Sorry 02

3084 Words
ฉันก้มหน้าก้มตาเช็กสต็อกอะไหล่รถยนต์ที่ต้องสั่งพรุ่งนี้อยู่บนโต๊ะทำงาน เวลาล่วงเลยมาจนเกือบสามทุ่มครึ่ง พี่ๆช่างก็เริ่มทยอยกลับกันเกือบหมด ที่อู่นี้ปิดเวลาสามทุ่มครึ่งพอดี ฉันมานั่งคิดดูแล้วว่าถ้าจะหางานพาร์ทไทม์ทำเพิ่มมันก็ต้องเป็นงานที่ทำตั้งแต่สามสี่ทุ่มขึ้นไป แล้วที่ไหนจะเลิกดึกขนาดนั้นถ้าไม่ใช่ผับ นึกถึงผับแล้วจะให้ฉันไปทำมันก็ได้อยู่หรอกแต่ถ้ามีงานที่อื่นก็ขอเป็นตัวเลือกสุดท้ายแล้วกัน พอดีฉันเคยทำมาก่อนแล้วเวลาคนเมาๆมันก็ชอบมาลวนลามจนฉันทนไม่ไหวเอาถาดแก้วเบียร์ฟาดหน้าหงายเลย ฉันมีเรียนจันทร์ถึงพฤหัสวันละประมาณสามสี่ชั่วโมง ถึงจะบอกว่าทำงานที่อู่แบบพาร์ทไทม์ก็เถอะ แต่พี่เซนก็จ่ายให้เป็นเดือน เดือนละหมื่นอยู่ดีไม่ได้นับเป็นชั่วโมงแบบพาร์ทไทม์ทั่วไป ถือว่าเขาก็ยังใจดีอยู่น่ะนะ “เป็นไรวะ ทำไมทำหน้าเครียดๆ” เตเดินกระดกขวดน้ำเปล่าในมือเข้ามานั่งบนโซฟารับแขกข้างๆโต๊ะทำงานฉัน ”คิดเรื่องหาพาร์ทไทม์เพิ่มนี่แหละ” “เอ้า ก็ทำที่อู่แล้วไง“ “พี่เซนให้เดือนละหมื่น แต่ฉันต้องจ่ายหมื่นห้านะอย่าลืม” “เออว่ะ แล้วที่ไหนมันจะมีวะพาร์ทไทม์สามสี่ทุ่มถ้าไม่ใช่ผับ” ”นั่นดิ“ “ไม่ไปทำที่ผับหรือไง ทริปเยอะจะตาย”   “เคยทำแล้ว คนเมามันลวนลามฉันเลยเอาถาดแก้วเบียร์ฟาดหน้าคางแตกจนโดนไล่ออกมาแล้ว เอาเป็นตัวเลือกสุดท้ายแล้วกัน” ฉันบอกเตเสียงเอื่อย มันกลับหัวเราะหัวสั่นหัวคลอนกุมท้องอยู่บนโซฟา “ฮ่าๆๆๆๆ เห็นตัวบอบบางหน้าใสๆแต่ก็แสบเหมือนกันนะเนี่ย” “ขำเว่อร์ไปป่ะ” “ก็มันนึกถาพตามแล้วตลกว่ะ” “นี่เต ทำไมถึงมาทำงานที่อู่อ่ะ“ ฉันถามเสียงจริงจังขึ้นมานิดนึง เตเลยหยุดหัวเราะแล้วมองหน้าฉันอย่างสงสัย ”ว่างจากเรียนก็ไม่มีไรทำแล้วฉันก็ชอบรถพอดี มีไร” “เปล่าหรอก แค่เหมือนแกรวยเลยงงว่าจะมาทำงานที่อู่เพื่ออะไร พอบอกว่าชอบก็เลยหายสงสัย” ดูจากการแต่งตัวและท่าทางของเตไม่ต้องบอกก็รู้ว่าลูกคนมีตังค์ “เอางี้ แกก็ไปขอพี่เซนเป็นคนช่วยช่างที่สนามแข่งดิ คอยหยิบจับเครื่องมือหรือช่วยเสิร์ฟน้ำซื้อข้าวให้ไรแบบนี้ เห็นพี่เซนบ่นๆอยากหาคนคอยช่วยอยู่เพราะช่างที่สนามก็ไม่มีใครว่างเท่าไร” “สนามแข่งรถน่ะเหรอ” แค่นึกถึงก็หน้ามืดตามัวคล้ายจะเป็นลม “ทำไมทำหน้างั้นวะ ไม่ได้ให้ไปนั่งรถกับพี่เซนนะเว้ย ให้ไปช่วยช่างเฉยๆ“ ”นินทากูเหรอไอ้เต” เสียงแหบทุ้มยืนพิงขอบประตูกระจกใสที่เปิดค้างไว้ มองมาทางฉันกับเตที่กำลังคุยกัน “พี่เซนมาตอนไหนวะ” เตหันมาถามฉันเสียงเบา ”ฉันจะไปรู้ได้ไง ก็เพิ่งเห็นเหมือนกันเนี่ย”ฉันกระซิบกลับไปเสียงหนัก ”ทำงานวันเดียวสนิทกันจังเลยนะ” พี่เซนพูดน้ำเสียงเหมือนรำคาญเล็กน้อย   ”เพ้นท์มันสนิทกับพี่ในอู่ทุกคนนั่นแหล่ะพี่ เข้ากับคนง่ายฉิบหาย” เอ้า นี่เตมันจะชมหรือด่าฉันเนี่ย งงในงง ปั่กๆ “เพ้นท์มีเรื่องจะคุยกับพี่พอดีเลย ผมไปล่ะ” เตตบบ่าฉันเสียงดังแล้วเดินออกไปหน้าตาเฉย ที่ตบลงมานั่นแรงคนหรือแรงควายวะ เจ็บโว้ย “ไหน มีอะไรจะคุย“ “เอ่อ..” ฉันหันไปมองหน้าพี่เซนที่ยังคงยืนพิงกรอบประตูอยู่ที่เดิม ชั่งใจว่าจะลองขอเรื่องทำงานที่สนามแข่งรถดีหรือเปล่า แต่พี่เซนก็พูดขึ้นซะก่อน “จะไปช่วยช่างหรือไปเป็นภาระกันแน่” พูดแบบนี้เขาต้องได้ยินที่ฉันคุยกับเตแน่นอน ”เห็นงี้เพ้นท์อึดจะตาย“ “สี่ทุ่มถึงตีหนึ่งจะไหวเหรอ” “พี่เซนอย่ามาดูถูกเพ้นท์นะ“ ฉันว่าพร้อมกับเม้มปากด้วยความหงุดหงิดนิดๆ ”หึ นั่งอยู่ทำไม ตามมา” พี่เซนยิ้มมุมปากแล้วหันหลังเดินไปทางรถยนต์ของเขาที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถ ”พูดงี้พี่รับเพ้นท์เข้าทำงานแล้วใช่ปะ” ฉันรีบหยิบกระเป๋าแล้วเดินตามหลังเขาไป ”อือ” “ค่าแรงเพิ่มห้าพันนะ” ฉันย้ำค่าเงินเดือนต่อทันที ดูท่าทีแล้วเหมือนเขาจะอารมณ์ดีหน่อยๆต้องรีบพูดดักไว้ก่อนเดี๋ยวชวด ก่อนที่พี่เซนจะเปิดประตูฝั่งคนขับเขาก็หันหลังมามองหน้าฉันแล้วถอนหายใจเบาๆ   “เออๆ รีบขึ้นรถ” ฉันฉีกยิ้มกว้างให้พี่เซนทันที ถึงเขาจะหงุดหงิดง่าย อารมณ์ร้อน โหดไปนิด เถื่อนไปหน่อย แต่ก็ใจดีเหมือนกันนี่นา “ขอบคุณค่ะ”   @สนามแข่งรถXX “อ่าว นั่นมันน้องคนสวยเมื่อวานนี่” พอฉันเดินเข้ามาที่จุดเช็คสภาพรถปั้บ พี่คินก็ทักเป็นคนแรก ทำให้ทุกคนหันมามองกันอย่างพร้อมเพรียง “ยังไงวะ พี่เซนให้มาทำงานที่นี่ปะ” เตเดินมากระซิบถาม ฉันพยักหน้าแทนคำตอบแล้วเตมันก็ยิ้ม หันไปมองหน้าพี่เซนที่เพิ่งเดินเข้ามาแล้วหันกลับมามองหน้าฉันแปลกๆ ”ไอ้เซนเว้ย น้องคนนี้นี่ใครอะไรยังไงวะ“ พี่เดย์เปิดฝากระโปงรถหรูที่ใช้ในการแข่งแล้วหันมาทางพี่เซน “ไม่ยังไง พนักงานที่อู่ ชื่อเพ้นท์” พี่เซนพูดจบก็เดินมาทางฉัน ”มันใช่เหรอวะ” พี่ไนท์สไลด์มาจากใต้ท้องรถคันเดียวกับพี่เดย์พูดขึ้นบ้าง “นั่นดิ กูว่ามันยังไงๆอยู่นะ” พี่คินยังกวนไม่เลิก “พวกมึงนี่ขี้เสือกจังวะ งานมีก็ทำไป” เสียงพี่เซนแลดูหงุดหงิดขึ้นมาเลยอะ น่ากลัวจ้า ”เออ แม่งดุอย่างกับหมา” สิ้นเสียงพี่คินทุกคนก็พร้อมใจกันทำงานของตัวเองต่อ เตก็เดินไปเช็กนู่นนี่ในรถต่อไป ”ไม่มีชุดมาเปลี่ยนหรือไง” พี่เซนมองชุดนักศึกษาของฉันแล้วหันมาถาม “ไม่คิดว่าจะมาที่นี่หนิเลยไม่ได้เอามาเผื่อ” พรึ่บ! แปะ!   “พะ..พี่เซนทำไร ถอดเสื้อทำไม!” ฉันร้องเสียงหลงทันทีที่เขาถอดเสื้อยืดสีดำตัวเองออกแล้วเอามาพาดบ่าฉันไว้ สายตาไม่รักดีก็ไปสบกับซิกแพคสวยงามแน่นๆตรงหน้า แถวเอวฝั่งซ้ายของเขามีรอยสักคล้ายกับรูปมังกรยาวลงไปในกางเกงยีนขายาวของเขาอีก  เลือดกำเดาแทบพุ่ง ให้ตายเถอะ! ใจไม่ดีเลยอะ “จ้องอะไร ลามก” “พะ..พี่เอาเสื้อมาให้เพ้นท์ทำไมอ่ะ” ฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วตั้งสติที่แตกกระเจิงเงยหน้าไปมองหน้าพี่เซนแทนซิกแพคแน่นๆนั่น ”ใส่ไปก่อน พรุ่งนี้เอาชุดมาเปลี่ยนด้วย” “เอ่อ ค่ะ” ”ไอ้คินมีเสื้อยืดมั้ยวะ ยืมหน่อย” พี่เซนตะโกนถามพี่คิน ฉันเลยรีบสวมเสื้อยืดสีดำของเขา แล้วเสื้อยืดก็หลวมจนยาวไปถึงต้นขา เกือบคลุมกระโปงทรงเอที่ยาวครึ่งต้นขาเลยอะ “อยู่ในรถกู” “เฮ้ยเพ้นท์ เซ็กซี่ก็มาเว้ยเฮ้ย” เสียงตะโกนแซวของเตทำให้ทุกคนหันมามองที่ฉันจุดเดียว อะไรของไอ้เตมันวะ “วิ้ดวิ้ววว“ เสียงผิวปากแซวของพี่คินทำฉันกรอกตาไปมา “พี่คินหยุดผิวปากเหอะเหมือนเด็กแวนซ์เลยอ่ะ” “ฮ่าๆๆๆ เพ้นท์แม่งคนจริงว่ะ” พี่เดย์ปล่อยก๊ากพร้อมกับทุกคนทันที พี่คินหยุดผิวปากแล้วหันไปทำงานต่อเงียบๆ ฉันพูดแรงไปเปล่าวะ เขาโกรธแน่เลย “เอ่อ พี่คิน เพ้นท์ขอโทษ” ”พี่ไม่โกรธหรอกน่าเพ้นท์ แค่กำลังอึ้ง” พี่คินหันมาบอกยิ้มๆ “เพ้นท์!” ฉันสะดุ้งเฮือกหลังจากได้ยินเสียงตะโกนเรียกของพี่เซนที่เปิดฝากระโปรงรถเช็กสภาพเครื่องยนต์อยู่ใกล้ๆ   “คะ” ฉันรีบเดินไปยืนข้างๆเขาทันที ดีนะที่พี่เซนใส่เสื้อยืดสีขาวของพี่คินแล้ว ไม่งั้นเลือดกำเดาฉันพุ่งเพราะซิกแพคของเขาแน่ๆ ”หิวน้ำ”   “เดี๋ยวเพ้นท์ไปหยิบมาให้ แปบนะ” 10 นาทีผ่านไป “น้ำเย็นๆมาแล้วค่า“ ฉันหิ้วถุงที่ซื้อเครื่องดื่มตามที่ทุกคนสั่งมาวางไว้ที่โต๊ะว่างด้านหลัง ”มีเพ้นท์มาช่วยก็ดีเหมือนกัน แค่เช็กรถกูก็เมื่อยละถ้าต้องเดินไปซื้อของตั้งฝั่งโน้นของสนามนะกูแทบอ้วก” พี่คินกระดกกระทิงแดงที่ฉันเดินเอาไปให้แล้วบ่นไปตามเรื่องตามราว “ใช่มั้ยล๊า พี่เซนต้องขึ้นเงินเดือนให้เพ้นท์ด้วยนะเนี่ย” “ให้มันน้อยๆหน่อยไอ้ลูกหนี้” พี่เซนหันมามองแล้วยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดืม “พี่ไม่ลงแข่งรถหรือไง ทำไมดื่มเบียร์” ”วันนี้ไม่ลง” “อ้าวเหรอ” “ถามแบบนี้อยากนั่งอีกหรือไง” เตถามปากก็เคี้ยวขนมตุ้ยๆ ”ตลกละ แค่คิดยังเวียนหัวตลอดเลยเหอะ” “นั่งบ่อยๆเดี๋ยวก็ชิน” พี่เซนพูดโดยที่ยังเดินไปเดินมาเช็กสภาพรถคันที่เพิ่งลงแข่ง ”ไอ้เซนชวนนั่งรถด้วยเว้ย” พี่คินหันไปยักคิ้วดิ๊กๆกับเตสองคน “จะบอกอะไรให้นะไอ้เพ้นท์ รถพี่เซนน่ะสาวคนไหนก็ไม่เคยได้นั่งเลยนะเฮ้ยย” เตมันหันมายักคิ้วหลิ่วตาใส่ฉัน จะบอกว่าเป็นบุญตูดของฉันหรือไงที่ได้นั่งน่ะ บรื้นน บรื้นนน!   รถยนต์หรูสองคันสีแดงเพลิงและสีน้ำเงินเข้มขับเข้ามาจอดด้านใน แล้วพี่เดย์ก็ลงมาจากรถคันสีแดงส่วนพี่ไนท์ก็ลงมาจากคันสีน้ำเงินข้างๆกัน ”ไปแดกเหล้ากัน” อยู่ดีๆพี่ไนท์ก็พูดขึ้น ”อารมณ์ไหนของมึง” พี่คินถาม ”วันนี้กูชนะมันไง” พี่เดย์เฉลยแถมพ่วงมาด้วยเสียงหัวเราะสะใจเบาๆ “สัสเอ้ย! หงุดหงิดฉิบหาย” ดูท่าพี่ไนท์จะอารมณ์เสียจริงนะนั่นน่ะ ขยุ้มผมหัวเองจนยุ่งหมดแล้ว ”พวกมึงนี่เป็นเหี้ยอะไร แข่งกันเองเพื่ออะไรวะ กูก็เห็นมึงผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะตลอด” พี่คินพูดประชดประชัน “สรุปจะไปแดกมั้ยเหล้า กูเลี้ยงเอง” พอพี่ไนท์พูดจบทุกคนในที่นี้นี่รีบเก็บของอย่างเร็ว ไม่ค่อยจะเห็นแก่ของฟรีกันหรอกเนอะ   @NF bar แล้วทำไมฉันถึงต้องมานั่งจุ้มปุ๊กวงเหล้ากับพวกเขาด้วยเนี่ย ตอนนี้ทุกคนที่สนามแข่งรถมารวมตัวก้งเหล้ากันที่บาร์กึ่งผับของพี่ไนท์บนชั้นสอง บนโต๊ะตัวยาวด้านหน้าฉันมีขวดเหล้าขวดเบียร์เรียงรายกันเป็นตับ นี่ยกมาหมดบาร์ยังเนี่ย พี่เซนดันฉันให้ไปนั่งด้านในติดผนัง แล้วเขาก็นั่งลงข้างๆ ฉันชะเง้อคอมองไปด้านข้างพี่เซนก็เป็นเต พี่คินและพี่ๆช่างอีกสามคน ส่วนตรงหน้าฉันเป็นพี่เดย์ พี่ไนท์ และพี่ๆช่างอีกสี่คน ขนาดเพิ่งมานั่งได้ไม่ถึงสิบนาทีเหล้ายังหมดไปแล้วสองขวด “เพ้นท์ดื่มเหล้าป่ะ” พี่เดย์หันมาถาม ไม่ใช่ว่าไม่เคยดื่มหรือดื่มไม่ได้หรอก ออกจะคอแข็งด้วยซ้ำ เพราะยัยขวัญกับพี่เจนั้นสายปาร์ตี้ ลากฉันไปด้วยก็ตั้งบ่อยรู้ตัวอีกทีก็คอแข็งไปแล้ว แต่เนื่องจากวันนี้ฉันคือผู้หญิงเพียงคนเดียวที่อยู่ท่ามกลางชายหนุ่มหน้าตาดีทั้งหลาย เลยกะว่าจะเลี่ยงของมึนเมาเพื่อเซฟตัวเองหน่อย ”ไม่ดื่มดีกว่าค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับฉีกยิ้มไปให้พี่เดย์ “เอาน่า นิดนึง” พี่เดย์รินเหล้าสีอำพันผสมกับโซดายื่นมาให้ฉัน เอ้า แล้วเขาจะถามฉันเพื่อไรเนี่ย จะไม่หยิบก็เดี๋ยวจะเป็นการเสียมารยาทเลยหยิบมาจิบไปอึกนึง ”เนี่ย มาก้งเหล้ามันก็ต้องดื่มเหล้าสิวะ เอ้าชนนนน” เสียงคึกคักจากเตทำให้ทุกคนยกแก้วขึ้นชน ”หมดแก้วเว้ย!” พี่คินตะโกนเสียงดังแข่งกับเพลงคลอเบาๆ แล้วฉันก็บ้าจี้กระดกหมดแก้วไปด้วยเลยไง ”เมายัง” คนข้างๆหันมาถาม ”แค่นี้จิ๊บๆน่าพี่เซน” ฉันฉีกยิ้ม ชูนิ้วโป้งไปให้เขาแล้วหันมารับแก้วที่พี่เดย์เอาไปเติมให้มายกดื่มจนหมด พอได้ดื่มแล้วมันก็จะหยุดยากแบบนี้นี่แหละ ”ไหนขอเสียงสาวสวยหนึ่งเดียวหน่อยเร้ววว” เสียงเตปรบมือเชียร์ “ฮิ้วววว” ฉันได้ทีส่งเสียงฮิ้วไปให้ ตั้งโต๊ะหัวเราะไปตามๆกัน ”ฮ่าๆๆ เมาแล้วเหรอวะเพ้นท์” พี่โอช่างในสนามแข่งเอ่ยถาม “ยังเลยค่ะพี่โอ ปกติๆ” ฉันทำมือโอเคส่งไปให้ “หึ“ เสียงพี่เซนหัวเราะทำให้ฉันต้องหันไปมองชัดๆ เวลาเขายิ้มมันดูอบอุ่นแปลกๆอ่ะ ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก แล้วทำไมใจฉันต้องเต้นแรงแข่งกับเสียงดนตรีด้วยก็ไม่รู้ พอสติหลุดฉันเลยยกแก้วเหล้าดื่มอึกๆจนหมดอีกแก้ว พี่เดย์เติมให้ใหม่ก็กระดกจนหมดอีก แต่เสียงหัวใจมันก็ยังเต้นแรงอยู่เลย ใจไม่ดีเลยเว้ย ”ไปเข้าห้องน้ำแปบนะ” ฉันหันไปสะกิดแขนพี่เซนที่กำลังคุยกับพี่คินและเตแล้วกระซิบข้างหูเขาแข่งกับเสียงเพลงดังๆ ”ให้ไปด้วยมั้ย” พี่เซนหันมากระซิบบอก ฉันสายหน้าเป็นคำตอบ พี่เซนเลยพยักหน้าเข้าใจ   หลังจากทำธุระเสร็จ ฉันก็มายืนมองดูตัวเองในกระจกตรงอ่างล้างมือภายในห้องน้ำ หน้าฉันเริ่มแดงหน่อยๆ สายตาเห็นเสื้อยืดสีดำของพี่เซนหัวใจก็เต้นแรงอีกครั้ง ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก “อะไรวะเนี่ย หรือจะเมา” ฉันส่ายหน้าไปมา ก็ไม่เมาเท่าไรหนิ ฉี่ออกมันก็หายไปเยอะ แค่ตึงๆเอง พอตั้งสติได้ก็เดินออกจากห้องน้ำแต่ก็ต้องตกใจที่เห็นพี่เซนกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่แถวหน้าห้องน้ำหญิง เขาหันมาเจอฉันแล้วทิ้งบุหรี่ที่หมดไปยังไม่ถึงครึ่งทิ้ง ”พี่มาทำไมอะ” “มาสูบบุหรี่ไง” ฉันขมวดคิ้วมองไปทางบุหรี่ที่พี่เซนเพิ่งทิ้งไป ดูก็รู้ว่ามันเพิ่งถูกจุด “แล้วพี่ทิ้งทำไม เพิ่งจุดไม่ใช่เหรอ” “ไม่อยากสูบแล้ว เดินไปดิ” เขาตอบแล้วบุ่ยหน้าให้ฉันเดินไปก่อน ฉันเลยต้องเดินนำเขามา ผลั่ก! “ขอโทษครับ” ผู้ชายร่างสูงที่เพิ่งเดินมาชนไหล่ฉันพูดขึ้น แรงชนไม่ได้แรงมากเลยไม่รู้สึกเจ็บอะไร ”ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันหันไปบอกยิ้มๆ “ชื่ออะไรเหรอครับ” ผู้ชายคนเดิมยังคงไม่ขยับไปไหน หืออ?! อยู่ๆก็ถามชื่อชักจะแปลกๆ ฉันเลยเงยหน้าไปมองเขาชัดๆอีกที รูปร่างสูงสมส่วน ผิวขาวจัด หน้าตาดีหนุ่มตี๋อีกต่างหาก “ทำไมเหรอคะ” “คืออยากรู้จักน่ะ ผมชื่อไปร์นะ” ฉันยังไม่ทันตอบ เขาก็แนะนำตัวเสร็จสรรพ “พะ..” หมับ! ยังไม่ทันได้พูดชื่อตัวเองด้วยซ้ำ แขนแข็งแรงก็คว้าเอวฉันไปโอบโดยที่แผ่นหลังฉันชนกับแผงอกกำยำ ฉันนิ่งไปสักพักแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองพี่เซน เห็นแต่ปลายคางของเขาแต่กลับรับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่างจนขนลุก รังสีทะมึนแบบนี้เขาโมโหอยู่แน่ๆเลย “กูเซน“ พี่เซนบอกชื่อตัวเองแล้วจ้องหน้าผู้ชายที่ชื่อไปร์ไม่วางตา สายตาอย่างกับจะฆ่าเขางั้นแหละ “เอ่อ ขอ..ขอตัวก่อนนะครับ” ไปร์หันมายิ้มให้ฉันแล้วรีบเดินไปอีกทางทันที “พี่เซน แน่นไปแล้ว” ฉันพยายามแกะแขนพี่เซนออก แต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อย “เห็นเดินเซๆ คิดว่าเมาเลยช่วยพยุง” “ไม่ได้เมาสักหน่อย แค่ตึงๆ“ ฉันเงยหน้าไปบอกเขา พี่เซนก้มหน้าลงมาพอดี เราเลยสบตากันโดยบังเอิญ ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่นาที รู้เพียงว่าตอนนี้หน้าของพี่เซนใกล้ฉันมากจนปลายจมูกเราชนกัน เขาจับไหล่ฉันทั้งสองข้างให้หันไปหา ลมหายใจอุ่นร้อนผสมกลิ่นบุหรี่และเหล้าตีกันไปหมดจนฉันมึน สัมผัสอุ่นร้อนทาบทับลงมาที่ริมฝีปากฉัน พี่เซนหยุดนิ่งไปสักพักเหมือนกำลังหยั่งเชิงว่าฉันจะปฏิเสธหรือเปล่า แต่ฉันกลับกำเสื้อตรงอกเขาไว้แน่น พี่เซนเลยกดริมฝีปากลงมาแนบแน่นกว่าเดิม “อื้ม” ฉันไม่ได้มีประสบการณ์อะไรมากมายกับเรื่องแบบนี้นัก เหมือนพี่เซนจะรู้ เขาผละริมฝีปากแล้วจูบลงมาใหม่ให้ฉันได้พักหายใจหายคอ ครั้งนี้พี่เซนดันลิ้นเข้ามาแล้วหยอกลิ้นเล็กของฉัน   กึก! เสียงเหมือนมีคนเดินมาทางนี้ฉันจึงหยุดนิ่งพร้อมกับพี่เซนผละริมฝีปากออก ที่ที่เรายืนอยู่เป็นมุมเล็กๆ ตรงทางเลี้ยวไปห้องน้ำหญิงซึ่งเงียบอยู่เหมือนกันเพราะเป็นห้องน้ำวีไอพีชั้นสอง เหนือสิ่งอื่นใดตอนนี้ฉันไม่กล้าเงยหน้าไปมองพี่เซนเลยอ่ะ อายมากหน้าร้อนไปหมดจนคิดว่ามีใครเอาน้ำร้อนมาสาด ไอ้หัวใจบ้านี่ก็เต้นแรงอีกแล้วอ่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD