ตอนที่ 10 พี่จะไม่ทนแล้วนะ...

2038 Words
กันต์แทบจะอุ้มขนมขึ้นลิฟต์ด้วยแขนข้างเดียว มืออีกข้างกดชั้นห้องพักที่เขาจองไว้เผื่อเหตุฉุกเฉินตั้งแต่รู้ว่าจะมางานนี้ หัวใจเขาเต้นแรงไม่แพ้ฤทธิ์ยาที่กำลังคุกคามเธอ ขนมซบไหล่เขาแน่น ใบหน้าแดงก่ำ ลมหายใจร้อนผ่าวรดคอเสื้อเชิ้ตสีดำของเขา “พี่...หนูร้อน...ร้อนมากเลย...” เสียงเธอพร่าเล็กน้อยมือเล็กเกาะแขนเขาแน่นจนเล็บจิกเนื้อ “อีกนิดเดียว เดี๋ยวถึงห้องแล้ว” กันต์กัดฟัน กลั้นใจไม่ให้คิดถึงเนินอกที่แนบชิดกับแผ่นอกของเขา ลิฟต์เปิดชั้น 28 เขาแทบลากเธอเข้าไปในห้องสวีทที่มืดสนิท ก่อนเปิดไฟสลัว ๆ แล้วอุ้มเธอวางลงบนโซฟาหนังนุ่ม มือเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดข้อความอย่างรวดเร็ว กันต์: ‘มิว ขนมไม่สบาย พี่พากลับก่อน อย่าห่วง’ กันต์: ‘วิน ช่วยพามิวกลับบ้านให้หน่อย อย่าให้ยัยนั่นขับรถเอง’ ส่งข้อความเสร็จ เขาวางโทรศัพท์ลงแล้วหันไปมองเธอ ขนมนั่งกอดเข่าตัวเอง มือเล็กกำชายเดรสสีไวน์แดงแน่น หน้าอกกระเพื่อมถี่ตามลมหายใจหอบ ๆ “พี่...ช่วยหนูด้วย...” เธอเงยหน้ามองเขา ตาแดงก่ำ น้ำตาคลอ “หนู...ทนไม่ไหวแล้ว...” กันต์กลืนน้ำลาย เขารีบเดินเข้าห้องน้ำ เปิดก๊อกน้ำเย็นจัด เติมน้ำลงอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ แล้วกลับมาอุ้มเธอเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่สนใจว่าเดรสเธอจะเปียก “ทนอีกนิดนะ” เขากระซิบข้างหู ก่อนอุ้มเธอลงอ่าง น้ำเย็นจัดกระเซ็นขึ้นมาเปียกเสื้อเชิ้ตของเขา แต่เขายังประคองเธอไว้แน่น “อ๊า...เย็น!” ขนมสะดุ้ง แต่ฤทธิ์ยาแรงเกินกว่าจะทำให้เธอสงบ เธอเกาะไหล่เขาแน่น มือเล็กเลื่อนลงไปที่อกเสื้อเปียก ๆ “พี่...กอดหนู...กอดแน่น ๆ ...” กันต์กัดฟันแน่น ขณะที่เธอซุกไซ้ใบหน้ากับซอกคอเขาไม่หยุด เขารีบเอื้อมมือเปิดฝักบัว ปล่อยให้น้ำเย็นจัดราดลงบนเรือนผมของเธอ สายน้ำเย็นเฉียบไหลซึมตามซอกคอ ลูบไล้ลงมาตามแผ่นหลัง ก่อนจะชโลมเนื้อผิวขาวเนียนจนชุ่ม ชุดเดรสที่เธอสวมอยู่แนบสนิทไปกับเรือนร่างจากน้ำเย็น ราวกับกลายเป็นผิวหนังชั้นที่สอง เผยสัดส่วนเว้าโค้งที่ไม่เคยมีใครได้เห็น สองเต้าอวบอิ่มเบียดชิดแผ่นอกเขา บริเวณยอดอกที่แข็งชูชันแนบแน่นกับผ้าเปียกชื้น ทำให้หัวใจของเขาเต้นโครมคราม ริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอร้อนผ่าวเมื่อแตะที่ลำคอเขา เป่าลมหายใจอุ่นจัดรดผิวเนื้อ ขณะที่มือเล็กไล้ต่ำลงมาตามแผ่นท้องของเขาอย่างไม่รู้ตัว เขากลั้นใจ ดวงตาแดงก่ำ ร่างกายแข็งเกร็งแทบทุกส่วน ราวกับความอดทนกำลังถูกเผาไหม้ช้า ๆ “ขนม...” เสียงเขาแหบพร่า “อย่ายั่วพี่แบบนี้...” แต่เสียงเล็ก ๆ ที่ตอบกลับมานั้นทั้งสั่นเครือและเร้าใจจนหัวใจเขาเต้นแรงแทบหลุดออกจากอก “พี่...หนูอยาก...อยากให้พี่...” เสียงของเธอเต็มไปด้วยไฟปรารถนาที่ถูกปลุกขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ “อย่าทิ้งหนู...กอดหนูแน่น ๆ ได้ไหม...” กันต์ตัวแข็งทื่อ เขาพยายามฝืนใจ และพยายามเรียกสติขนมให้กลับมา “ขนม ใจเย็น มองหน้าพี่นะ...” แต่เธอกลับโผเข้ามาแนบแน่นกว่าเดิม หน้าอกอิ่มเบียดอกเขาจนแทบหายใจไม่ออก ใบหน้าแดงจัด ตาแดงก่ำ ริมฝีปากเผยอหอบหายใจ มือเล็กเลื่อนไปสัมผัสกลางลำตัวของเขาช้า ๆ เขาสบถในใจ ‘แม่งเอ๊ย...ยั่วกันขนาดนี้ กูจะทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ’ เสียงเขาแหบต่ำจนแทบกระซิบ “พี่จะไม่ทนแล้วนะ...” มือใหญ่คว้าข้อมือเธอไว้แน่น แต่ไม่ผลักออก มีเพียงแรงที่สั่นระริกด้วยความต้องการที่สะสมมานาน เขาโน้มหน้าลงใกล้ กลิ่นหอมจาง ๆ จากคอเธอปะปนกลิ่นน้ำเย็น ยิ่งทำให้สติหลุด “พี่...กอดหนู..หน่อยได้ไหมคะ...” เสียงนั้นหวานลึก เย้ายวนปนวิงวอน ขณะที่มือเล็กเลื้อยขึ้นมาโอบรอบคอเขาแน่น กันต์สูดหายใจเฮือก ราวกับความอดทนของเขาขาดสะบั้น เขายกร่างของเธอขึ้นจากอ่าง น้ำเย็นหยดจากร่างทั้งสองเป็นทาง แต่เปลวร้อนระหว่างกันกลับยิ่งทวีคูณ เขาวางเธอลงบนเตียงเนื้อนุ่มขนาดคิงไซส์ในห้องนอน ก่อนจะโน้มตัวคร่อมทับ ร่างเปียกชื้นของทั้งคู่แนบชิดจนไม่อาจห่าง มือใหญ่จับข้อมือเธอกดไว้เหนือศีรษะ ความอบอุ่นจากฝ่ามือแผ่ซ่านลงสู่ผิวเนื้อที่เย็นเฉียบ ดวงตาของเขาดำมืดด้วยความปรารถนา...ก่อนที่ริมฝีปากร้อนจัดจะเคลื่อนลงมาช้า ๆ “เราแน่ใจนะ...” เสียงเขาดังพร่า ดวงตาคมกริบจ้องเธอ “ถ้าพี่เริ่ม...พี่จะไม่หยุด” ขนมเงยหน้าขึ้นมองเขา สบตากันนิ่ง “พี่กันต์...” “หืม?” “หนู...โอเคถ้าเป็นพี่ค่ะ” เขานิ่ง...แต่ในใจคือระเบิดลูกใหญ่ที่พร้อมแตก ... ด้านล่างห้องจัดเลี้ยง แสงไฟระยิบระยับยังคงสาดส่อง แต่บรรยากาศรอบเวทีเริ่มคึกคัก มิวที่เพิ่งรับโล่เกียรติยศเสร็จ เธอเดินลงจากเวทีด้วยรอยยิ้มกว้าง ผมยาวสะบัดพลิ้ว เดรสเกาะอกสีดำกำมะหยี่เว้าหลังลึกจนหลายคนแอบมองตาม แต่สายตาของเธอกลับมองหาเพื่อนรักที่หายไป “ขนมไปไหนอะ?” มิวพึมพำกับตัวเอง มือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คข้อความทันที กันต์: ‘มิว ขนมไม่สบาย พี่พากลับก่อน อย่าห่วง’ มิวเบิกตากว้าง “ห๊ะ? ไม่สบาย? แล้วพี่กันต์พาไปไหน…” “น้องมิว” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นข้างหลัง มิวหันขวับ เจอกับราวินยืนยิ้มกว้างในชุดสูททักซิโด้สีน้ำเงินเข้ม แว่นบางกรอบทองสะท้อนแสงไฟ เข็มกลัดปีกนกที่อกซ้ายวาววับ เขายื่นมือมาช่วยรับโล่จากเธออย่างสุภาพ “ยินดีด้วยนะ” ราวินพูดพลางยิ้มมุมปาก ดวงตาคมใต้กรอบแว่นจ้องเธอไม่วางตา “ปะ กลับกัน เดี๋ยวพี่ไปส่ง” มิวหรี่ตา “แล้วขนมล่ะคะ?” ราวินยกมือขยับแว่นเล็กน้อย “กันต์พากลับไปก่อนแล้ว” “ห๊ะ? แล้วทำไมพี่วินต้อง...” มิวชะงัก ก่อนจะกลอกตาแรง “อ้อ...เข้าใจละ พี่กันต์กลัวหนูกลับเองไม่ได้ใช่มั้ย?” ราวินหัวเราะในลำคอ “มาเถอะน่ะ พี่อยากบริการเรา” มิวเม้มริมฝีปาก แต่สุดท้ายก็ยอมเดินตามเขาไปที่ลานจอดรถ รองเท้าส้นสูงกระทบพื้นดังกึกกึก ราวินเดินนำหน้า มือซุกกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทางสบาย ๆ แต่สายตากลับเหลือบมองแผ่นหลังขาวเว้าลึกของเธอในเดรสกำมะหยี่สีดำสนิทที่แนบไปกับรูปร่าง ‘ยัยนี่...แต่งแบบนี้มาได้ไงวะ’ เขาคิดในใจ มุมปากยกยิ้มน้อย ๆ อย่างห้ามไม่อยู่ รถยนต์สีดำเงาเปิดประตูอัตโนมัติ มิวขึ้นนั่งเบาะข้างคนขับ ราวินปิดประตูให้ก่อนเดินอ้อมไปขึ้นฝั่งคนขับ “คาดเข็มขัดด้วย” เขาพูดพลางสตาร์ทรถ มิวคาดเข็มขัด แต่สายตาแอบมองเขา “พี่วิน...พี่รู้อยู่แล้วใช่มั้ยว่า พี่กันต์กับขนมมันมีอะไรแปลก ๆ ?” ราวินยิ้มมุมปาก ขณะขับรถออกจากลานจอด “ไม่รู้สิ...รู้แค่ว่า ขนมไม่สบายน่ะ” “มิวอยากให้เพื่อนสมหวัง” “ฮึ พี่กันต์นี่ก็โง่จริง” มิวกอดอก พลางบ่นแทนเพื่อนเสียงขุ่น “จริง ๆ ตอนนี้มันอาจจะคลั่งน้องขนมอยู่ก็ได้นะ” มิวหัวเราะลั่น “ฮ่า หนูก็ว่างั้น!” แล้วทันใดนั้น...เธอก็หันไปมองเขา “แล้วพี่วินล่ะ? ไม่คลั่งใครบ้างเหรอ?” ราวินหันมามองเธอแวบหนึ่ง ดวงตาคมวาววับใต้แสงไฟถนน “คลั่งสิครับ...แต่คนที่พี่คลั่งดันไม่รู้ตัว” มิวชะงัก “…ห๊ะ? ใครอะ?” เขาทำเพียงยกมุมปากเล็กน้อย ก่อนเหยียบคันเร่งเล็กน้อย รถพุ่งทะยานออกไปในยามค่ำคืน ทิ้งให้มิวนั่งงง ๆ แต่หัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ‘น้องมิว...อย่าให้ความอดทนของพี่หมดเลยนะ’ ราวินคิดในใจ พยายามข่มอารมณ์ที่พุ่งขึ้น รถแล่นผ่านถนนยามค่ำคืนที่ค่อย ๆ เงียบสงบลง แสงไฟจากเสาไฟฟ้าสาดส่องเป็นระยะ สะท้อนบนกระจกหน้ารถสีดำเงา มิวเอนตัวพิงเบาะนั่งข้างคนขับ มือเล็ก ๆ บีบโล่เกียรติยศที่เพิ่งได้รับมาอย่างเหนื่อยล้า แต่ยังมีรอยยิ้มติดมุมปาก เธอหันไปมองราวินที่นั่งขับรถ ดวงตาคมใต้กรอบแว่นสะท้อนแสงจากไฟบนถนน “พี่วิน...พี่จะไม่บอกหนูเหรอคะ?” มิวถามเสียงแผ่ว แต่แฝงความขี้เล่น เธอเอียงคอเล็กน้อย ผมยาวสลวยไหลลงไหล่ “ใครกันที่พี่คลั่ง? หรือว่า...มีหลายคน?” ราวินหัวเราะในลำคอเบา ๆ มือข้างหนึ่งจับพวงมาลัย มืออีกข้างเอื้อมไปเปิดเพลงเบา ๆ จากระบบเสียงในรถ เป็นเพลงแจ๊ซช้า ๆ ที่ทำให้บรรยากาศในรถอบอุ่นขึ้นทันตา “ทำไมอยากรู้จังเลยฮะ? หรือว่าน้องมิวกำลังหึงครับ?” “หึง? ฝันไปเถอะพี่!” มิวแกล้งทำหน้าบึ้ง แต่แก้มแดงระเรื่อ เธอหันหน้าหนีไปมองข้างทาง “หนูแค่...สงสัยเฉย ๆ น่ะ” “ก็พี่วินดูเป็นคนนิ่ง ๆ แต่จริง ๆ แล้วคงมีสาว ๆ ตามกรี๊ดเพียบแน่ ๆ” ราวินยิ้มมุมปาก หันมามองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะชะลอรถตรงสี่แยกไฟแดง “สาว ๆ ที่ตามกรี๊ด...ก็มี แต่คนที่พี่คลั่งจริง ๆ น่ะ มีคนเดียว” เขาพูดเสียงทุ้มนุ่ม แต่แฝงความจริงจัง “และคนนั้น...ชอบทำอาหารอร่อย ๆ แต่ไม่เคยทำมาให้พี่กินสักที” มิวชะงัก หันขวับมามองเขา ดวงตาโตเบิกกว้าง “ห๊ะ? พี่พูดถึงใคร...” “ถึงบ้านแล้วครับ” ราวินตัดบท ก่อนรถจะเลี้ยวเข้าซอยหน้าบ้านของมิว เขาจอดรถเรียบร้อย แล้วรีบลงไปเปิดประตูให้เธออย่างสุภาพบุรุษ มิวก้าวลงจากรถ มือยังกุมโล่แน่น หัวใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ เธอหันไปมองราวินที่ยืนยิ้มกว้างใต้แสงโคมไฟหน้าบ้าน “พี่วิน...เมื่อกี้พี่หมายถึง...” ราวินก้าวเข้าใกล้เล็กน้อย มือใหญ่เอื้อมไปปัดปอยผมที่ปลิวลงหน้าผากเธอเบา ๆ นิ้วอุ่นร้อนแตะผิวแก้มเธอแค่แปปเดียว แต่ก็ทำให้มิวตัวแข็งทื่อ “หมายถึงคนที่กำลังยืนหน้าบ้านตอนนี้ไงครับ” เขากระซิบเสียงพร่า “น้องมิว...พี่คลั่งเธอมาตั้งนานแล้ว แต่เธอไม่เคยรู้ตัวเลย” มิวหน้าแดงก่ำ มือเล็กยกขึ้นปิดปาก “พี่...พี่วิน! พี่พูดเล่นใช่มั้ย?” ราวินหัวเราะเบา ๆ ถอยหลังไปเล็กน้อย แล้วยื่นมือมาจับมือเธอเอาไว้ “ถ้าน้องมิวอยากรู้ว่าจริงมั้ย...พรุ่งนี้พี่มารับนะ พี่อยากลองชิมฝีมือทำอาหารของเธอจริง ๆ สักที” มิวก้มหน้างุด หน้าร้อนผ่าว แต่มีรอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก เธอค่อย ๆ ดึงมือออกช้า ๆ “เอ่อ...ก็ได้ค่ะ แต่ถ้าอาหารไม่อร่อย ห้ามบ่นนะ!” “สัญญาครับ” ราวินยิ้มตาหยี ก่อนจะโค้งตัวเล็กน้อยอย่างขี้เล่น “ฝันดีนะครับ น้องมิวของพี่” เขาหันหลังเดินกลับไปที่รถ ทิ้งให้มิวยืนยิ้มเขิน ๆ หน้าบ้าน หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกมา ‘พี่วิน...คนบ้าเอ๊ย มาพูดแบบนี้ทำไม!’ เธอคิดในใจ แต่ลึก ๆ แล้ว...ก็อดยิ้มไม่ได้ รถของราวินแล่นออกไปจากซอย ทิ้งค่ำคืนที่ทำให้มิวรู้สึกอบอุ่นและกุ๊กกิ๊กยุบยิบคันหัวใจไม่น้อย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD