ตอนที่ 5 สวรรค์ขีดชะตา

1464 Words
คิดว่าหลีกเลี่ยงการแต่งงานกับหลี่โม่เทียนได้แล้วชีวิตจะสงบสุข และเขาก็จะพบกับโชคชะตาที่ย่ำอยู่กับที่ เป็นเพียงนายกองทหารที่ไม่ได้มีอำนาจอะไร แต่ไม่คิดเลยว่าเมื่อพลาดจากการเป็นเขยสกุลฉู่ หลี่โม่เทียนก็ยังดิ้นรนหาวิธีแต่งงานกับบุตรีของเศรษฐีต่างเมือง ผ่านมาเกือบเดือนหลังจากที่เกิดเรื่องก็ได้ข่าวว่าเขาเข้าไปช่วยเหลือสกุลจางจากโจรป่า จางเยี่ยนฟางและบิดามาติดต่อค้าขายที่เมืองหนานอัน ขณะที่จะกลับไปยังเสียนเป่ย ก็ถูกดักปล้นระหว่างทางที่ผ่านชายป่าระหว่างสองเมือง นางถูกฉุดคร่าจากโจรป่า หลี่โม่เทียนที่บังเอิญผ่านไปสามารถช่วยชีวิตคหบดีจางและช่วยเหลือจางเยี่ยนฟางได้ทันท่วงที แผนการเดียวกันกับที่ใช้กับนางไม่มีผิดเพี้ยน หลังจากนี้คุณหนูจางผู้นั้นต้องรับชะตากรรมแทนตน หลี่โม่เทียนก็จะได้รับการสนับสนุนให้ก้าวสู่ตำแหน่งรองแม่ทัพ และสังหารแม่ทัพฝ่ายตรงข้ามสร้างผลงานอีกครั้งและกลับมาพร้อมกับลูกสาวเจ้าเมืองแคว้นหาน ทุกอย่างจะวนเวียนกลับมาเช่นเดิม แล้วยังข่าวร้ายเมื่อหลายวันก่อน เมื่ออาเหมาคนสนิทของบิดาเดินทางนำสินค้าไปส่งที่ต่างเมืองพร้อมกับบ่าวรับใช้อีกสอง คนทั้งสามถูกสังหารจากโจรป่าตอนที่เดินทางกลับ และทั้งหมดก็เป็นคนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ที่หลี่โม่เทียนให้คนมาปลอมตัวเป็นโจรแล้วปล้นฆ่าในชาติที่แล้ว “ข้าเปลี่ยนชะตาไม่ให้แต่งงานกับเขาได้แล้ว แต่การเปลี่ยนชะตาของข้า ก็ยังไม่สามารถทำให้ชะตา ของหลี่โม่เทียนเปลี่ยนตามไปด้วย หรือว่าข้าไม่สามารถฝึกลิขิตของสวรรค์ได้ สุดท้ายคนเลวก็จะได้ดีเช่นนั้นหรือ” ริมฝีปากสีลูกท้อพึมพำออกมาพร้อมกับมือที่กำแน่นจนปลายเล็บจิกกลางฝ่ามือ อาเหมาและบ่าวสองคนถูกสังหาร หลี่โม่เทียนกำลังจะได้เป็นเขยของคหบดีที่ร่ำรวย นางไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาได้จริงหรือ แล้วเช่นนั้นสวรรค์ส่งนางกลับมาในร่างเดิมเมื่อสี่ปีที่แล้วด้วยเหตุใด หรือทุกอย่างเป็นเพียงเหตุบังเอิญเท่านั้น “พี่ใหญ่” เสียงของฉู่ฉือหมิง น้องชายคนเล็กที่ห่างกันสิบปีวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับน้องชายคนรอง ใบหน้าที่เคร่งเครียดพลันเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานแล้วอ้าแขนรับเจ้าตัวแสบเข้ามาสวมกอด “เกิดอะไรขึ้น เสี่ยวฉือเป็นอะไรไป” ผู้เป็นพี่สาวกล่าวถามน้องชายคนเล็กด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เดาไม่ผิดคงเกี่ยวกับชิงช้าในสวนที่บิดาสั่งทำให้ “พี่สามไม่ยอมให้ข้าเล่นชิงช้าด้วย พี่รองก็ยังช่วยพูดไม่ได้ พี่ใหญ่ช่วยอบรมน้องสามของท่านให้ข้าที” เสียงเล็ก ๆ นั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว” คาดเดาเอาไว้ไม่ผิด ชาติที่แล้วก็เรื่องนี้ แต่จำได้ว่าเพราะฉู่ฉือหมิงเล่นไม่ยอมให้ฉู่จื่อซานได้ผลัดเล่นก่อน เขาจึงเอาคืนก็เท่านั้น “พี่ใหญ่ จริง ๆ แล้ว...” ฉู่ลิ่วเสียนในวัยสิบสองกำลังจะบอกถึงความจริงที่เกิดขึ้น แต่นางส่ายหน้าส่งสัญญาณเอาไว้ก่อน “ข้าจะลงโทษให้เสี่ยวซานคัดลายมือสักสิบม้วนตำรา และโบยอีกสิบที ลงโทษแบบนี้เจ้าว่าดีหรือไม่” ประโยคนั้นทำให้คุณชายสี่ตัวน้อยทำหน้าสลดลงไปแล้วส่ายศีรษะ “แบบนั้นใจร้ายเกินไป ท่านแค่ดุเขาก็พอ” “แต่เสี่ยวซานทำกับเจ้าเช่นนี้ก็ใจร้าย เจ้าไม่ต้องการเอาคืนจริง ๆ หรือ” น้ำเสียงอ่อนโยนนั้นถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นให้อีกฝ่ายได้คิดด้วยตนเอง “พี่สามไม่ผิด จริง ๆ เป็นข้าที่แกล้งเขาก่อน” น้ำเสียงนั้นอ่อนลง ก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด ไม่อยากให้พี่ชายโดนลงโทษรุนแรงขนาดนั้น “รู้ตัวว่าผิดก็กลับไปขอโทษพี่สามของเจ้าเสีย แล้วต่อไปก็จงปรองดองรักใคร่กัน พวกเราเป็นพี่น้องกันต้องรักใคร่และช่วยเหลือกัน ไม่ใช่ทำร้ายกันเอง” ประโยคนั้นฉู่จื่อซานเดินเข้ามาได้ยินพอดี เขาเดินเข้ามาเพื่อที่จะตามมาแก้ตัว แต่เมื่อได้ยินพี่สาวกล่าวเช่นนั้นก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เมื่อเสี่ยวฉือเห็นเสี่ยวซานพลันก็รู้สึกผิดรีบขอโทษทันทีด้วยความจริงใจ ก่อนจะชักชวนกันออกไปเล่นต่อ “พี่ใหญ่ ท่านดูต่างออกไป พอปักปิ่นเสร็จก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก อบรมจนเสี่ยวฉือสำนึกความผิดเองได้ พิธีนี้ช่างศักดิ์สิทธิ์นัก” “เจ้ารองพูดเกินไปแล้ว วันนี้ว่างหรือถึงได้ไปเล่นกับสองคนนั้น ด้วยวัยของเจ้าเวลานี้ควรศึกษาเล่าเรียนตำราอยู่ในห้อง” “คนเราย่อมต้องผ่อนคลายกันบ้าง ท่านอย่าได้จับผิดข้าเลย ข้า.. ข้าเดินเล่นผ่อนคลายเสร็จแล้วจะไปอ่านตำราเดี๋ยวนี้” พูดจบก็รีบเดินกลับออกไป รู้สึกถึงความเอาจริงเอาจังของพี่สาวจนเกรงจะถูกลงโทษ เรือนนี้เป็นอะไรไป ให้ความสำคัญกับบุตรีมากกว่าบุตรชายอย่างพวกตนต่างจากบ้านอื่น มารดาแม้ให้เกียรติบิดาต่อหน้าผู้อื่น ลับหลังบิดากลับเชื่อฟังนาง เรียกได้ว่าเพศหญิงเป็นใหญ่ในเรือนไปแล้ว เมื่อเหล่าคุณชายฉู่น้อยออกไปจากห้องแล้ว ใบหน้าของพี่สาวผู้อ่อนโยนก็พลันเปลี่ยนเป็นกลัดกลุ้ม หากอาเหมาและบ่าวอีกสองชะตาถึงฆาตอย่างชาติที่แล้ว และหลี่โม่เทียนได้แต่งงานกับคุณหนูที่ร่ำรวย ชะตาของนางในอีกสี่ปีข้างหน้าก็ย่อมต้องเป็นไปตามลิขิต หรือสวรรค์ไม่ได้ส่งให้นางมาใช้ชีวิตใหม่ แต่ให้โอกาสนางแค่กลับมายังจุดเริ่มต้นเพื่อแก้ไขอะไรบางอย่าง แต่จะแก้ไขสิ่งใดเหล่าในเมื่อไม่สามารถเปลี่ยนชะตาได้ทั้งหมด “หากต้องเหลือเวลาอีกเพียงสี่ปีจริง ๆ เช่นนั้นข้าจะไม่ยอมตายคนเดียว ในเมื่อชะตาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ข้าก็จะทำให้เจ้าต้องตายไปตามกัน” เสียงพึมพำลอดไรฟันนั้นเต็มไปด้วยแรงแค้น แม้ในใจจะหวาดหวั่นว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายกับตนในอีกสี่ปีข้างหน้า แต่ก็ยังภาวนาให้ตนสามารถเปลี่ยนแปลงชะตา รักษาชีวิตของตนและเสี่ยวชิ่งเอาไว้ได้ เสี่ยวชิ่งกับสาวใช้อีกคนเดินเข้ามาพร้อมขนมและป้านน้ำชา ใบหน้านั้นก็สงบลงอีกครั้ง มองหน้าเสี่ยวชิ่งแล้วก็นึกเห็นภาพตอนที่นางถูกเขาสังหาร ยิ่งรู้สึกคับแค้นอยู่ในอก หรือว่านางจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ทั้งหมด “วันนี้ใช้ปิ่นไม้หรือเจ้าคะ เหตุใดคุณหนูไม่ปักปิ่นทองของตน” “อยู่แต่ในเรือนไม่ได้ออกไปไหน ไม่รู้จะใส่ไปอวดใคร อีกอย่างข้าก็กลัวว่าจะหล่นหาย ใช้ปิ่นไม้ก็พอแล้ว” พูดจบพลันก็นึกอะไรบางอย่างออก ‘จริงสิ ตอนนั้นเพราะแผนการของนายกองหลี่ ข้าจึงต้องถอนหมั้นเพื่อแต่งงานกับเขา มารู้ภายหลังว่าเป็นปิ่นของบัณฑิตหยวน ภายหลังบัณฑิตหยวนผู้นี้สอบได้จอหงวนในปีที่ข้าแต่งงานกับหลี่โม่เทียน และ สองปีให้หลังก็ได้รับความไว้วางพระทัยจนก้าวขึ้นมาเป็นเสนาบดีฝ่ายซ้าย เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ หากตอนนั้นไม่ใช่เพราะหลี่โม่เทียน ข้าก็คงกลายเป็น ฮูหยินแห่งจวนเสนาบดีหยวนไปแล้ว’ นางทบทวนความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของปิ่นปักผมชิ้นนี้ ได้ยินข่าวว่าครองตัวเป็นโสด มีข่าวลือเกี่ยวกับความเย็นชาที่มีต่อสตรี เป็นเสนาบดีที่ไร้หัวใจ มุ่งมั่นสร้างแต่ผลงานไม่สนใจความรัก “คุณหนูเป็นอะไรเจ้าคะ” เสี่ยวชิ่งถามเมื่อเห็นว่ามือเรียวเล็กนั้นเอื้อมไปจับที่ปิ่นปักผมไม้ แล้วแววตาก็เหม่อลอยอย่างคนที่กำลังครุ่นคิด “ข้าแค่คิดว่าอยากปักปิ่นทองดูบ้าง” รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยแผนการก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก ชาติก่อนพลาดการแต่งงานกับบุคคลคนนี้ไป ชาตินี้จะขอชดเชยและใช้ประโยชน์จากการเป็นภรรยาของว่าที่เสนาบดีผู้ยิ่งใหญ่ พึ่งพาอำนาจของเขาเพื่อใช้ในการเอาคืนหลี่โม่เทียนอย่างสาสม ************************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD