ทางด้านปลายฟ้า
ช่วงบ่ายแก่ ๆ ครอบครัวของน้าปลาดาวซึ่งเป็นน้องสาวของผู้เป็นพ่อก็เดินทางมาถึง ค่ำนี้มีนัดรวมตัวกันเป็นครอบครัวใหญ่เพื่อรับประทานอาหารร่วมกัน ทุกคนจึงพากันมาที่ร้านอาหารริมชายหาดซึ่งเป็นธุรกิจของคุณปู่คุณย่า แต่ตอนนี้ได้น้าปลาดาวมาดูแลรับช่วงต่อ
ระหว่างที่รอผู้ใหญ่ทำอาหาร หนุ่มสาวที่กลับมาจากมหาวิทยาลัยก็พากันไปเดินเล่นและถ่ายรูปกันตรงแนวคลื่นของหาดทรายสีนวล ในยามที่ตะวันใกล้จะตกดิน
“พี่ปลายฟ้า นที มาถ่ายรูปกัน”
เสียงของมารีนซึ่งเป็นลูกสาวของปลาดาวเอ่ยชวนสองพี่น้อง พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกล้องถ่ายรูป แล้วถ่ายภาพของตัวเองระหว่างรอสองคนนั้นมาเข้าเฟรม
แชะ! แชะ!
“พวกพี่ถ่ายรูปกันไปก่อนเลยนะ ผมขอไปคุยกับเพื่อนก่อน”
ถ่ายรูปได้สักสองสามรูปนทีก็ขอแยกตัวไปนั่งรอเพื่อโทรคุยกับเพื่อนสนิท ปล่อยให้พี่สาวทั้งสองคนที่ไม่เจอกันนานได้พูดคุยกันตามลำพัง
“ไปเรียนกรุงเทพฯ เป็นไงบ้าง มีหนุ่ม ๆ มาจีบบ้างไหม” ปลายฟ้าเอ่ยถาม
“หึ อย่าพูดถึงเลย คนพวกนั้นฉันไม่สนใจหรอก”
“เธอนี่นะ”
ปลายฟ้าส่ายหน้าให้คนที่เปรียบเสมือนน้องสาวที่คลานตามกันมาด้วยรอยยิ้ม มารีนเป็นคนเด็ดเดี่ยว เสแสร้งไม่เป็น แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งก็คือเป็นคนตรงไปตรงมา และจริงใจกับทุกคน
“ไม่รู้ล่ะ ไม่ถูกใจฉันก็ปฏิเสธหมด”
มารีนเอ่ยพลางไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ เธอไม่ชอบ ไม่อยากให้โอกาส ก็ไม่รู้จะพูดดีด้วยไปทำไม ถ้าคนมันฟังรู้ความ ปฏิเสธไปแค่ครั้งเดียวก็คงไม่กล้าเข้าหาอีก แต่กับบางคนก็หน้าทนเหลือเกิน ซื้อขนมมาให้บ้าง ซื้อน้ำมาให้บ้าง ทำอย่างกับเธอไม่มีปัญญาซื้อกินเอง
“ระวังเถอะจะขึ้นคาน”
“ว่าแต่พี่เถอะ อยู่ปีสามแล้ว ยังไม่มีแฟนสักคนเลยเหรอ”
“ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่มีแล้วมันทำให้เรารู้สึกแย่ ก็ไม่มีเลยดีกว่า”
ปลายฟ้าเผยรอยยิ้มราวกับไม่ได้รู้สึกอะไร ทว่าในใจกลับนึกถึงคนที่เลิกกันไปได้ไม่นาน เรียกได้ว่าแผลใจยังคงสดใหม่ จึงไม่อยากเอ่ยถึงให้ช้ำหนัก
แต่แล้วแวบหนึ่งภาพที่อยู่ในหัวก็แปรเปลี่ยนเป็นคนเมื่อคืน ก่อนที่เสียงของลูกพี่ลูกน้องจะดังขึ้นทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์
“กอด ๆ นะพี่ปลายฟ้า เพราะแบบนี้ไงฉันถึงยังไม่อยากมีแฟน แม่งผู้ชายสมัยนี้มักจะชอบคิดว่าผู้หญิงอย่างเราน่ะเป็นของตาย”
“หึ ไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอก พี่มูฟออนเร็ว ไม่แน่ว่าในอนาคตพี่อาจจะทำให้ผู้ชายสักคนกลายเป็นของตายของพี่ก็ได้” ปลายฟ้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงมาดมั่น เพราะไม่อยากให้มารีนเป็นกังวล
“ให้มันได้อย่างนี่สิพี่สาว”
สองสาวเดินเลียบชายหาดทั้งขาไปขากลับก็นานเกือบชั่วโมง พอเดินมาถึงตรงที่นทีนั่งอยู่ก็แวะเรียกเขาด้วย เพื่อพากันกลับไปยังร้านอาหาร ป่านนี้พวกผู้ใหญ่คงรอกินมื้อเย็นกันแล้ว
หลังจากกินข้าวเสร็จ ครอบครัวของเธอก็พากันกลับเข้าบ้าน ปลายฟ้าเดินขึ้นไปบนชั้นสองเพื่อเข้าห้องไปอาบน้ำ ก่อนจะขึ้นมานอนเล่นบนเตียง
ปลายนิ้วสไลด์หน้าจอเพื่อดูโพสต์ในแอปพลิเคชันสีฟ้า ก็พบกับภาพของคนรักเก่าสวีทหวานกับสาวมือที่สาม น้ำสีใสก็รื้นขึ้นทั้งสองหน่วยตา มือเล็กรีบกดปิดหน้าจอคว่ำโทรศัพท์ลงบนที่นอน เงยหน้าขึ้นมองฝ้าเพดาน สูดหายใจเข้าออกลึกเพื่อข่มกลั้นหยดน้ำตาไม่ให้ล่วงหล่น
เธอผิดอะไร?
เป็นคำถามที่ยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้
เธอมีแค่เอเดน และก็คิดว่าเอเดนจะมีแค่เธอ แต่ทำไมถึงมีอีกคนเข้ามาแทรกกลาง
“ผู้ชายมักมาก ไม่รู้จักพอ”
และนี่ก็คือคำตอบที่เธอได้หลังจากข่มหยาดน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ นอนคุมโปงร้องไห้อยู่ภายใต้ผ้าห่มนานนับชั่วโมงจนรอบดวงตาบวมแดง ก่อนจะผล็อยหลับไปพร้อมกับคราบน้ำตา
พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาเธอจะต้องเป็นคนใหม่ที่เข้มแข็ง และจะไม่เสียน้ำตาให้ไอ้คนที่ชื่อว่าเอเดนอีก
*****
หลายเดือนต่อมา
ในช่วงปิดเทอมใหญ่หลังจากกลับไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่า และอยู่ที่นั่นหนึ่งอาทิตย์ ปลายฟ้าก็กลับไปนอนที่คฤหาสน์ ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว บางวันก็นัดเพื่อนสนิทออกมาเจอกันบ้าง รอใกล้เปิดเทอมค่อยกลับไปนอนที่คอนโด เพราะต้องรอน้องชายที่จะเข้ามหาวิทยาลัยปีแรก ย้ายเข้าไปอยู่ที่คอนโดของเธอชั่วคราวไปก่อนในระหว่างทำกิจกรรมรับน้องตามความเห็นของพ่อแม่ ที่คุยกันไว้รอให้หาคอนโดแห่งใหม่แล้วค่อยให้นทีย้ายเข้าไปอยู่
“นที ปลายฟ้า ลงมากินข้าวได้แล้วลูก”
เสียงของน้ำค้าง แม่ของหนุ่มสาวทั้งสองเอ่ยเรียกลูกชายลูกสาวที่ยังอยู่บนห้องนอน
“มาแล้วค่ะ”
ปลายฟ้าก้าวลงบันไดมาด้วยใบหน้าสดใส เข้าไปหาพ่อแม่ และคุณตาที่ตอนนี้อยู่กันพร้อมหน้าที่ห้องอาหาร ตามมาด้วยนทีที่ลงมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง
“ตาฝากน้องด้วยนะปลายฟ้า”
คุณตาชยันต์เอ่ยกับหลานสาวคนโต ปลายฟ้าจะขึ้นปีสี่แล้ว แต่นทีเพิ่งจะเข้าเรียนปีหนึ่ง คนแก่จึงรู้สึกเป็นห่วงที่หลาน ๆ พากันออกไปอยู่ข้างนอกกันหมด
“ตาพูดผิดรึเปล่าครับ ผมน่าจะได้ดูแลพี่ปลายฟ้ามากกว่า”
“ก่อนจะมาดูแลพี่ เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ” ปลายฟ้าโต้กลับน้องชาย
พ่อกับแม่ได้แต่มองหน้ากันแล้วอมยิ้ม ส่ายหน้าไปมาให้กับลูกทั้งสอง ปลายฟ้ากับนทีรักใคร่กลมเกลียวมาตั้งแต่เด็ก มีอะไรก็แบ่งปันและช่วยเหลือกันมาตลอด พอโตขึ้นก็จะเถียงกันบ้างตามประสา
เช้านี้น้ำค้างและฉลามได้เข้าครัวด้วยกัน ตั้งใจทำอาหารเมนูโปรดที่ลูกทั้งสองคนชอบ เพราะกว่าลูก ๆ จะกลับมาบ้านก็คงอีกนาน เธอและสามีต่างก็เข้าใจว่าลูกโตกันแล้ว จึงไม่ได้บังคับอะไรมาก เพราะเข้าใจดีว่าช่วงวัยนี้ต้องการความเป็นส่วนตัว และอยากอยู่กับกลุ่มเพื่อน
หลังจากกินข้าวเสร็จพ่อแม่และคุณตา ก็เดินมาส่งทั้งสองคนที่โรงจอดรถ เฝ้ามองจนขับรถพ้นประตูรั้วถึงได้พากันกลับเข้าไปในบ้าน
นทีได้ขับรถอีกคันตามหลังรถของปลายฟ้าออกจากคฤหาสน์ มุ่งหน้าไปยังคอนโดหรูซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย
พอไปถึง นทีก็เดินตามพี่สาวไปอย่างเงียบ ๆ หลายเดือนมานี้ดูเหมือนเธอจะพูดน้อยลงและไม่ค่อยสดใสเหมือนแต่ก่อน จนเข้าไปในห้องพักสุดหรูที่มีหนึ่งห้องนอน ห้องน้ำในห้องนอน และด้านนอก พื้นที่ใช้สอยประมาณยี่สิบห้าตารางเมตร แต่ดีที่โซฟานั้นผลิตมาอย่างดี เป็นเบาะหนานุ่มนอนได้สบาย
“ช่วงนี้ขอยึดโซฟาพี่ก่อนนะ”
“อืม ตามสบาย แล้วนายจะใช้ห้องน้ำในห้องพี่หรือข้างนอกล่ะ”
“ข้างนอกนี่แหละ ไม่อยากรบกวนมาก”
นทีว่าพลางเอนหลังพิงพนักโซฟา ก่อนจะเห็นพี่สาวเดินหายเข้าไปน่าจะเป็นโซนห้องครัว แล้วออกมาพร้อมกับน้ำเย็นและแก้วหนึ่งใบ ตั้งวางไว้ให้ที่โต๊ะกระจกหน้าโซฟา
“น้ำ”
“ขอบคุณครับ ว่าแต่อยู่คนเดียว ทีแรกนึกว่าจะอยู่กับแฟนซะอีก”
ราวกับว่าการทำใจตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาไม่เป็นผล ตอนนี้เหมือนมีหนามแหลมทิ่มแทงใจอีกครั้ง ก่อนที่ปลายฟ้าจะคลี่ยิ้มขึ้น
“ฟงแฟนอะไร ไม่มีสักหน่อย”
นทีก็แสร้งถามไปอย่างนั้น เพราะเมื่อช่วงปิดภาคเรียนที่หนึ่งตอนที่ไปนอนบ้านคุณปู่คุณย่า เขาได้ยินเสียงพี่สาวร้องไห้ในห้องนอน แล้วอีกวันก็เป็นเสียงคุยกับเพื่อนเพื่อปรับทุกข์ จึงรู้ว่าพี่สาวของเขาอกหัก แต่ไม่คิดว่าหลายเดือนมาแล้วเธอก็ยังไม่มีแฟนใหม่ สงสัยจะเฮิร์ตหนัก