กันต์แทบจะอุ้มขนมขึ้นลิฟต์ด้วยแขนข้างเดียว มืออีกข้างกดชั้นห้องพักที่เขาจองไว้เผื่อเหตุฉุกเฉินตั้งแต่รู้ว่าจะมางานนี้
หัวใจเขาเต้นแรงไม่แพ้ฤทธิ์ยาที่กำลังคุกคามเธอ ขนมซบไหล่เขาแน่น ใบหน้าแดงก่ำ ลมหายใจร้อนผ่าวรดคอเสื้อเชิ้ตสีดำของเขา
“พี่...หนูร้อน...ร้อนมากเลย...” เสียงเธอพร่าเล็กน้อยมือเล็กเกาะแขนเขาแน่นจนเล็บจิกเนื้อ
“อีกนิดเดียว เดี๋ยวถึงห้องแล้ว”
กันต์กัดฟัน กลั้นใจไม่ให้คิดถึงเนินอกที่แนบชิดกับแผ่นอกของเขา ลิฟต์เปิดชั้น 28 เขาแทบลากเธอเข้าไปในห้องสวีทที่มืดสนิท ก่อนเปิดไฟสลัว ๆ แล้วอุ้มเธอวางลงบนโซฟาหนังนุ่ม
มือเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดข้อความอย่างรวดเร็ว
กันต์: ‘มิว ขนมไม่สบาย พี่พากลับก่อน อย่าห่วง’
กันต์: ‘วิน ช่วยพามิวกลับบ้านให้หน่อย อย่าให้ยัยนั่นขับรถเอง’
ส่งข้อความเสร็จ เขาวางโทรศัพท์ลงแล้วหันไปมองเธอ ขนมนั่งกอดเข่าตัวเอง มือเล็กกำชายเดรสสีไวน์แดงแน่น หน้าอกกระเพื่อมถี่ตามลมหายใจหอบ ๆ
“พี่...ช่วยหนูด้วย...” เธอเงยหน้ามองเขา ตาแดงก่ำ น้ำตาคลอ
“หนู...ทนไม่ไหวแล้ว...”
กันต์กลืนน้ำลาย เขารีบเดินเข้าห้องน้ำ เปิดก๊อกน้ำเย็นจัด เติมน้ำลงอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ แล้วกลับมาอุ้มเธอเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่สนใจว่าเดรสเธอจะเปียก
“ทนอีกนิดนะ”
เขากระซิบข้างหู ก่อนอุ้มเธอลงอ่าง น้ำเย็นจัดกระเซ็นขึ้นมาเปียกเสื้อเชิ้ตของเขา แต่เขายังประคองเธอไว้แน่น
“อ๊า...เย็น!”
ขนมสะดุ้ง แต่ฤทธิ์ยาแรงเกินกว่าจะทำให้เธอสงบ เธอเกาะไหล่เขาแน่น มือเล็กเลื่อนลงไปที่อกเสื้อเปียก ๆ
“พี่...กอดหนู...กอดแน่น ๆ ...”
กันต์กัดฟันแน่น ขณะที่เธอซุกไซ้ใบหน้ากับซอกคอเขาไม่หยุด เขารีบเอื้อมมือเปิดฝักบัว ปล่อยให้น้ำเย็นจัดราดลงบนเรือนผมของเธอ
สายน้ำเย็นเฉียบไหลซึมตามซอกคอ ลูบไล้ลงมาตามแผ่นหลัง ก่อนจะชโลมเนื้อผิวขาวเนียนจนชุ่ม ชุดเดรสที่เธอสวมอยู่แนบสนิทไปกับเรือนร่างจากน้ำเย็น ราวกับกลายเป็นผิวหนังชั้นที่สอง เผยสัดส่วนเว้าโค้งที่ไม่เคยมีใครได้เห็น
สองเต้าอวบอิ่มเบียดชิดแผ่นอกเขา บริเวณยอดอกที่แข็งชูชันแนบแน่นกับผ้าเปียกชื้น ทำให้หัวใจของเขาเต้นโครมคราม
ริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอร้อนผ่าวเมื่อแตะที่ลำคอเขา เป่าลมหายใจอุ่นจัดรดผิวเนื้อ ขณะที่มือเล็กไล้ต่ำลงมาตามแผ่นท้องของเขาอย่างไม่รู้ตัว
เขากลั้นใจ ดวงตาแดงก่ำ ร่างกายแข็งเกร็งแทบทุกส่วน ราวกับความอดทนกำลังถูกเผาไหม้ช้า ๆ
“ขนม...” เสียงเขาแหบพร่า
“อย่ายั่วพี่แบบนี้...”
แต่เสียงเล็ก ๆ ที่ตอบกลับมานั้นทั้งสั่นเครือและเร้าใจจนหัวใจเขาเต้นแรงแทบหลุดออกจากอก
“พี่...หนูอยาก...อยากให้พี่...” เสียงของเธอเต็มไปด้วยไฟปรารถนาที่ถูกปลุกขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
“อย่าทิ้งหนู...กอดหนูแน่น ๆ ได้ไหม...”
กันต์ตัวแข็งทื่อ เขาพยายามฝืนใจ และพยายามเรียกสติขนมให้กลับมา
“ขนม ใจเย็น มองหน้าพี่นะ...”
แต่เธอกลับโผเข้ามาแนบแน่นกว่าเดิม หน้าอกอิ่มเบียดอกเขาจนแทบหายใจไม่ออก ใบหน้าแดงจัด ตาแดงก่ำ ริมฝีปากเผยอหอบหายใจ มือเล็กเลื่อนไปสัมผัสกลางลำตัวของเขาช้า ๆ
เขาสบถในใจ
‘แม่งเอ๊ย...ยั่วกันขนาดนี้ กูจะทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ’
เสียงเขาแหบต่ำจนแทบกระซิบ
“พี่จะไม่ทนแล้วนะ...”
มือใหญ่คว้าข้อมือเธอไว้แน่น แต่ไม่ผลักออก มีเพียงแรงที่สั่นระริกด้วยความต้องการที่สะสมมานาน เขาโน้มหน้าลงใกล้ กลิ่นหอมจาง ๆ จากคอเธอปะปนกลิ่นน้ำเย็น ยิ่งทำให้สติหลุด
“พี่...กอดหนู..หน่อยได้ไหมคะ...” เสียงนั้นหวานลึก เย้ายวนปนวิงวอน ขณะที่มือเล็กเลื้อยขึ้นมาโอบรอบคอเขาแน่น
กันต์สูดหายใจเฮือก ราวกับความอดทนของเขาขาดสะบั้น เขายกร่างของเธอขึ้นจากอ่าง น้ำเย็นหยดจากร่างทั้งสองเป็นทาง แต่เปลวร้อนระหว่างกันกลับยิ่งทวีคูณ
เขาวางเธอลงบนเตียงเนื้อนุ่มขนาดคิงไซส์ในห้องนอน ก่อนจะโน้มตัวคร่อมทับ ร่างเปียกชื้นของทั้งคู่แนบชิดจนไม่อาจห่าง
มือใหญ่จับข้อมือเธอกดไว้เหนือศีรษะ ความอบอุ่นจากฝ่ามือแผ่ซ่านลงสู่ผิวเนื้อที่เย็นเฉียบ ดวงตาของเขาดำมืดด้วยความปรารถนา...ก่อนที่ริมฝีปากร้อนจัดจะเคลื่อนลงมาช้า ๆ
“เราแน่ใจนะ...” เสียงเขาดังพร่า ดวงตาคมกริบจ้องเธอ
“ถ้าพี่เริ่ม...พี่จะไม่หยุด”
ขนมเงยหน้าขึ้นมองเขา สบตากันนิ่ง
“พี่กันต์...”
“หืม?”
“หนู...โอเคถ้าเป็นพี่ค่ะ”
เขานิ่ง...แต่ในใจคือระเบิดลูกใหญ่ที่พร้อมแตก
...
ด้านล่างห้องจัดเลี้ยง แสงไฟระยิบระยับยังคงสาดส่อง แต่บรรยากาศรอบเวทีเริ่มคึกคัก มิวที่เพิ่งรับโล่เกียรติยศเสร็จ เธอเดินลงจากเวทีด้วยรอยยิ้มกว้าง ผมยาวสะบัดพลิ้ว เดรสเกาะอกสีดำกำมะหยี่เว้าหลังลึกจนหลายคนแอบมองตาม แต่สายตาของเธอกลับมองหาเพื่อนรักที่หายไป
“ขนมไปไหนอะ?”
มิวพึมพำกับตัวเอง มือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คข้อความทันที
กันต์: ‘มิว ขนมไม่สบาย พี่พากลับก่อน อย่าห่วง’
มิวเบิกตากว้าง
“ห๊ะ? ไม่สบาย? แล้วพี่กันต์พาไปไหน…”
“น้องมิว”
เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นข้างหลัง มิวหันขวับ เจอกับราวินยืนยิ้มกว้างในชุดสูททักซิโด้สีน้ำเงินเข้ม แว่นบางกรอบทองสะท้อนแสงไฟ เข็มกลัดปีกนกที่อกซ้ายวาววับ เขายื่นมือมาช่วยรับโล่จากเธออย่างสุภาพ
“ยินดีด้วยนะ”
ราวินพูดพลางยิ้มมุมปาก ดวงตาคมใต้กรอบแว่นจ้องเธอไม่วางตา
“ปะ กลับกัน เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
มิวหรี่ตา
“แล้วขนมล่ะคะ?”
ราวินยกมือขยับแว่นเล็กน้อย
“กันต์พากลับไปก่อนแล้ว”
“ห๊ะ? แล้วทำไมพี่วินต้อง...” มิวชะงัก ก่อนจะกลอกตาแรง
“อ้อ...เข้าใจละ พี่กันต์กลัวหนูกลับเองไม่ได้ใช่มั้ย?”
ราวินหัวเราะในลำคอ
“มาเถอะน่ะ พี่อยากบริการเรา”
มิวเม้มริมฝีปาก แต่สุดท้ายก็ยอมเดินตามเขาไปที่ลานจอดรถ รองเท้าส้นสูงกระทบพื้นดังกึกกึก ราวินเดินนำหน้า มือซุกกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทางสบาย ๆ แต่สายตากลับเหลือบมองแผ่นหลังขาวเว้าลึกของเธอในเดรสกำมะหยี่สีดำสนิทที่แนบไปกับรูปร่าง
‘ยัยนี่...แต่งแบบนี้มาได้ไงวะ’
เขาคิดในใจ มุมปากยกยิ้มน้อย ๆ อย่างห้ามไม่อยู่
รถยนต์สีดำเงาเปิดประตูอัตโนมัติ มิวขึ้นนั่งเบาะข้างคนขับ ราวินปิดประตูให้ก่อนเดินอ้อมไปขึ้นฝั่งคนขับ
“คาดเข็มขัดด้วย” เขาพูดพลางสตาร์ทรถ
มิวคาดเข็มขัด แต่สายตาแอบมองเขา
“พี่วิน...พี่รู้อยู่แล้วใช่มั้ยว่า พี่กันต์กับขนมมันมีอะไรแปลก ๆ ?”
ราวินยิ้มมุมปาก ขณะขับรถออกจากลานจอด
“ไม่รู้สิ...รู้แค่ว่า ขนมไม่สบายน่ะ”
“มิวอยากให้เพื่อนสมหวัง”
“ฮึ พี่กันต์นี่ก็โง่จริง” มิวกอดอก พลางบ่นแทนเพื่อนเสียงขุ่น
“จริง ๆ ตอนนี้มันอาจจะคลั่งน้องขนมอยู่ก็ได้นะ”
มิวหัวเราะลั่น
“ฮ่า หนูก็ว่างั้น!”
แล้วทันใดนั้น...เธอก็หันไปมองเขา
“แล้วพี่วินล่ะ? ไม่คลั่งใครบ้างเหรอ?”
ราวินหันมามองเธอแวบหนึ่ง ดวงตาคมวาววับใต้แสงไฟถนน
“คลั่งสิครับ...แต่คนที่พี่คลั่งดันไม่รู้ตัว”
มิวชะงัก
“…ห๊ะ? ใครอะ?”
เขาทำเพียงยกมุมปากเล็กน้อย ก่อนเหยียบคันเร่งเล็กน้อย รถพุ่งทะยานออกไปในยามค่ำคืน ทิ้งให้มิวนั่งงง ๆ แต่หัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
‘น้องมิว...อย่าให้ความอดทนของพี่หมดเลยนะ’
ราวินคิดในใจ พยายามข่มอารมณ์ที่พุ่งขึ้น
รถแล่นผ่านถนนยามค่ำคืนที่ค่อย ๆ เงียบสงบลง แสงไฟจากเสาไฟฟ้าสาดส่องเป็นระยะ สะท้อนบนกระจกหน้ารถสีดำเงา
มิวเอนตัวพิงเบาะนั่งข้างคนขับ มือเล็ก ๆ บีบโล่เกียรติยศที่เพิ่งได้รับมาอย่างเหนื่อยล้า แต่ยังมีรอยยิ้มติดมุมปาก เธอหันไปมองราวินที่นั่งขับรถ ดวงตาคมใต้กรอบแว่นสะท้อนแสงจากไฟบนถนน
“พี่วิน...พี่จะไม่บอกหนูเหรอคะ?” มิวถามเสียงแผ่ว แต่แฝงความขี้เล่น เธอเอียงคอเล็กน้อย ผมยาวสลวยไหลลงไหล่
“ใครกันที่พี่คลั่ง? หรือว่า...มีหลายคน?”
ราวินหัวเราะในลำคอเบา ๆ มือข้างหนึ่งจับพวงมาลัย มืออีกข้างเอื้อมไปเปิดเพลงเบา ๆ จากระบบเสียงในรถ เป็นเพลงแจ๊ซช้า ๆ ที่ทำให้บรรยากาศในรถอบอุ่นขึ้นทันตา
“ทำไมอยากรู้จังเลยฮะ? หรือว่าน้องมิวกำลังหึงครับ?”
“หึง? ฝันไปเถอะพี่!” มิวแกล้งทำหน้าบึ้ง แต่แก้มแดงระเรื่อ เธอหันหน้าหนีไปมองข้างทาง
“หนูแค่...สงสัยเฉย ๆ น่ะ”
“ก็พี่วินดูเป็นคนนิ่ง ๆ แต่จริง ๆ แล้วคงมีสาว ๆ ตามกรี๊ดเพียบแน่ ๆ”
ราวินยิ้มมุมปาก หันมามองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะชะลอรถตรงสี่แยกไฟแดง
“สาว ๆ ที่ตามกรี๊ด...ก็มี แต่คนที่พี่คลั่งจริง ๆ น่ะ มีคนเดียว”
เขาพูดเสียงทุ้มนุ่ม แต่แฝงความจริงจัง
“และคนนั้น...ชอบทำอาหารอร่อย ๆ แต่ไม่เคยทำมาให้พี่กินสักที”
มิวชะงัก หันขวับมามองเขา ดวงตาโตเบิกกว้าง
“ห๊ะ? พี่พูดถึงใคร...”
“ถึงบ้านแล้วครับ”
ราวินตัดบท ก่อนรถจะเลี้ยวเข้าซอยหน้าบ้านของมิว เขาจอดรถเรียบร้อย แล้วรีบลงไปเปิดประตูให้เธออย่างสุภาพบุรุษ
มิวก้าวลงจากรถ มือยังกุมโล่แน่น หัวใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ เธอหันไปมองราวินที่ยืนยิ้มกว้างใต้แสงโคมไฟหน้าบ้าน
“พี่วิน...เมื่อกี้พี่หมายถึง...”
ราวินก้าวเข้าใกล้เล็กน้อย มือใหญ่เอื้อมไปปัดปอยผมที่ปลิวลงหน้าผากเธอเบา ๆ นิ้วอุ่นร้อนแตะผิวแก้มเธอแค่แปปเดียว แต่ก็ทำให้มิวตัวแข็งทื่อ
“หมายถึงคนที่กำลังยืนหน้าบ้านตอนนี้ไงครับ” เขากระซิบเสียงพร่า
“น้องมิว...พี่คลั่งเธอมาตั้งนานแล้ว แต่เธอไม่เคยรู้ตัวเลย”
มิวหน้าแดงก่ำ มือเล็กยกขึ้นปิดปาก
“พี่...พี่วิน! พี่พูดเล่นใช่มั้ย?”
ราวินหัวเราะเบา ๆ ถอยหลังไปเล็กน้อย แล้วยื่นมือมาจับมือเธอเอาไว้
“ถ้าน้องมิวอยากรู้ว่าจริงมั้ย...พรุ่งนี้พี่มารับนะ พี่อยากลองชิมฝีมือทำอาหารของเธอจริง ๆ สักที”
มิวก้มหน้างุด หน้าร้อนผ่าว แต่มีรอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก เธอค่อย ๆ ดึงมือออกช้า ๆ
“เอ่อ...ก็ได้ค่ะ แต่ถ้าอาหารไม่อร่อย ห้ามบ่นนะ!”
“สัญญาครับ” ราวินยิ้มตาหยี ก่อนจะโค้งตัวเล็กน้อยอย่างขี้เล่น
“ฝันดีนะครับ น้องมิวของพี่”
เขาหันหลังเดินกลับไปที่รถ ทิ้งให้มิวยืนยิ้มเขิน ๆ หน้าบ้าน หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกมา
‘พี่วิน...คนบ้าเอ๊ย มาพูดแบบนี้ทำไม!’
เธอคิดในใจ แต่ลึก ๆ แล้ว...ก็อดยิ้มไม่ได้
รถของราวินแล่นออกไปจากซอย ทิ้งค่ำคืนที่ทำให้มิวรู้สึกอบอุ่นและกุ๊กกิ๊กยุบยิบคันหัวใจไม่น้อย