ในห้องรับรองส่วนตัวบนชั้นสามของโรงน้ำชาสกุลฉู่ หยวนไป๋เยี่ยนนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่มุมของตนเองอย่างขะมักเขม้น ในขณะเดียวกันฉู่อวี่หนิงก็กำลังนั่งปักผ้าเป็นลวดลายดอกไม้ที่สวยงามลงบนผ้าไหมสีขาวที่เงางามราวกับไข่มุก โดยที่มีฉากกั้นไม่ให้รบกวนสมาธิของบัณฑิตผู้เคร่งตำรา
ในระหว่างนั้นในห้องเต็มไปด้วยความเงียบสงบ หยวนไป๋เยี่ยนอ่านตำราจบไปแล้วหนึ่งม้วนจึงยืดตัวขึ้นเพื่อที่จะคลายความเมื่อยล้า เดินจากจุดที่นั่งมารินน้ำชาก็เห็นว่าหญิงคู่หมายก็กำลังปักเย็บผ้าอยู่อย่างตั้งใจ
ความหิวทำให้รู้สึกได้ว่าเวลานั้นผ่านมานานพอสมควรแล้วแต่นางก็ยังไม่ลุกขึ้นไปจัดหาสำรับอาหารมาให้
เมื่อรู้สึกได้ว่ากำลังถูกมองฉู่อวี่หนิงจึงเงยหน้าขึ้น เห็นว่าเป็นเขาก็ไม่ได้สนใจกล่าวถามอันใดแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานของตนเองต่อ
“ข้าหิวแล้ว” เมื่อนางไม่กล่าวถามจึงต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากด้วยตนเอง
ฉู่อวี่หนิงเงยหน้าขึ้นอีกครั้งนึกได้ว่าตอนนี้ก็เลยเวลาอาหารมานานพอสมควรแล้วจึงได้วางสะดึงปักผ้าลงแล้วลุกขึ้น แต่ด้วยการที่นั่งนานไปหน่อยทำให้เซเล็กน้อยใช้มือค้ำไว้ที่โต๊ะไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากบัณฑิตหนุ่มที่ยื่นมือเข้ามาจะช่วยประคองตามสัญชาตญาณ
“เจ้าเป็นอะไร ให้ข้าช่วยหรือไม่”
“ข้าคงนั่งนานไปหน่อย คุณชายหยวนโปรดรอสักครู่ข้าจะลงไปสั่งให้คนจัดอาหารขึ้นมา ท้องอิ่มแล้วจึงจะอ่านหนังสือต่อได้ หากไม่อิ่มท้องจะมีแรงอ่านหนังสือได้อย่างไร”
หยวนไป๋เยี่ยนพยักหน้ารับ แน่นอนอยู่แล้วก็เขาเป็นคนบอกเองว่ากำลังหิว หากไม่พูดนางก็ไม่คิดจะถามไถ่ ไม่ใส่ใจเอาเสียเลย หากแต่งงานกันไปไม่ใช่ว่านางจะละเลยสามีเช่นเขาหรือ
พอคิดถึงตอนนี้ก็นึกถึงที่เคยบอกมารดาไปว่าไม่ชอบให้สตรีมาเอาอกเอาใจ ในเมื่อตนต้องการแบบนี้เอง สุดท้ายจะต้องมาเจอสตรีที่ไม่ใส่ใจจนเข้าก็เปลี่ยนความคิดว่าเอาใจเสียหน่อยก็ไม่เสียหาย
ฉู่อวี่หนิงเดินลงไปสักพักก็กลับขึ้นมา จากนั้นก็มานั่งดูผลงานปักผ้าของอย่างชื่นชม หากเป็นชาติที่แล้วในวัยนี้ฝีมือการตัดเย็บของนางยังไม่ค่อยเข้าที่นัก แต่ตอนนี้นางปักออกมาได้อย่างประณีตสวยงามไม่ต้องขอพรดาวจือหนี่ว์ของสาวทอผ้าฝีมือการปักของนางก็งดงามมากแล้ว
“เจ้ากำลังทำอะไร ผ้าเช็ดหน้าหรือ”
“ข้าปักผ้าแล้วจะเย็บทำถุงหอม ไม่ใช่แค่ท่านผู้เดียวที่จะมีของแทนใจให้ข้าในวันนี้เสียเมื่อไหร่”
“ทำถุงหอมให้ข้าหรือ” บัณฑิตหนุ่มถามพลางเลิกคิ้วสูง
“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นท่านแม่ของข้าก็คงจะตำหนิไม่ต่างกับท่านแม่ของท่านหรอก” นางกล่าวขึ้นสื่อความหมายว่าไม่ได้ตั้งใจจะให้เขาด้วยตนเองเช่นกันกับที่เขาเองก็ไม่ได้เต็มใจให้ของขวัญนาง
เมื่อรู้เจตนาแล้วจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ มองดูนางลงเข็มปักผ้าก็รู้สึกถึงความตั้งใจจริง แม้นางจะบอกว่าเป็นคำสั่งของฉู่ฮูหยินก็ตามที
สักพักอาหารก็ถูกยกขึ้นมาให้ อาไฉ่ที่อยู่หน้าห้องช่วยจัดแจงยกเข้ามา เสี่ยวชิ่งที่เพิ่งกลับมาถึงจึงเข้ามาช่วยจัดสำรับให้คุณหนูของตนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขและอิ่มเอมใจ ที่แขนของนางมีเชือกถักห้อยด้วยไข่มุกเม็ดเล็กหนึ่งเม็ดดูแล้วน่าจะเป็นของแทนใจจากหวังลู่
ทั้งสองลงมือรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ ฉู่อวี่หนิงคีบอาหารที่เขายังไม่ได้คีบก่อนไปใส่ถ้วยข้าวไม่ได้สนใจรอให้เขาที่อายุมากกว่าแตะตะเกียบลงเพื่อกินก่อน
“ไม่รอให้ข้าแตะตะเกียบก่อนเจ้าค่อยกินหรือ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ปกติไม่ได้แสดงความไม่พอใจ หากแต่ถามเหมือนสงสัยเสียมากกว่า
“บ้านข้าไม่เคร่งเรื่องกินก่อนหลัง อีกอย่างท่านก็ยังไม่ใช่สามีของข้า อายุก็ไม่ใช่ว่าจะมากกว่ากันเสียเท่าไร เรื่องแบบนี้ท่านถือด้วยหรือ” นางถามพร้อมกับแววตาที่จ้องมองด้วยความเฉยชาและไม่รู้สึกผิด
ธรรมเนียมให้ผู้ใหญ่แตะตะเกียบที่อาหารก่อนแล้วจึงให้ผู้น้อยกินอาหารจานนั้นได้เป็นกฎเกณฑ์ของคนชั้นสูงและครอบครัวเก่าแก่บางครอบครัวเท่านั้น ไม่คิดว่าเขาก็จะเคร่งเรื่องนี้ด้วย
“ข้าก็แค่ถามดูไม่ได้เคร่งครัดอย่างที่เจ้าคิด” พูดจบก็คีบอาหารใส่ถ้วยข้าวของตนบ้าง จะกินข้าวยังต้องมีพิธีการแล้วชีวิตจะไม่มีความสุขได้อย่างไร
หลังจากที่สำรับอาหารถูกเก็บไปแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกลับเข้ามุมของตนเอง หยวนไป๋เยี่ยนอ่านตำราม้วนต่อไปอย่างตั้งใจ
ฉู่อวี่หนิงกับเสี่ยวชิ่งก็นั่งช่วยกันปักผ้าและเตรียมเครื่องหอมอย่างเงียบ ๆ ไม่พูดคุยกันรบกวนสมาธิเขา แม้นางอยากพูดหยอกเย้าถามเสี่ยวชิ่งเรื่องสร้อยข้อมือถักชิ้นนั้นจะแย่ แต่ก็ต้องอดทนเอาไว้ก่อน
ในที่สุดผ้าไหมที่นางปักลวดลายก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจ จึงทำการแกะสะดึงออกมาแล้วสำรวจดูรายละเอียดของลายปักนั้น เสี่ยวชิ่งมองอย่างชื่นชมกำลังจะอ้าปากชมคุณหนูของตนด้วยความเคยชินแต่ก็ถูกคุณหนูใหญ่ฉู่ส่งสัญญาณให้เงียบเอาไว้
นางวางผ้าลงแล้วใช้กรรไกรตัดให้เป็นรูปร่างแล้วเย็บผ้าเข้าด้วยกันให้กลายเป็นถุงของถุงหอม เย็บเก็บขอบถุงด้วยการปักเย็บที่ประณีต
เสี่ยวชิ่งรู้สึกประหลาดใจกับฝีมือที่ก้าวหน้าของนาง เชือกที่จะใช้รัดทำเป็นหูรูดก็ถูกถักทออย่างตั้งใจ ร้อยเชือกเข้าไปแล้วนำเครื่องหอมที่เตรียมไว้ใส่เข้าไปในนั้นแล้วมัดปิดปากถุง
ฉู่อวี่หนิงทำถุงหอมอย่างตั้งใจแม้ว่าจะไม่ได้รักใคร่ชอบพอ แต่ชาตินี้จะไม่ให้ใครมาพูดดูถูกฝีมืออย่างชาติก่อน
ตอนนั้นนางปักเย็บถุงหอมให้หลี่โม่เทียนด้วยความตั้งใจฝีมือ แม้จะไม่ได้ประณีตแต่ก็ถือว่าสวยงามใช้ได้ในระดับหนึ่ง หลี่โม่เทียนรับไปด้วยความดีอกดีใจ บางครั้งยังเอาถุงหอมนั้นมาพกติดตัวเอาไว้ให้นางรู้สึกภูมิใจ
แต่ก็ได้ยินคนอื่นต่อว่าฝีมือนางนั้นไม่ประณีตสวยงาม ในตอนนั้นเขาก็ออกรับแทนและบอกว่าเป็นถุงหอมที่สวยงามที่สุดสำหรับเขา นางที่ได้ยินก็ทั้งรักทั้งหลงใหลจนยอมทุกอย่างเพื่อทำให้นายกองหลี่เลื่อนยศให้ทัดเทียมเพื่อให้เขากล้ามาสู่ขอนางตามที่เขาออกอุบายไว้
หลังจากนั้นไม่นานนางก็ไม่เคยพบเจอถุงหอมนั้นอีก พอถามนายกองหลี่ก็ตอบว่าทำหายและทำหน้าเสียอกเสียใจกับของแทนใจชิ้นแรกที่นางมอบให้ มานึกย้อนดูแล้วหากเขาชอบและเก็บรักษาเป็นอย่างดีคงไม่ทำหาย
ไม่แน่ว่าอาจจะโยนทิ้งไปด้วยตนเองก็เป็นได้ เพราะหากทำหายจริงเหตุใดจึงไม่บอกนางตั้งแต่แรก รอจนนางสังเกตเห็นและถามเขาด้วยตนเอง
เขาบอกว่าทำหายนางก็เชื่อ เสนอจะทำให้ใหม่ก็บอกว่ากลัวนางเหนื่อยและไม่อยากเสียใจหากทำหายซ้ำ คิดแล้วก็ช่างสมเพชตนเองในตอนนั้นเสียเต็มทนที่เชื่อคำพูดนั้นเสียทุกอย่าง
หลังจากที่ทำถุงหอมเรียบร้อยแล้วและเก็บรายละเอียดจนไม่มีข้อบกพร่องก็เตรียมที่จะส่งมอบให้หยวนไป๋เยี่ยน
ในระหว่างนั้นรู้ว่าเขากำลังอ่านตำราอยู่นางจึงไม่ได้รบกวน วางแขนเท้าบนโต๊ะแล้วฟุบหลับลงไปเพื่อที่จะรอให้เขาอ่านตำราจนจบ
เสี่ยวชิ่งเองก็นั่งพับเพียบที่พื้นอยู่ข้างคุณหนูของตนแล้วฟุบหลับบนตักของคุณหนูไปเช่นกัน
************************