชฟ! ไม่ตลก อย่ามาล้อเล่น..เดี๋ยวพ่อฟาดด้วยเตาอบ"คนตรงหน้าขลึงตาใส่ ผมถึงกับหลุดขำออกมาเบาๆ เเค่ชมว่าน่ารักเเค่นี้เขินงานใหญ่นะเราเนี่ย “ดี ต้มน้ำในหม้อด้วยล่ะ.. ตีให้เนียนจนกลายเป็นเนื้อเดียวกันเลย รู้ใช่ไหม” “อื้มเชฟ” ผมจ้องมองอั่งเปาไม่ละสายตาไปไหน ผมจ้องมองทุกท้วงท่าในการขยับเขยื้อนเพื่อจะดูความทะมัดทะแมงในการผสมวัตถุดิบต่างๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งมันเป็นภาพที่ดูดีไม่น้อยเลยผมว่า คนที่ทำอาหารทุกคนผมรู้สึกว่ามันมีเสน่ห์ดีนะจริงๆ และที่ผมเป็นเชฟเพราะผมรักในการทำอาหารและถ้าเกิดผมพร้อมจะหยุดที่ใครสักคนจริงๆ เขาคนนั้นคงได้เชฟสุดหล่อที่พร้อมจะทำอาหารเช้าให้กินทุกวันแน่นอนครับ “แยกไข่ขาวกับไข่แดง” “ครับเชฟ รู้แล้วครับ สั่งเอาๆ” ผมกลั้นหัวเราะเพราะแค่อยากจะแกล้งคนตัวเล็กที่กำลังมุ่งมั่นในการแยกไข่ขาวกับไข่แดงซะเหลือเกิน ก็ทำออกมาดีอยู่นะ ถ้าเปลือกไข่ไม่ลงไปเกือบจะทั้งลูกขนาดนั้นน่ะ การแยกไข่ขาว ไข่แดง ไม่ผ่านซะแล้ว! X “ร่อนแป้งสิครับ” “เปลือกไข่มันตกลงไปอีกแล้ว ..โอ๊ะ” “อั่งเปา” ผมสะดุ้งเล็กน้อยขณะที่เขากำลังจะร่อนแป้งแล้วก็จัดการเอาเปลือกไข่ออกไปด้วย เล่นร้องออกมาซะเสียงดังแบบนี้ผมจะไม่วิ่งเข้าไปดูก็กระไรอยู่ “อย่าเอามือแตะสิมันเลอะไข่อยู่.." ผมดุน้อยๆ แป้งเค้กมันเลอะและดูเหมือนจะเข้าตาด้วย แต่ไอ้มือที่กำลังเลอะไข่ขาวจะเอามาแตะหน้าเดี๋ยวก็เลอะเทอะกันหมดพอดี ผมควรจะตีก้นเด็กคนนี้ดีไหมเนี่ย หะ! “เชฟๆ ๆ แป้งเลอะแว่น” “ก็กำลังจะทำให้หายเลอะอยู่นี่ไงครับ” ผมหันไปหยิบทิชชู่ก่อนจะเอามันมาเช็ดเบาๆ ที่รอบกรอบแว่นตาของคนตรงหน้า ทั้งสองมือของคนตัวเล็กกางออกบ่งบอกว่ากำลังเกร็งสุดความสามารถ เพราะตอนนี้หน้าเราสองคนมันก็ใกล้กันมากจนเราสองคนหายใจลดใส่กันไปมา เด็กน้อยโตช้า คนอะไรสูงแค่หน้าอกผม ฮึๆ ผมนิ่งเงียบไปชั่วครู่เพราะเอาเเต่เหม่อมองริมฝีปากเล็กของคนตรงหน้า กว่าจะรู้ตัวอีกทีความห่างก็ไม่ถึงเซนซะเเล้ว "เชฟจะทำอะไร.. มันมองไม่เห็น" “ถอดแว่นก่อนก็แล้วกัน” เสียงเล็กๆ ทำให้ผมหลุดจากภวังค์เเละถอยหน้ากลับมา “ถอดผมจะมองไม่ชัด” “สายตาแย่ขนาดนั้นเลยหรือไง” ตอนนี้ผมไม่ได้สนใจเสียงของเขาเลย ผมแค่อยากเห็นใบหน้าของอั่งเปาตอนไม่มีแว่นต่างหาก ผมถอดแว่นออกมาเช็ดให้พลางๆ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่คนตรงหน้าลืมตาขึ้นมามองผม ดวงตากลมโตเปล่งประกายเหมือนลูกแมวเปอร์เซียที่ผมเคยเลี้ยงตอนเด็กๆ เลยแหะ ไม่มีแว่นแล้วดูดีกว่าตอนใส่ตั้งเยอะ แต่ดูเหมือนว่าสายตาจะแย่มากเลยนะนั่น พอถอดออกแล้วจากตาโตกลับหรี่มองผมใหญ่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสั้นกี่ร้อยเนี่ย “เสร็จยัง มองไม่ชัด” “ยัง อีกนิดนึง” มือเล็กพยายามคำหาตัวผม ผมเลยแกล้งเดินถอยหลังเล็กๆ แล้วก็ทำความสะอาดแว่นจนแป้งที่เกาะอยู่หายเกลี้ยง ผมก้าวไปหยุดอยู่ตรงหน้าก่อนจะเอาแว่นสวมกลับคืนคนตัวเล็กตรงหน้า “เห็นพี่แล้วใช่มั๊ย” “อ้ะ!” ดวงตากลมเบิกโพลงตอนนี้เราสองคนยืนใกล้กันมากกว่าเดิม มันเลยทำให้คนตรงหน้าผมเซถอยหลังจนเกือบเสียหลักล้มลงไป โชคดีที่ผมคว้าหลังเอาไว้ไม่ทัน แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าผมตอนนี้จะหน้าแดงเอาเรื่องเลยนะ เก็บอาการหน่อยสิ เด็กบ๊องเอ้ย! “พี่เคนคะ..” “น้องแพร..” อั่งเปาผลักผมออกสุดแรงทันทีที่เสียงของผู้มาเยือน ผมหันไปมองเธอแล้วยิ้มๆ ให้ไม่คิดว่าจะบุกเข้ามาถึงในห้องครัวเลยนะเนี่ย ปกติถ้าจะมาหาก็ควรจะไลน์มาก่อนสิปะเดี๋ยวรถไฟชนกันไอ้เคนจะแย่เอา ผมจัดการถอดหมวกและเสื้อคลุมออกแล้วแขวนมันไว้ที่เดิม ก่อนจะเดินตามเธอออกไปแต่ยังไม่วายหันมากำชับคนด้านในอีกว่า “เดี๋ยวพี่มานะ ลองทำเองดูก่อน” “อืมเชฟ” [SPEAK PART :: OUNGPAO] 1 ชั่วโมงผ่านไป ผมนั่งรอพี่เคนเข้าในห้องครัวพร้อมกับเจ้าชีสเค้กก้อนเเรกของวันนี้ หน้าตาอาจจะไม่น่ากินเท่าไหร่เเต่ผมว่ามันดีกว่าคุ้กกี้เมื่อสองวันก่อนเยอะเลยเเหละ ไม่ใช่อะไรหรอกผมเเค่อยากตั้งใจทำมันออกมาให้ดี เพราะที่ผ่านมาผมเห็นหน้าพี่เขาชิมเเล้วเเหยะอย่างบอกไม่ถูกเเต่เขาก็ไม่ได้ตำหนิหรือว่าอะไรเเรงมากนักทั้งๆ ที่รสชาติโคตรห่วยบรม เเล้วนี่ผมก็นั่งรอเจ้าตัวมาจะเกือบสองชั่วโมง ก่อนที่เขาจะออกไปกลับผู้หญิงหน้าตาสวยๆ ไม่พ้นเด็กๆ ในสต็อกล่ะสิท่า ผมไม่ได้อยากจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของใคร เเต่ถ้าผมจับได้ว่าเขากำลังจะหลอกฟันเพื่อนผมล่ะก็ผมคงปล่อยไปไม่ได้ 'เห็นพี่เเล้วใช่มั๊ย' "ฮึ้ย~..ขนลุกชะมัด"เเค่คิดถึงคำพูดเเปลกที่ชวนผมคิดลึกเเล้วการกระทำของเขายังเเปลกคนอีกต่างหาก เรื่องเมื่อตอนเช้าที่มหาวิทยาลัยถูกเเชร์ไปทั่วเลยเเละเขาก็คงจะดังกระฉ่อนไม่น้อยเลยล่ะผมว่า เเละไอ้การที่ผมขอโทาเขาไปเเบบนั้นมันถูกเเล้วเเหละ ช็อคโกเเลตนั่นเป็นของเขาผมพึ่งได้รู้จากเพื่อนของเขาเอง เขาเป็นคนเข้ามาถามผมเองว่าได้รับช็อคโกเเลตจากพี่เคนหรือยัง ผมถึงกับเงิบเเละนึกย้อนไปว่าทำไมพี่เคนต้องโกรธขนาดถึงเอาไปทิ้ง ถึงบางอ้อก็ตอนนั้นเเหละครับ = = 'คืนนี้ก็นอนค้างที่ห้องพี่สักคืนสิครับ เเล้วเดี๋ยวจะบอกว่าอยากได้ ..อะไร' "จะบ้าตาย" ยิ่งคำพูดเมื่อเย็นของคนหื่นนั่นยิ่งทำให้ผมหัวร้อนไม่น้อย อย่าหวังว่าจะได้ในสิ่งที่เขาหวังเลยเหอะ เเค่มองตาก็รู้นิสัยเขาเเล้วว่ากำลังคิดอะไรชั่วๆ อยู่ ถ้าผมเป็นนายพราน ผมจะใช้ธนูยิงเสือเเบบเขาให้ตายคาที่ไปเลย หึ! "คุณคะเดี๋ยวร้านจะปิดเเล้วนะคะ.. เชฟเคนไปไหนเนี่ย" "ครับ เเล้วเชฟเคนไปไหน? "ผมเลิกคิ้วถามพนักงานเสิร์ฟผู้หญิงเธอเดินเข้ามาบอกผม ตอนนี้ผมอยู่เเต่ในครัวเลยไม่ได้ออกไปดูว่าด้านนอกตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง เเต่ปกติพี่เคนเขาจะอยู่สอนผมจนกว่าเขาจะบอกเลิกคลาสนะ ทำไมวันนี้หายหัวหายตัวไปไหนของเขาวะ "ร้านจะปิดเเล้วค่ะ เชฟเคนออกไปข้างนอก ไม่รู้ไปไหน ..ยังไงอีกสิบห้านาทีจะปิดเเล้วนะคะ" "ครับ ผมจะรีบเก็บของให้" ผมตอบกลับก่อนจะรีบเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ไปล้างทำความสะอาดเเล้ววางมันเก็บเข้าที่เดิม หรือว่าพี่เเกจะหนีไม่ยอมมาชิมชีสเค้กที่ผมทำให้ มันไม่ใช่อ้วกหมานะว้อย กินได้ไม่ตายหรอก! หลังจากที่ผมเก็บข้าวของ กว่าจะล้างเสร็จปาไปเกือบจะครึ่งชั่วโมง เเม่ครัวที่นี่กลับไปตั้งนานเเล้วเเหละผมเลยต้องมายืนล้างเองทั้งหมด สงสารตัวเองเหลือเกินตอนนี้ - - ผมเดินออกมายืนหน้าร้านพร้อมกับมองชีสเค้กในถุงที่ตัวเองเป็นคนทำสายตาละห้อย ผมชิมเเล้วมันก็ไม่ได้ประหลาดเกินไป เเต่ผมอยากให้เชฟเคนมาลองชิมมากกว่า ไม่รู้ป่านนี้พี่เเกไปเเทรกเเผ่นดินอยู่ส่วนไหนของโลกก็ไม่รู้ เบอร์ติดต่อก็ไม่มี เเล้วเเบบนี้ผมกลับบ้านได้เลยมั๊ยเนี่ย เพราะเขาเป็นคนบอกเองว่าจะกลับมา ต้องกลับมาสิวะ! ผมถือเรื่องนี้สำคัญเลยนะลั่นวาจาออกมาเเล้วก็ต้องรับผิดชอบเนี่ย ถึงจะปากหมาเเต่ผมก็รู้จักว่ามารยาทเเละบุญคุณที่เขามีต่อผมหรอกน่า เพียงเเค่หมันไส้เวลาเจอเขาเท่านั้นเอง "ฝนตกอะไรตอนนี้วะเนี่ย" ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะยื่นมือออกไปรองน้ำฝนที่กำลังตกลงมาปอยๆ เมื่อวานพกร่มมาล่ะไม่ตก พอวันนี้ลืมเอาร่มมาเทกระจาดเลยนะครัล เเหม่ = = "โวย เมื่อไหร่จะมาวะเนี่ย ..รออยู่นะว้อยยย! อย่าให้หงิด" ผมนั่งลงยองๆ พร้อมกับก้มหน้าซุกเข่าตัวเอง เสียงฝนยังดังกระทบพื้นต่อเนื่องเเล้วก็กระเซนมาโดนผมซะด้วยสิ ถ้าผมเกิดเป็นปอดบวมตายขึ้นมา พ่อจะมาเป็นผีบีบคอเขาให้ตายตามด้วยเลยคอยดู 15 นาทีผ่านไป "ฝนจ๋าหยุดที พี่อยากกลับบ้าน" 25 นาทีผ่านไป "ไอ้พี่เวร! เวลาสะกดไม่เป็นหรือไงวะ เวลาในภาษาอังกฤษ TIME ที ไอ เอ็ม อี โว้ย! Fuck!!! " 45 นาทีผ่านไป "จะให้โอกาส จะนับหนึ่งถึงพัน ถ้ายังไม่มา.. ตายซะ!!! " 1 ชั่วโมงผ่านไป "โว้ย! ไอ้บ้าเอ้ย ให้มานั่งรอเป็นชั่วโมงหายหัวไปไหนวะเห้ย! ย้ากกกกก!!! " พอกันทีผมอดทนรอเขามามากพอละ ไม่รอเเม่งละโว้ย! เจ้าตัวหายไปไหนของเขาวะ ป่านนี้รถเมล์ผมหมดเเล้วมั้งมัวเเต่ไปทำอะไรอยู่ อย่างน้อยๆ บอกคนที่ร้านไว้ก็ดีคนจะได้ไม่คอย ผมเกลียดการรอคอยมากที่สุดเลย เหมือนผมปล่อยเวลาที่มีค่าของผมให้กับคนที่ไม่เห็นค่าเเบบเขา! เคนตะ รุ่นพี่ปริญญาโท คณะคหกรรม เขาต้องรับผิดชอบ! "อย่าให้เจอตัวนะโว้ย บอกก่อนเลย" "อั่งเปา.." "พี่เคน" ผมเบิกตาโพลงเล็กน้อยในมือเผลอปล่อยถุงชีสเค้กร่วงลงพื้น ก่อนจะวิ่งเข้าไปรับร่างของคนตัวสูงท่ามกลางฝนที่ตกกระหน่ำลงมา พี่เคนคุกเข่าลงไปกับพื้นเสียงดังเปาะเลย ผมอดไม่ได้ที่จะฟาดมือลงไปที่เเขนเขาเเรงๆ ริมฝีปากซีดเซียว เเถมยังเหนื่อยหอบใส่ผมอีกต่างหาก ทำอย่างกับวิ่งมาราธอนมางั้นน่ะ "ขอโทษที พอดีรถพี่มันเสีย.. เรารอนานไหม" "อะ เอ่อ.. คือ" ผมกระอึกกระอักเพราะไม่รู้จะพูดกับเขาว่ายังไงดี สีหน้าเเละเเววตาที่ดูเป็นห่วงผมเเต่ไม่ห่วงตัวเองกำลังมองมา สายตาเเบบนั้นทำเอาใจผมสั่นเเปลกๆ รถเสียเเล้ววิ่งมางั้นเหรอ? วิ่งมาไกลเเค่ไหนวะเนี่ย ฝนก็ตก โคตรบ้าระห่ำ! "ผมว่าพี่เข้าไปข้างในก่อนเถอะ ..เนื้อตัวเปียกขนาดนี้ไม่สบายกันพอดี" "อืม" "เเล้ววิ่งมาไกลปะเนี่ย เป็นบ้าไปเเล้วหรือไง! " "พี่กลัวเราคอย เพราะพี่บอกเองว่าจะกลับมา.." "เเล้วถ้าตายขึ้นมา ผมจะรู้สึกผิดนะ! " "ชอบพี่เเล้วหรอครับ ถึงห่วงขนาดนี้.." ผมหรี่สายตามองคนตรงหน้าอย่างพิจารณาอีกรอบ หน้าเขาดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่หรอกนะ เเต่ผมจะช่วยเขาในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกันก็เเล้วกัน "ไร้สาระ! มาฮะเดี๋ยวช่วย.. ไหวใช่ไหม"ผมถามเเละคนตรงหน้าก็พยักหน้าตอบกลับผมมา ฟุ่บ ผมตั้งท่าจะลุกพร้อมกับพยุงคนตัวโตกว่าไปด้วย เเต่จู่ๆ เเข้งขาของเขามันดูเหมือนจะไร้เรี่ยวเเรงเเละกดเเรงโน้มถ่วงมาทางผมเเทน พอเงยหน้ามองถึงได้รู้ว่าพี่เคนเขาหมดสติไปเเล้ว ตัวเย็นเฉียบเลยเนี่ย เเล้วผมไม่ได้เรียนหมอไม่รู้วิธีปฐมพยายามว้อย! พี่เเกไม่ได้ตายใช่มั๊ยวะเนี่ย! ทำยังไงดี "พี่เคน ได้ยินเปาไหม! .. เห้ยตัวหนักอย่างกับกระสอบข้าวจะมาเป็นภาระคนอื่นไม่ได้นะโว้ย! " "....." "กุญเเจร้านอยู่ไหน โว้ย! ตื่นมาบอกก่อนเดี๋ยวก็ตายทั้งคู่หรอก" "เเค่กๆ .. พี่ขอโทษนะที่มา .." เหมือนว่าเขาพยายามจะสื่อสารกับผมเเต่ลมหายใจที่ผ่อนปรนออกมาเหมือนจะหมดเเรงก็เงียบไป มีเพียงเเค่เสียงฝนที่สาดลงมาเเละร่างของเราสองคนที่ยืนตากฝนเปียกปอนอยู่เเบบนี้ ผมควานหาโทรศัพท์ของเขาที่มันดังต่อเนื่องก่อนจะค่อยๆ เเบกทั้งสังขารตัวเองเเละเขาเข้ามาหลบฝนหน้าร้านก่อน 'ไอ้หมอก' "ฮัลโหล.."พอรู้ว่าเป็นชื่อของเพื่อนเขาผมก้รีบกดรับทันทีอย่างไม่รีรอ ช่วยมาเเบกร่างเพื่อนตัวเองกลับไปซะทีเถอะ (ซี๊ด.. อ๊ะๆ หมอกคะ..เเรงๆ หน่อยสิ เสียว อื้อ..) "พี่หมอกหรือเปล่า! " (เอาโทรศัพท์มาให้พี่ก่อนสิครับ ..อื้มม) "ฮัลโหลโว้ย โทรมาเเล้วไม่พูดเป็นใบ้หรือไงวะ เป็นบ้าอะไรร้องซี๊ด กินเผ็ดมาเลอะ! ปัญญาอ่อน! "จะโทรมาป่วนอะไรกันตอนนี้วะเนี่ย (เดี๋ยวๆ ๆ ไอ้เคนนั่นมึงปะวะ ..มาห้องกูดิมีสาวๆ เพียบเลย น้องฟ้าที่มึงจองมาด้วยนะเว้ย มาป่าวสัส) "ทำไมมีอะไรฟ้าไหนครับ พูดมาเร็วๆ หรือจะปล่อยให้เพื่อนตัวเองนอนซีดตายหะ! ถามก็ตอบสิฟร่ะ! " ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไรทำไมผมต้องตวาดเเว้ดไปเเบบนั้น เเต่พอได้ยินเขาพูดว่าที่ห้องมีสาวเเละจะชวนพี่เคนเองไปฟีทเจอริ่งเองด้วยผมยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ เพราะถ้าพี่เเกไปขึ้นมาเเล้วไอ้พลูมันล่ะ สวมเขาให้เพื่อนผมงั้นหรอ ตลกตาย! โว้ย! โมโหว้อย! (น้องเปา! ไปอยู่กับเพื่อนพี่ได้ไงเนี่ย ..เบาก่อนที่รักขอคุยธุระก่อน) ผมยกโทรศัพท์ออกห่างหูเพราะมันมีเสียงที่น่ารำราญรบกวนใจ ผมมองโทรศัพท์มือถือสลับกับหน้าของพี่เคนบนตักที่มันซีดลงเรื่อยๆ ปล่อยให้ตายดีมั๊ยวะเนี่ย ฉลาดเเท้หนอวิ่งมาหาผม หงุดหงิดเป็นบ้าเลย! "มาที่ร้านของพี่เคนด่วน ถ้ายังไม่อยากให้เพื่อนตัวเองเป็นศพ! " (เห้ยไอ้เคนเป็นอะไร!) "รีบมาเหอะน่าพี่จะสงสัยอะไรนักหนา รีบมา! เพราะบางทีผมอาจจะเป็นคนฆ่าเขาเอง! " ​
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD