ตั้งแต่วันนั้น ขนมก็กลายมาเป็นผู้ช่วยพิเศษของกันต์อย่างเป็นทางการ
แม้จะทำหน้าที่เลขาของประธานบริษัทอยู่แล้ว แต่เมื่อโปรเจกต์ใหม่ระหว่าง KTEG กับวิสต้า เริ่มขยับเข้าสู่เฟสวางแผนและการดำเนินงาน กันต์ในฐานะหัวหน้าโครงการหลักของ KTEG ก็เอ่ยปากขอตัวขนมจากราวินให้มาช่วยงานฝั่งวิศวกรรมแบบใกล้ชิด
และแน่นอน...ราวินก็อนุญาตแบบไม่ต้องคิดนาน เพราะรู้ว่าเพื่อนรักไม่ได้คิดแค่งานกับเด็กข้างบ้านคนนี้ก็ตาม
วันรุ่งขึ้นหลังประชุมเปิดเฟสงานกันเสร็จ กันต์ก็พาขนมออกเดินทางไปยังไซต์งานอีกแห่งที่เขาคุมเป็นหัวหน้าโครงการ
ระหว่างทางเธอได้เห็นอีกมุมของเขา คนที่ขมวดคิ้วเวลาพูดเรื่องงาน สีหน้าเคร่งขรึมจริงจังเมื่อคุยกับวิศวกร และคำสั่งสั้น ๆ ที่ชัดเจนแต่เต็มไปด้วยความรับผิดชอบ
“พี่กันต์นี่...ยังหล่อ เท่ และเก่งเหมือนเดิมเลยแฮะ”
ขนมแอบพึมพำเบา ๆ ขณะยืนหลบแดดอยู่ใต้เพิงพักริมไซต์
“ว่าไงนะ?”
กันต์หันกลับมาถามเพราะได้ยินคล้าย ๆ เสียงเธอพูด
“เปล๊า~ ไม่ได้พูดอะไรเลยค่ะ!”
ขนมรีบปฏิเสธ มือยกพัดกระดาษปิดหน้าแทบไม่ทัน
กันต์หัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะยื่นขวดน้ำเย็นให้
“เหนื่อยก็พักนะ เดี๋ยวพี่ทำงานตรงนี้อีกแป๊บเดียว”
...และขนมก็ได้เห็นภาพผู้ชายที่เหงื่อท่วมหน้า แต่ยังยิ้มให้เธอด้วยสายตาลุ่มลึก หัวใจของเธอเลยเผลอเต้นแรงขึ้นมาทันที
เย็นวันนั้น หลังออกจากไซต์ กันต์ก็ขับรถพาขนมตรงกลับบ้าน แต่เขากลับจอดรถที่หน้าบ้านของตัวเอง
“ขอบคุณนะคะ...”
“มิวบอกให้ไปทานข้าวเย็นด้วยกัน”
กันต์ชิงพูดขึ้นก่อนทันที
“เอ๋?”
“ยัยมิวส่งข้อความมาบอกพี่ว่า วันนี้ไลฟ์ทำอาหารไว้เยอะ ให้พาขนมมาด้วย”
“จริงเหรอคะ? มิวทำอะไรอีกล่ะ” ขนมตาโต ดวงตาเป็นประกายวิบวับ
“เห็นแก่กินเหมือนเดิมเลยนะ เราน่ะ” กันต์หัวเราะออกมา
“ฮื้ออ~ หนูเปล่านะคะ แต่ยัยมิวทำอาหารอร่อยเองตังหากล่า~” ดวงตากลมสวยค้อนขวับให้เขา
“ว่าแต่...เมื่อไหร่พี่กันต์จะเลี้ยงหนูล่ะคะ”
เธอเน้นเสียงคำว่า ‘เลี้ยงหนู’ อย่างเจ้าเล่ห์ ทำเอาคนฟังไอค่อกแค่ก
“แต่ถ้าพี่คิดจะเลี้ยง...ก็ต้องดูแลหนูยาว ๆ นะคะ ไม่ใช่แค่มื้อเดียว~”
เธอหยอดไว้แค่นั้น ก่อนสะบัดหน้าทำเป็นงอนเบา ๆ แล้วเปิดประตูลงจากรถ
“หนูไม่คุยด้วยละ ไปหามิวดีกว่า~”
เสียงหวานพูดอย่างอารมณ์ดี ก่อนเดินเข้าบ้านไปพร้อมเสียงหัวเราะใส ๆ
กันต์นั่งนิ่งอยู่ในรถอีกสักครู่ เข่นเขี้ยวอยู่ในใจ
‘เด็กคนนี้...คิดจะฆ่าพี่ให้ตายทั้งเป็นเหรอวะ’
ภายในบ้านของมิว บนโต๊ะอาหารมื้อเย็น กลิ่นหอมของกระเทียมเจียวผสมกลิ่นข้าวหอมมะลิและน้ำซุปอ่อน ๆ ลอยแตะจมูกตั้งแต่ขนมเปิดประตูเข้าบ้าน
เธอถอดรองเท้าเสร็จก็แทบพุ่งเข้าไปที่โต๊ะอาหาร ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตื่นตาตื่นใจทันทีที่เห็นอาหารหลากหลายวางเรียงอยู่ตรงหน้า
“โห…ยัยมิว! วันนี้จะเปิดบุฟเฟ่ต์เหรอ?”
ขนมทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามเพื่อนสาวทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
มิวหัวเราะเสียงใส พลางหยิบผ้ากันเปื้อนออกแล้วนั่งลงอย่างสง่างามแบบแม่ครัวมือทอง
“วันนี้ฉันไลฟ์ทำเมนู ‘Comfort Thai Dinner for Soul’ จ้า~”
เธอว่าพลางชี้ไปที่เมนูบนโต๊ะอย่างภาคภูมิใจ
“นี่เลย...แกงเขียวหวานไก่เนื้อนุ่ม ๆ กับมะเขือเปาะ, ปีกไก่ทอดน้ำปลา กรอบนอกนุ่มใน, ยำไข่ดาวแซ่บจี๊ด และที่ขาดไม่ได้...ข้าวสวยร้อน ๆ กับไข่เจียวกรอบฟู~”
“โอ๊ยตายแล้วววว~ กลิ่นแกงนี่มันแบบ...แม่ช้อยทิพย์มาสิงหรือไงอะ ฮืออ~”
ขนมพูดพลางทำหน้าเคลิ้ม ยื่นหน้าไปสูดกลิ่นจากชามแกงเขียวหวานแล้วแทบละลายตรงนั้น
“จะกินได้ยัง? หรือจะสูดดมอย่างเดียว?”
มิวแซวพลางยื่นช้อนให้
“กินค่ะ!! กินเดี๋ยวนี้เลย!”
ขนมหยิบช้อนพร้อมตักแกงเขียวหวานคำโตทันที แววตาเป็นประกายประหนึ่งได้ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดตั้งแต่คำแรก
“แม่เจ้าโว้ย~ ยัยมิว! แกแต่งกับฉันเถอะ!!”
ขนมหลุดปากเสียงดัง ขณะที่มิวหัวเราะจนแทบตกเก้าอี้
ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้น
“หืม? เมื่อกี้...ขอใครแต่งงานนะ?”
เสียงทุ้มนั้นทำเอาขนมชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเธอหันไปมอง...ก็พบว่ากันต์กำลังนั่งลงข้าง ๆ แล้วหันมามองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ยัยขนมจะขอมิวแต่งงานล่ะ~” มิวรีบฟ้องทันที
“เฮ้ยยยย ก็แหมม ยัยมิวทำอาหารอร่อยแบบนี้ หนูก็อยากได้ไปเป็นแม่ผีเรือน เอ๊ย ศรีเรือนค่ะ” ขนมหัวเราะกลบเกลื่อน
“พี่ก็ทำอาหารอร่อยนะ”
กันต์พูดขึ้นลอย ๆ ดวงตาคมเข้มจ้องมองขนมด้วยสายตาลุ่มลึก
“ไม่อยากได้พี่บ้างเหรอ”
ขนมกะพริบตาปริบ ๆ เพราะไม่คิดว่าจะโดนอ่อยซึ่ง ๆ หน้าแบบไม่ทันตั้งตัว
“อ๊ายยยย! จะกินข้าวหรือจะกินกันเองคะ”
มิวหมั่นไส้แกล้งโวยวาย รีบคว้าไม้พายตักข้าวมาวางกั้นกลางระหว่างสองคน ขนมหัวเราะกลบเกลื่อน แก้มแดงระเรื่อเล็กน้อย
เธอเลยรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“ว่าแต่...บอสเอาเอกสารไปเสนอให้พี่กันต์ยังคะ?” กันต์ที่กำลังจะยกน้ำขึ้นดื่มถึงกับชะงัก
“บอส?” มิวเลิกคิ้ว
“ใครอะ บอส?”
“พนักงานใหม่อะแก ย้ายมาจากกรุงเทพฯ”
“หน้าตาดีมากเลยน้า~ สูง ขาว ดูอบอุ่นแบบพระรองในซีรีส์เกาหลีอะ!”
ขนมพูดไปยิ้มไป ตักข้าวเข้าปากเหมือนไม่รู้ว่าพายุกำลังตั้งเค้าตรงที่นั่งข้าง ๆ
กันต์วางช้อนลง ก่อนจะเหลือบตามองขนม ดวงตาคมส่อแววไม่ค่อยพอใจนัก
แต่มิวกลับตาโตขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“หล่อขนาดนั้นเลยเหรอ!? ฉันอยากเห็นบ้างละ!”
“งั้นพรุ่งนี้แกเอาข้าวไปส่งให้พี่วินดิ เผื่อจะได้เดินสวนกันบ้าง~”
ขนมหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่มิวทันที
“ไม่เอาอะ รายนั้นกลัวจะไม่ยอมกินข้าวที่มิวทำอะดิ”
มิวรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที เมื่อนึกถึงสายตาของราวินที่เวลาเจอเธอมักทำให้เธอรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ พิลึก
“ว่าแต่...บอสเขาจีบแกเหรอ?”
“เฮ้ย ไม่ใช่! ไม่มี๊” ขนมโบกมือปฏิเสธแทบไม่ทัน
“จริงอะ?” มิวหรี่ตาแคบลงอย่างจับผิด
“ก็แค่ขอแอดแอปเขียวเฉย ๆ เองงง...” ขนมตอบเสียงอ้อมแอ้ม หน้าแดงขึ้นอีกครั้ง
ก่อนที่บรรยากาศจะอึมครึมไปมากกว่านี้ เสียงทุ้มนุ่มแต่แฝงความจริงจังของใครบางคนก็ดังขึ้นแทรก
“ใครจะจีบก็แล้วแต่...” กันต์เอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาจับจ้องที่ขนม
“แต่ต้องผ่านพี่ก่อน”
ขนมเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตากลมโตเบิกเล็กน้อย เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าหลุดอะไรออกไป
เธอรีบเปลี่ยนเรื่องอีกครั้งอย่างร้อนรน
“อ๊า~ ไข่เจียวมิว ฟูอร่อยเหมือนร้านอาหารในโรงแรมเลยค่ะ พี่กันต์ลองดูสิ~”
ขนมยื่นจานให้เขา พร้อมยิ้มหวานให้แบบเนียน ๆ
กันต์รับจานมา ก่อนตอบสั้น ๆ
“อืม...”
แม้คำพูดจะดูนิ่ง ๆ แต่ดวงตาคมเข้มของเขากลับยังจับจ้องใบหน้าหวานของเธอไม่วางตา
ขนมทำเนียนหยิบจานของตัวเองมาวางใกล้พี่กันต์ก่อนจะตักต้มยำรสแซ่บใส่ถ้วยให้เขา
“ของโปรดพี่กันต์ใช่มั้ยคะ? หนูจำได้นะว่าแต่ก่อนพี่ชอบซดน้ำต้มยำตอนเครียด ๆ”
เธอหันมายิ้มหวาน ดวงตากลมใสเจือแววขี้แกล้งนิด ๆ
กันต์รับถ้วยจากเธอโดยไม่พูดอะไร แต่หางคิ้วกระตุกขึ้นเล็กน้อยพยายามเก็บสีหน้าไม่ให้หลุด
“ยังจำได้อีกเหรอ”
“แน่นอนค่ะ...บางเรื่องหนูก็ไม่เคยลืมนะ” ขนมพูดพร้อมจ้องตาเขาตรง ๆ
มิวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถึงกับกลอกตา
“โอ๊ยยย ฉันขอตัวไปหาน้ำกินก่อนนะ รู้สึกคอแห้งพิกล”
พูดจบก็ลุกหนีอย่างไว ปล่อยให้คนสองคนเงียบกันไปชั่วครู่…แต่หัวใจเต้นดังเท่า ๆ กัน
หลังมื้อเย็นจบลง ขนมขอตัวกลับบ้านเพราะยังมีงานค้างเล็กน้อย กันต์จึงอาสาเดินออกมาส่งถึงหน้ารั้วบ้าน
บรรยากาศเย็นสบายของช่วงหัวค่ำทำให้สองคนเดินเคียงกันเงียบ ๆ อยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะพูดขึ้น
“สัปดาห์หน้า...พี่ต้องลงไซต์โครงการหลักของ KTEG ที่ต่างจังหวัด”
เสียงเขาทุ้มแต่ฟังดูผ่อนคลาย
“เป็นไซต์สำคัญ...ต้องค้างคืนสองวัน”
ขนมหันมามองอย่างสนใจ
“แล้วหนูต้องไปด้วยเหรอคะ?”
“แน่นอนสิ เราเป็นผู้ช่วยพี่นี่นา”
กันต์ตอบพลางยิ้มมุมปาก ไม่รู้ทำไม...แค่คิดว่าเธอจะต้องนั่งรถไปกับเขา นอนพักที่เดียวกัน ทำงานใกล้กันตลอดสองวัน...หัวใจเขาก็รู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาแล้ว
“อุ๊ย~ ได้ออกทริปกับหัวหน้าแบบนี้ ถือว่าเป็นโบนัสงานมั้ยน้า~” ขนมหัวเราะเบา ๆ แกล้งเอานิ้วเคาะปลายคาง
“แต่ต้องมีข้าวเช้านะคะ ที่สำคัญหนูจะไม่ตื่น ถ้าไม่มีคนมาปลุกค่ะ”
กันต์เลิกคิ้วเล็กน้อย
“จะให้พี่...ไปปลุกถึงห้องเลยเหรอ?”
“ถ้าพี่กล้า...ก็ลองดูสิคะ”
ขนมหันมายิ้มหวานก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าบ้าน ปล่อยให้กันต์ยืนอยู่ตรงนั้น...พร้อมกับหัวใจที่เหมือนโดนไฟช็อตแรง ๆ ไปหนึ่งดอก
‘ยัยเด็กนี่...พูดแต่ละอย่างจะพี่ให้หัวใจวายตายให้ได้เลยใช่มั้ยเนี่ย’
เขายกมือขึ้นลูบท้ายทอยเบา ๆ พลางส่ายหัว ยิ้มเจ้าเล่ห์
‘ไปทริปนี้...ดูซิ จะได้กินขนมมั้ย...หึ’