หลังจากที่ตกลงกันเรียบร้อยแล้วของหมั้นก็ได้ถูกส่งมาที่สกุลฉู่เพื่อทำการหมั้นหมายอย่างเป็นทางการ แม่สื่อที่มาส่งสินหมั้นนั้นได้นำความของทั้งสองฝ่ายมาพูดคุย เจ้าบ่าวเจ้าสาวต่างก็เห็นด้วยที่จะให้มีการแต่งงานเกิดขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า
หลังจากรับของหมั้นไว้แล้ว ข่าวลือเกี่ยวกับงานหมั้นของสองตระกูลใหญ่ก็ถูกแพร่ออกไปให้ผู้คนรับรู้
คุณหนูใหญ่ฉู่บุตรีคหบดีที่ร่ำรวยและคุณชายใหญ่หยวนบุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูลหยวนแห่งสำนักคุ้มกันสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นฉี ทั้งคู่เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก
แม้ว่าการหมั้นอย่างเป็นทางการผ่านมาก็ได้เดือนกว่าแล้ว แต่ก็มีคนจับสังเกตว่าหนุ่มสาวสองตระกูลไม่เคยไปมาหาสู่กันมาก่อน แม้กระทั่งมีการหมั้นหมายเรียบร้อยแล้วคุณชายหยวนก็ไม่มาเยี่ยมเยียนคู่หมั้นหมายของตน ต่างจากคู่รักที่ไปมาหาสู่กันอยู่เป็นอาจิณ
ทว่าการจับคลุมถุงชนเป็นเรื่องที่พบเจอได้ทั่วไปไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก เพียงแต่การเกี่ยวดองกันของสองตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวยเป็นที่สนใจของหลายคนก็เท่านั้น
“คุณหนู พรุ่งนี้เทศกาลซีซี คุณหนูของข้าจะอยู่แต่ในบ้านหรือเจ้าคะ”
“เทศกาลซีซีแล้วอย่างไรเล่า เหตุใดจะต้องตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น” ฉู่อวี่หนิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ตื่นเต้นกับเทศกาลนี้ ชาติก่อนหลี่โม่เทียนพานางไปซื้อของแทนใจ คิดแล้วก็น่าสะอิดสะเอียนนัก
“เทศกาลซีซีเป็นวันที่หนุ่มสาวต่างก็แสดงความรักต่อกัน ท่านยังชื่นชอบตำนานรักของหนุ่มเลี้ยงวัวนามหนิวหลาง และจือหนี่ว์สาวทอผ้าที่เป็นนางฟ้าจากบนสวรรค์ เทศกาลนี้จัดขึ้นมาเพื่อแสดงถึงความรักของทั้งคู่ ไม่ใช่ว่าท่านรอคอยให้ถึงเทศกาลนี้ในปีที่ปักปิ่นครั้งแรกหรือเจ้าคะ”
“โธ่เอ๋ย เสี่ยวชิ่ง ตั้งแต่ที่ส่งของหมั้นมาเจ้าเคยเห็นบัณฑิตหยวนผู้นั้นเหยียบมาที่บ้านสกุลฉู่อีกหรือไม่ เจ้าหนอนหนังสือผู้นั้นคงกำลังอ่านตำราเตรียมตัวสอบจอหงวน ไม่มีเวลามาสนใจเทศกาลความรักอะไรเช่นนี้หรอก”
“แต่ถึงอย่างนั้นพรุ่งนี้ก็เป็นเทศกาลสำหรับหนุ่มสาว หากคุณชายหยวนไม่มาคุณหนูก็จะไม่ไปเยี่ยมเยียนเขาสักหน่อยเลยหรือ” เสี่ยวชิ่งพยายามพูดหว่านล้อม
“เดิมทีเป็นวันที่ต้องรำลึกถึงจือหนี่ว์ กราบไหว้ขอพรให้งานเย็บปักถักร้อยมีความประณีตสวยงามยิ่ง ขึ้น ข้าอยู่ที่บ้านกราบไหว้ดาวจือหนี่ว์ยังจะดีเสียกว่า แต่ถ้าเจ้าอยากออกไปก็ไปได้ ไม่ใช่ว่าเจ้ากับลูกชายหลงจู๊ร้านน้ำชาของเราชอบพอกันหรอกหรือ” เมื่อถูกจับได้ใบหน้าของเสี่ยวชิ่งก็แดงซ่าน
ยังไม่ทันพูดคุยสิ่งใดต่อสาวใช้อีกคนก็เข้ามารายงานถึงการมาของหยวนไป๋เยี่ยน
“คุณชายหยวนมาขอพบคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ นายท่านให้รออยู่ที่ห้องโถง” เมื่อได้ยินเช่นนั้นฉู่อวี่หนิงก็ขมวดเข้าหากัน มองหน้าเสี่ยวชิ่งที่ส่งยิ้มหยอกเย้ากลับมาหมายจะสื่อถึงคู่หมั้นหมายที่มาเยี่ยมเยียนก่อนถึงวันเทศกาลซีซี
“คุณชายหยวนมาชวนคุณหนูไปเที่ยวแน่ ๆ”
ฉู่อวี่หนิงนิ่งคิด คนที่อยู่ห้องตำรามากกว่าห้องนอนของคนผู้นั้นจะมาชวนนางเดินเกี่ยวก้อยชมบ่อมหรสพในงานเทศกาลของหนุ่มสาว มันจะเป็นไปได้หรือ
ไม่รอให้ตนเองสงสัยนาน นางมาที่ห้องโถงรับแขกทำการคารวะคู่หมั้นหมายที่อายุมากกว่า จากนั้นก็เดินด้วยท่วงท่าที่สง่างามไปนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เห็นใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกแบบนั้นก็คาดเดาได้ทันทีว่าคงถูกบังคับให้มาชักชวนให้นางไปเที่ยวเทศกาลซีซีด้วยกัน
“ข้ามาวันนี้เพื่อชวนเจ้าให้ออกไปเที่ยวด้วยกันในวันพรุ่งนี้”
“ข้าไม่ชอบงานรื่นเริงหรือสถานที่ที่มีผู้คนมากมาย” ประโยคนั้นทำให้บัณฑิตหนุ่มต้องมองหญิงคู่หมั้นหมายของตน แววตาคู่เรียวมีความประหลาดใจเล็กน้อย หากเป็นสตรีทั่วไปคงรบเร้าให้พาไป แต่นางกลับพูดราวกับว่าไม่ได้สนใจเทศกาลเหล่านี้
“หากข้ากลับไปโดยที่เจ้าไม่ได้รับปาก ท่านแม่ข้าก็คงตำหนิและคิดว่าข้าออกอุบายหว่านล้อมทำให้เจ้าปฏิเสธ” ประโยคที่กล่าวอย่างตรงไปตรงมาและชัดเจนถึงวัตถุประสงค์ทำให้นางนิ่งคิดไปชั่วครู่ ต่างคนต่างก็ไม่มีความรักให้แก่กัน ต่างคนต่างก็หมั้นหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตน หากเขาจะกล่าวเป็นนัยว่าถูกมารดาบังคับมานางก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
“เช่นนั้นคำตอบของข้าก็คงต้องตอบตกลง แต่หากเป็นเช่นนั้นท่านก็คงไม่ชอบใจนัก” นางถามพลางยิ้มออกมา บัณฑิตหนุ่มน้อยผู้นี้จะว่าไปแล้วแม้จะเย็นชา แต่ก็มีความจริงใจและตรงไปตรงมาไม่น้อย
“ใช่ ข้าไม่อยากเสียเวลากับเรื่องไร้สาระนี้ แต่หากข้าไม่ทำมารดาของข้าก็คงจะรบเร้าไม่ยอมหยุดเพราะข่าวลือที่พูดกันว่าข้าไม่เคยไปมาหาสู่กับเจ้า ท่านจึงอยากให้เราได้พบปะพูดคุยกันบ้าง และใช้โอกาสในเทศกาลซีซีนี้ให้เราได้เจอกัน”
จริงอยู่ว่าเดือนหน้าก็จะต้องแต่งงานกันแล้ว แต่บ่าวสาว กลับไม่ค่อยได้พูดคุยทำความสนิทสนมกันเลยแม้แต่น้อย
“เช่นนั้นข้าก็คงต้องตอบตกลง” คำตอบนั้นแม้จะเป็นไปตามที่มารดาของตนต้องการ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ตนต้องการนัก สีหน้าที่ออกมาจึงค่อนข้างที่จะเต็มไปด้วยความกังวล
“มาหาข้าวันนี้ก็เสียเวลาอ่านตำราของท่านแล้วแล้วพรุ่งนี้ก็ยังจะเดินเที่ยวเล่นทั้งวัน แบบนี้ท่านคงไม่มีเวลาที่จะศึกษาตำราปรัชญาต่าง ๆ ของท่าน” นางกล่าวขึ้นมาอย่างรู้ทันสาเหตุของความกังวลใจนั้น แววตาจ้องมองสบตาอย่างไม่เคอะเขิน ราวกับกำลังค้นหาคำตอบผ่านแววตาของเขา
“ใช่ ข้ายอมรับว่าข้าคิดเช่นนั้นจริง หวังว่าเจ้าคงไม่ถือสา สำหรับข้าแล้วตำแหน่งจอหงวนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ส่วนเรื่องคู่ครองไม่เคยมีความคิดเลยแม้แต่น้อย” ความตรงไปตรงมานั้นหากเป็นผู้อื่นคงเจ็บปวดจนร้องไห้ตัดพ้อไปแล้ว แต่หาใช่ฉู่อวี่หนิงผู้นี้ไม่ นางคิดในแง่ดีว่าที่เขาตรงไปตรงมากับนางก็เพราะว่าไว้วางใจนางที่พูดตรงไปตรงมากับเขาตั้งแต่แรกเช่นกัน
“ดี ร้านน้ำชาเป็นกิจการของสกุลฉู่ ที่นั่นมีห้องรับรองที่ท่านพ่อเอาไว้สำหรับต้อนรับแขกสำคัญเป็นการส่วนตัว ท่านขนตำราที่ท่านจะอ่านไปอยู่ที่ห้องนั้นกับข้า ข้านั่งเย็บปักส่วนท่านก็อ่านตำราไป ต่างคนต่างก็ทำหน้าที่ของตน จะได้ไม่เสียเวลาอ่านตำราของท่านดีหรือไม่”
ข้อเสนอที่ไม่คาดคิดนั้นถูกกล่าวออกมาอย่างชาญฉลาด หยวนไป๋เยี่ยนพยักหน้ารับทันที ไม่คิดว่านางจะมีความคิดที่แตกต่างจากผู้อื่น ฉลาดหลักแหลม มีความเป็นผู้ใหญ่เกินอายุ อีกทั้งดูเหมือนว่าจะไม่ได้ใส่ใจอยากใกล้ชิดตนในทางชู้สาว
แม้จะมั่นใจมากว่าหน้าตาของตนก็รูปงามไม่เป็นสองรองใครในเมืองหนานอัน อีกทั้งยังเป็นบัณฑิตที่สอบผ่านระดับมณฑลตั้งแต่อายุยังน้อย ต่างก็มีสกุลใหญ่เสนอบุตรีมาให้คัดเลือก นางที่ได้หมั้นหมายแต่กลับไม่ได้ให้ความสนใจตนสนใจเลยแม้แต่น้อย
“ขอบใจที่เจ้าเข้าใจว่าการสอบนี้สำคัญกับข้า”
“ท่านไม่ต้องขอบคุณข้า เพราะข้าไม่ได้ทำเพื่อท่านเพียงผู้เดียว ข้ายังทำเพื่อตนเองด้วย” วาจานั้นกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สุขุม ยิ่งมองก็ยิ่งไม่เหมือนคนที่เพิ่งผ่านวัยปักปิ่นมาหมาด ๆ
************************