EP.9 อย่ายุ่ง
ณ คอนโดคริส
พริ้งพราวนั่งอยู่ที่ล็อบบี้ของคอนโดคริส เธอมองนาฬิกาอีกครั้ง และถอนหายใจซ้ำ ๆ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร. หาเขาอีกครั้ง แต่คริสยังคงติดถ่ายงานอยู่ในคอนโดเพื่อน เขารับสายพร้อมกับบอกให้เธอนั่งรอต่อไป เพราะเขาไม่ว่างที่จะกลับมาเปิดห้องให้ตอนนี้
(บทสนทนาทางโทรศัพท์ พริ้งพราวกับคริส)
“พี่คริส... พริ้งอยู่หน้าคอนโดแล้วค่ะ พริ้งขึ้นไปห้องไม่ได้ พี่จะกลับเมื่อไหร่คะ?” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและความรอคอย แต่คริสตอบกลับมาเสียงยุ่ง ๆ
(พี่ติดถ่ายงานโพรเจกต์อยู่กับเพื่อน ๆ น่ะ)
(ตอนนี้อยู่พัทยา น่าจะกลับค่ำ ๆ เลย)
“งั้น...พริ้งนั่งแท็กซี่ไปหาที่พัทยาได้ไหม เราจะได้เที่ยวกันต่อเลย”
(ไม่ได้!)
(คือพี่มาทำงานไม่ได้มาเที่ยว เราก็นั่งรอที่คอนโดแหละ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะรีบกลับ... ซี้ด...อ่าส์)
“งานอะไรอะ?” พริ้งพราวชักสีหน้า และถามกลับไปด้วยท่าทีไม่ค่อยพอใจ
“แค่นี้นะพริ้ง พี่ยุ่งอยู่” แล้วเขาก็ตัดสายไปอย่างรวดเร็ว พริ้งพราวจ้องโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกสงสัย เพราะเสียงที่แทรกเข้ามาแปลก ๆ ไป
(จบบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างพริ้งพราวและคริส)
“เฮ่อ...ทั้งหิว ทั้งเหนียวตัวไปหมดแล้วเนี่ย” เธอบ่น ๆ เพราะตอนที่วิ่งหนีออกจากบ้าน ทั้งร้องไห้ ทั้งเหนื่อย อยากจะพักเงียบ ๆ แต่จะให้มานั่งรอที่ใต้คอนโดแบบนี้ จะนอนก็นอนไม่ได้ เพราะมีคนเดินผ่านไปผ่านมาตลอด แถมแอร์ก็ไม่ค่อยเย็นอีก หิวก็หิว
เธอรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ เงินก็ไม่มีติดตัวมากพอที่จะทำอะไรได้เลย เพราะแค่ค่าแท็กซี่มาถึงที่นี่ก็หมดตัวแล้ว ระหว่างที่นั่งรออยู่บนโซฟาที่ล็อบบี้ เธอก็นึกขึ้นได้ว่า ตัวเองเคยแอบหยิบกุญแจห้องของพี่สาวมาเมื่อตอนกลับบ้านครั้งสุดท้าย
“จริง ๆ ไปนอนเล่นหอพี่พิมพ์ก็ได้แหละ...เพราะไม่รู้เลยว่า พี่คริสจะกลับคอนโดตอนไหน” เธอคิดในใจขณะหยิบกุญแจห้องพี่สาวขึ้นมาดู พี่พิมพ์เรียนที่อเธน่า และหอของพี่สาวก็ไม่ไกลจากคอนโดของคริสมากนัก เธอตัดสินใจเรียกแท็กซี่และมุ่งหน้าไปที่หอพักของพี่สาวทันที
“ดีนะที่ยังมีมินิมาร์ตให้ซื้อของ หิวไส้จะขาดอยู่แล้ว” พริ้งพราวเดินนับเศษเงินทอนจากแท็กซี่ในมือเดินตรงเข้าไปในมินิมาร์ตเล็ก ๆ ใต้หอ ซึ่งพอเธอเดินผ่านโซนเครื่องสำอาง ความสวยความงามต่าง ๆ สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อของกินอะไรเลย เพราะหมดเงินไปกับพวกลิปสติก แป้ง ครีม มาสก์หน้าต่าง ๆ นานา
ความสวยเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ สำหรับเธอ เพราะความสวยนี่แหละที่ทำให้ผู้ชายหลาย ๆ คนอยากได้เธอแบบนี้ พริ้งพราวนึกถึงสัมผัสของพี่บากิ และอดยอมไม่ได้เลยจริง ๆ กับคริสเธอก็รักเขานะ แต่กับพี่บากิ มันท้าทายดีเหมือนกัน
“นี่เราคิดอะไรอยู่เนี่ย” พริ้งพราวส่ายหน้าเบา ๆ ในตอนที่เธอหยุดยืนหน้าตู้ขายถุงยางอนามัย ซึ่งเป็นยี่ห้อที่บากิเคยใช้กับเธอ จู่ ๆ มันก็รู้สึกหวิว ๆ แปลก ๆ
เมื่อมาถึงหอพักของพี่สาว พริ้งพราวใช้กุญแจเปิดประตูเข้าไป ซึ่งเธอก็แอบโล่งใจเล็กน้อยที่พี่สาวไม่ได้อยู่ที่ห้อง เพราะเธอจะทำอะไรตามใจได้แบบสุด ๆ ไป
เด็กสาวกดเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำสะใจ ก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนเตียง บิดขี้เกียจไปมา ๆ หอพักของพี่สาวสะอาดและเป็นระเบียบแทบจะทุกตารางนิ้ว ภายในห้องเต็มไปด้วยหนังสือเรียนและของใช้ส่วนตัวของเธอ
เธอเริ่มมองไปรอบ ๆ และสังเกตเห็นขนมและมาม่าที่พี่สาวเก็บไว้ในตู้ เธอหยิบมาม่าออกมาจากถุงและต้มน้ำร้อนเตรียมพร้อมสำหรับมื้อที่แสนเรียบง่ายแต่จำเป็นในตอนนี้ ขณะที่รอน้ำเดือด เธอก็เปิดตู้เสื้อผ้าของพี่พิมพ์และรื้อค้นหาเสื้อผ้าที่พอจะใช้ได้ และไม่ลืมที่จะลองหยิบชุดนักศึกษาอเธน่าขึ้นมาลองสวมใส่
“อีกไม่นานฉันก็จะได้เป็นนักศึกษาของอเธน่าแล้วสินะ” เธอเดินส่องกระจกและค้นของใช้ต่าง ๆ ราวกับเป็นห้องของตัวเอง เพราะตอนที่พี่สาวเธอย้ายออกมาอยู่หอ เธอก็มักจะเข้าไปในห้องนอนของอีกฝ่ายที่บ้านและหยิบโน่นหยิบนี่มาใช้โดยไม่เคยขอก่อนแม้แต่ครั้งเดียว เพราะเธอมักจะคิดว่า เงินที่ซื้อของใช้พวกนี้ก็ล้วนแต่เป็นเงินของพ่อเธอทั้งนั้น ดังนั้นของพี่พิมพ์ก็เหมือนเป็นของของเธอเช่นกัน
“ถามจริง นี่เสื้อผ้าหรือชุดไปงานศพวะเนี่ย มีแต่สีดำ ๆ” เธอรื้อค้นตู้เสื้อไป ก่อนจะลองหยิบชุดต่างๆ มาลองทาบ
“อุ๊ย...ชุดนี้สวยจัง” เธอมองไปชุดกระโปรงใหม่เอี่ยมที่อยู่ภายในตู้ ซึ่งมันยังมีป้ายห้อยอยู่เลย
หลังจากกินมาม่าและขนมจนอิ่มท้องแล้ว พริ้งพราวก็นั่งรอเวลาที่คริสจะกลับมาที่คอนโดของเขา เธอนั่งอยู่หน้ากระจกทาครีม มาสก์หน้าต่าง ๆ เตรียมรอไว้ สำหรับค่ำคืนสุดพิเศษนี้
เธอจ้องมองตัวเองในกระจก และเกิดความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งความหวัง ความฝัน และความมั่นใจว่า ตัวเองโตมากพอที่จะทำอะไร ๆ และตัดสินใจทุกอย่างได้ด้วยตัวเองแล้ว
ชีวิตที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพ่อแม่มันไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการอีกต่อไปจริง ๆ ในเมื่อพี่สาวของเธอมีอิสระได้ ทำไมเธอถึงจะมีไม่ได้
ครืด ครืด...ครืด (เสียงโทรศัพท์)
“พี่คริส...” พริ้งพราวเบิกตาโตรีบหยิบโทรศัพท์มาดู แต่แล้วเธอก็หุบยิ้มทันทีเมื่อคนที่โทร. มาตาม คือเบอร์ของพ่อเธอ
“น่ารำคาญจริง ๆ” พริ้งพราวกดตัดสายก่อนจะกระโดดทิ้งตัวลงนอนที่เตียง และเปิดหน้าจอโทรศัพท์เล็ก ๆ ไถหน้าจอเลื่อนดูคลิปแต่งหน้า แต่งตัว ให้เข้ากับชุดนักศึกษาไปพลาง ๆ ด้วยความตื่นเต้นมาก ๆ กับสิ่งที่คริสเคยพูดวาดฝันไว้ให้เธอ
กุก กัก ๆ ๆ เสียงคนกำลังไขประตูห้อง ทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่า พี่สาวของเธอน่าจะกลับมาถึงห้องแล้วแน่ ๆ
“เซอร์ไพรส์?” พริ้งพราวหันกลับไปเอ่ยทักทายเจ้าของห้องด้วยน้ำเสียงที่ใสแจ๋ว
“ยัยพริ้ง?” พิมพ์ตะวันหรี่ตามองไปยังน้องสาวที่กำลังนั่งมาสก์หน้าด้วยโคลนสีเขียว ๆ พริ้งพราวหันมาโบกมือทักทายด้วยท่าทางหน้าระรื่น ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พิมพ์ตะวันรู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นพริ้งพราวอยู่ในห้องของเธอ “มาได้ไงเนี่ย...แล้วเรามีกุญแจห้องพี่ได้ไง?” จริงอยู่ที่พริ้งพราวเคยมาห้องของเธอ แต่เธอไม่เคยคิดว่า น้องสาวจะมีกุญแจเปิดเข้ามารอก่อนแบบนี้
พริ้งพราวเดินเข้ามาหาพี่สาวและตอบอย่างสบาย ๆ “พอดีพริ้งเข้าไปขอยืมของในห้องพี่พิมพ์น่ะ ก็เลยบังเอิญเจอกุญแจสำรอง...บวกกับคิดถึงพี่พิมพ์มาก ๆ เลยนั่งรถแท็กซี่มาหา” พริ้งพราวเข้าไปสวมกอดพี่สาวโดยไม่ได้คาดหวังว่าจะถูกต่อว่า เพราะความเป็นจริง พริ้งพราวก็มักจะเข้ามายืมเสื้อผ้าหรือของใช้ในห้องนอนของพิมพ์ตะวันอยู่บ่อย ๆ
พิมพ์ตะวันไม่ได้โกรธ แต่ก็สงสัยในความเป็นไปได้ที่น้องสาวจะมีกุญแจเข้าห้องเธอได้ขนาดนี้ เมื่อเธอวางกระเป๋าลงและถอดเสื้อช็อปออกแขวนไว้ เธอก็ถามต่อ “แล้วได้บอกคุณพ่อกับแม่รึยังว่า จะมาหาพี่?”
พริ้งพราวถอนหายใจแรงๆ “พี่พิมพ์! พริ้งอายุสิบแปดย่างสิบเก้าแล้วนะ...จะไปไหนทำอะไรไม่จำเป็นต้องรายงานพ่อกับแม่แล้วไหมอะ?” เธอเถียงกลับอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“พริ้งโตมากแล้ว พี่พิมพ์เองก็เหมือนกัน...เลิกทำเหมือนพริ้งเป็นเด็ก ๆ สักทีน่า” พริ้งพราวพูดพลางเดินสะบัดตูดเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างมาสก์ออก
ในขณะที่พริ้งพราวกำลังล้างหน้า โทรศัพท์ของเธอสั่นไม่หยุด พิมพ์ตะวันเหลือบไปเห็นชื่อคนที่โทร. เข้ามา และพบว่าคือคุณพ่อที่โทร. มาหลายสิบสายแล้ว เธอคิดว่าจะรับสายแทนเพื่อบอกว่าพริ้งพราวอยู่กับเธอ แต่ยังไม่ทันได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พริ้งพราวก็เดินเข้ามาแย่งโทรศัพท์ไป และปิดเครื่องทันที
“อย่ายุ่งกับโทรศัพท์ของพริ้ง!” พริ้งพราวเสียงดังลั่น