ตอนที่ 3 มูฟออน

1494 Words
ทางด้านปลายฟ้า ช่วงบ่ายแก่ ๆ ครอบครัวของน้าปลาดาวซึ่งเป็นน้องสาวของผู้เป็นพ่อก็เดินทางมาถึง ค่ำนี้มีนัดรวมตัวกันเป็นครอบครัวใหญ่เพื่อรับประทานอาหารร่วมกัน ทุกคนจึงพากันมาที่ร้านอาหารริมชายหาดซึ่งเป็นธุรกิจของคุณปู่คุณย่า แต่ตอนนี้ได้น้าปลาดาวมาดูแลรับช่วงต่อ ระหว่างที่รอผู้ใหญ่ทำอาหาร หนุ่มสาวที่กลับมาจากมหาวิทยาลัยก็พากันไปเดินเล่นและถ่ายรูปกันตรงแนวคลื่นของหาดทรายสีนวล ในยามที่ตะวันใกล้จะตกดิน “พี่ปลายฟ้า นที มาถ่ายรูปกัน” เสียงของมารีนซึ่งเป็นลูกสาวของปลาดาวเอ่ยชวนสองพี่น้อง พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกล้องถ่ายรูป แล้วถ่ายภาพของตัวเองระหว่างรอสองคนนั้นมาเข้าเฟรม แชะ! แชะ! “พวกพี่ถ่ายรูปกันไปก่อนเลยนะ ผมขอไปคุยกับเพื่อนก่อน” ถ่ายรูปได้สักสองสามรูปนทีก็ขอแยกตัวไปนั่งรอเพื่อโทรคุยกับเพื่อนสนิท ปล่อยให้พี่สาวทั้งสองคนที่ไม่เจอกันนานได้พูดคุยกันตามลำพัง “ไปเรียนกรุงเทพฯ เป็นไงบ้าง มีหนุ่ม ๆ มาจีบบ้างไหม” ปลายฟ้าเอ่ยถาม “หึ อย่าพูดถึงเลย คนพวกนั้นฉันไม่สนใจหรอก” “เธอนี่นะ” ปลายฟ้าส่ายหน้าให้คนที่เปรียบเสมือนน้องสาวที่คลานตามกันมาด้วยรอยยิ้ม มารีนเป็นคนเด็ดเดี่ยว เสแสร้งไม่เป็น แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งก็คือเป็นคนตรงไปตรงมา และจริงใจกับทุกคน “ไม่รู้ล่ะ ไม่ถูกใจฉันก็ปฏิเสธหมด” มารีนเอ่ยพลางไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ เธอไม่ชอบ ไม่อยากให้โอกาส ก็ไม่รู้จะพูดดีด้วยไปทำไม ถ้าคนมันฟังรู้ความ ปฏิเสธไปแค่ครั้งเดียวก็คงไม่กล้าเข้าหาอีก แต่กับบางคนก็หน้าทนเหลือเกิน ซื้อขนมมาให้บ้าง ซื้อน้ำมาให้บ้าง ทำอย่างกับเธอไม่มีปัญญาซื้อกินเอง “ระวังเถอะจะขึ้นคาน” “ว่าแต่พี่เถอะ อยู่ปีสามแล้ว ยังไม่มีแฟนสักคนเลยเหรอ” “ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่มีแล้วมันทำให้เรารู้สึกแย่ ก็ไม่มีเลยดีกว่า” ปลายฟ้าเผยรอยยิ้มราวกับไม่ได้รู้สึกอะไร ทว่าในใจกลับนึกถึงคนที่เลิกกันไปได้ไม่นาน เรียกได้ว่าแผลใจยังคงสดใหม่ จึงไม่อยากเอ่ยถึงให้ช้ำหนัก แต่แล้วแวบหนึ่งภาพที่อยู่ในหัวก็แปรเปลี่ยนเป็นคนเมื่อคืน ก่อนที่เสียงของลูกพี่ลูกน้องจะดังขึ้นทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์ “กอด ๆ นะพี่ปลายฟ้า เพราะแบบนี้ไงฉันถึงยังไม่อยากมีแฟน แม่งผู้ชายสมัยนี้มักจะชอบคิดว่าผู้หญิงอย่างเราน่ะเป็นของตาย” “หึ ไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอก พี่มูฟออนเร็ว ไม่แน่ว่าในอนาคตพี่อาจจะทำให้ผู้ชายสักคนกลายเป็นของตายของพี่ก็ได้” ปลายฟ้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงมาดมั่น เพราะไม่อยากให้มารีนเป็นกังวล “ให้มันได้อย่างนี่สิพี่สาว” สองสาวเดินเลียบชายหาดทั้งขาไปขากลับก็นานเกือบชั่วโมง พอเดินมาถึงตรงที่นทีนั่งอยู่ก็แวะเรียกเขาด้วย เพื่อพากันกลับไปยังร้านอาหาร ป่านนี้พวกผู้ใหญ่คงรอกินมื้อเย็นกันแล้ว หลังจากกินข้าวเสร็จ ครอบครัวของเธอก็พากันกลับเข้าบ้าน ปลายฟ้าเดินขึ้นไปบนชั้นสองเพื่อเข้าห้องไปอาบน้ำ ก่อนจะขึ้นมานอนเล่นบนเตียง ปลายนิ้วสไลด์หน้าจอเพื่อดูโพสต์ในแอปพลิเคชันสีฟ้า ก็พบกับภาพของคนรักเก่าสวีทหวานกับสาวมือที่สาม น้ำสีใสก็รื้นขึ้นทั้งสองหน่วยตา มือเล็กรีบกดปิดหน้าจอคว่ำโทรศัพท์ลงบนที่นอน เงยหน้าขึ้นมองฝ้าเพดาน สูดหายใจเข้าออกลึกเพื่อข่มกลั้นหยดน้ำตาไม่ให้ล่วงหล่น เธอผิดอะไร? เป็นคำถามที่ยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้ เธอมีแค่เอเดน และก็คิดว่าเอเดนจะมีแค่เธอ แต่ทำไมถึงมีอีกคนเข้ามาแทรกกลาง “ผู้ชายมักมาก ไม่รู้จักพอ” และนี่ก็คือคำตอบที่เธอได้หลังจากข่มหยาดน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ นอนคุมโปงร้องไห้อยู่ภายใต้ผ้าห่มนานนับชั่วโมงจนรอบดวงตาบวมแดง ก่อนจะผล็อยหลับไปพร้อมกับคราบน้ำตา พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาเธอจะต้องเป็นคนใหม่ที่เข้มแข็ง และจะไม่เสียน้ำตาให้ไอ้คนที่ชื่อว่าเอเดนอีก ***** หลายเดือนต่อมา ในช่วงปิดเทอมใหญ่หลังจากกลับไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่า และอยู่ที่นั่นหนึ่งอาทิตย์ ปลายฟ้าก็กลับไปนอนที่คฤหาสน์ ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว บางวันก็นัดเพื่อนสนิทออกมาเจอกันบ้าง รอใกล้เปิดเทอมค่อยกลับไปนอนที่คอนโด เพราะต้องรอน้องชายที่จะเข้ามหาวิทยาลัยปีแรก ย้ายเข้าไปอยู่ที่คอนโดของเธอชั่วคราวไปก่อนในระหว่างทำกิจกรรมรับน้องตามความเห็นของพ่อแม่ ที่คุยกันไว้รอให้หาคอนโดแห่งใหม่แล้วค่อยให้นทีย้ายเข้าไปอยู่ “นที ปลายฟ้า ลงมากินข้าวได้แล้วลูก” เสียงของน้ำค้าง แม่ของหนุ่มสาวทั้งสองเอ่ยเรียกลูกชายลูกสาวที่ยังอยู่บนห้องนอน “มาแล้วค่ะ” ปลายฟ้าก้าวลงบันไดมาด้วยใบหน้าสดใส เข้าไปหาพ่อแม่ และคุณตาที่ตอนนี้อยู่กันพร้อมหน้าที่ห้องอาหาร ตามมาด้วยนทีที่ลงมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง “ตาฝากน้องด้วยนะปลายฟ้า” คุณตาชยันต์เอ่ยกับหลานสาวคนโต ปลายฟ้าจะขึ้นปีสี่แล้ว แต่นทีเพิ่งจะเข้าเรียนปีหนึ่ง คนแก่จึงรู้สึกเป็นห่วงที่หลาน ๆ พากันออกไปอยู่ข้างนอกกันหมด “ตาพูดผิดรึเปล่าครับ ผมน่าจะได้ดูแลพี่ปลายฟ้ามากกว่า” “ก่อนจะมาดูแลพี่ เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ” ปลายฟ้าโต้กลับน้องชาย พ่อกับแม่ได้แต่มองหน้ากันแล้วอมยิ้ม ส่ายหน้าไปมาให้กับลูกทั้งสอง ปลายฟ้ากับนทีรักใคร่กลมเกลียวมาตั้งแต่เด็ก มีอะไรก็แบ่งปันและช่วยเหลือกันมาตลอด พอโตขึ้นก็จะเถียงกันบ้างตามประสา เช้านี้น้ำค้างและฉลามได้เข้าครัวด้วยกัน ตั้งใจทำอาหารเมนูโปรดที่ลูกทั้งสองคนชอบ เพราะกว่าลูก ๆ จะกลับมาบ้านก็คงอีกนาน เธอและสามีต่างก็เข้าใจว่าลูกโตกันแล้ว จึงไม่ได้บังคับอะไรมาก เพราะเข้าใจดีว่าช่วงวัยนี้ต้องการความเป็นส่วนตัว และอยากอยู่กับกลุ่มเพื่อน หลังจากกินข้าวเสร็จพ่อแม่และคุณตา ก็เดินมาส่งทั้งสองคนที่โรงจอดรถ เฝ้ามองจนขับรถพ้นประตูรั้วถึงได้พากันกลับเข้าไปในบ้าน นทีได้ขับรถอีกคันตามหลังรถของปลายฟ้าออกจากคฤหาสน์ มุ่งหน้าไปยังคอนโดหรูซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย พอไปถึง นทีก็เดินตามพี่สาวไปอย่างเงียบ ๆ หลายเดือนมานี้ดูเหมือนเธอจะพูดน้อยลงและไม่ค่อยสดใสเหมือนแต่ก่อน จนเข้าไปในห้องพักสุดหรูที่มีหนึ่งห้องนอน ห้องน้ำในห้องนอน และด้านนอก พื้นที่ใช้สอยประมาณยี่สิบห้าตารางเมตร แต่ดีที่โซฟานั้นผลิตมาอย่างดี เป็นเบาะหนานุ่มนอนได้สบาย “ช่วงนี้ขอยึดโซฟาพี่ก่อนนะ” “อืม ตามสบาย แล้วนายจะใช้ห้องน้ำในห้องพี่หรือข้างนอกล่ะ” “ข้างนอกนี่แหละ ไม่อยากรบกวนมาก” นทีว่าพลางเอนหลังพิงพนักโซฟา ก่อนจะเห็นพี่สาวเดินหายเข้าไปน่าจะเป็นโซนห้องครัว แล้วออกมาพร้อมกับน้ำเย็นและแก้วหนึ่งใบ ตั้งวางไว้ให้ที่โต๊ะกระจกหน้าโซฟา “น้ำ” “ขอบคุณครับ ว่าแต่อยู่คนเดียว ทีแรกนึกว่าจะอยู่กับแฟนซะอีก” ราวกับว่าการทำใจตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาไม่เป็นผล ตอนนี้เหมือนมีหนามแหลมทิ่มแทงใจอีกครั้ง ก่อนที่ปลายฟ้าจะคลี่ยิ้มขึ้น “ฟงแฟนอะไร ไม่มีสักหน่อย” นทีก็แสร้งถามไปอย่างนั้น เพราะเมื่อช่วงปิดภาคเรียนที่หนึ่งตอนที่ไปนอนบ้านคุณปู่คุณย่า เขาได้ยินเสียงพี่สาวร้องไห้ในห้องนอน แล้วอีกวันก็เป็นเสียงคุยกับเพื่อนเพื่อปรับทุกข์ จึงรู้ว่าพี่สาวของเขาอกหัก แต่ไม่คิดว่าหลายเดือนมาแล้วเธอก็ยังไม่มีแฟนใหม่ สงสัยจะเฮิร์ตหนัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD