“เอ้า มากินมา”
ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น เหมือนดั่งอดีตซูเปอร์สตาร์ตามตีสนิทกับไก่ป่า ถึงขั้นลงทุนทำอาหารไปโปรยให้ ช่วงแรกสองสามีภรรยายังโดนพวกมันขับไล่ กระทั่งผ่านไปหลายวันค่อยเริ่มคุ้นหน้าและยอมให้พวกเขาเข้าไปเก็บลูกท้อได้
แวบหนึ่งหลี่อี้เทียนนึกอยากจับพวกมันไปประกอบอาหาร แต่ก็เปลี่ยนใจเป็นนำไปเลี้ยงเพื่อเก็บไข่กินแทน จัดการสร้างเล้าละแวกแปลงผักซึ่งห่างออกจากตัวบ้าน เลี่ยงไม่ให้มีกลิ่นและเสียงรบกวน เขาเลือกตัวที่เชื่องหน่อยมาดูแล บางส่วนก็ปล่อยไว้ในป่าตามเดิม
ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ปิดกั้นอิสรภาพพวกมัน เพราะเข้าใจดีว่าไก่ป่าพวกนี้คุ้นชินกับธรรมชาติมากกว่า การเลี้ยงของเขาจึงเป็นในลักษณะกึ่งปล่อย วันดีคืนดีไก่ก็เดินออกจากเล้าเพื่อไปพบปะสหายในป่าก็มี
หลังให้อาหารไก่เสร็จในแต่ละวัน สองสามีภรรยาจะช่วยกันขยายแปลงผักและเตรียมหน้าดินให้พร้อมก่อนเริ่มการเพาะปลูก พืชบางชนิดสามารถดูแลต่อจากที่หลี่อี้เทียนคนก่อนปลูกไว้ได้เลย แต่บางอย่างต้องปลูกใหม่ สำหรับคนไร้ประสบการณ์ถือว่าท้าทายมากทีเดียว จะรอดหรือร่วงประเดี๋ยวได้รู้กัน
ดีที่ห้องเก็บของมีอุปกรณ์ทำการเกษตรครบถ้วน เมล็ดพันธุ์แยกใส่กระบอกพร้อมเขียนบอกเสร็จสรรพ อีกทั้งยังมีบันทึกวิธีการเพาะปลูกพืชชนิดต่างๆ ที่มาจากการลองผิดลองถูก แสดงว่าหลี่อี้เทียนคนก่อนมีนิสัยละเอียดถี่ถ้วนใช้ได้
“น้องหญิง รับนี่ไป หลุมนึงหยอดสัก 3-4 เมล็ดพอนะ”
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
หลี่อี้เทียนส่งถ้วยใส่เมล็ดพันธุ์ให้ภรรยาพร้อมอธิบาย จากที่อ่านบันทึกมาเขามองว่าควรปลูกผสมกันระหว่างพืชระยะสั้นและพืชระยะกลาง จะได้มีผลิตผลไว้ขายได้เรื่อยๆ ไม่ขาดตอน ชาวนามือใหม่ตั้งใจปลูกผักบุ้งและหัวผักกาดแดงก่อน หากจะนำไปขายที่ตลาดวันใดค่อยเก็บของในป่ามาเสริมอีกทาง
หญิงสาวทยอยหย่อนเมล็ดหัวผักกาดแดงลงหลุมเล็กที่เตรียมไว้ตามคำกำชับของสามี ส่วนหลี่อี้เทียนย้ายไปอีกแปลงซึ่งห่างออกมา เพื่อไถพรวนดินให้ละเอียดหลังจากตากดินครบสิบวัน ถึงจะมีบันทึกแต่ก็ใช่ว่ามือใหม่จะเข้าใจได้โดยเพียงการอ่านไม่กี่รอบ เขางมอยู่นานกว่าจะทราบว่าการยกแปลงให้สูงนั้นทำอย่างไร
จากนั้นจึงใส่ปุ๋ยหมักและพรวนย่อยหน้าดินให้ละเอียด เมื่อปรับให้หน้าเรียบเสมอกันดีไม่มีหลุมไม่มีบ่อ เขาก็นำเมล็ดพันธุ์ที่แช่น้ำอุ่นเตรียมไว้ตั้งแต่หกชั่วยามก่อนมาหว่านกระจายไปทั่วแปลง หากไม่ได้มาลงมือเองคงไม่ทราบว่าขั้นตอนการปลูกพิถีพิถันและยิบย่อยกว่าที่คิด มันยังไม่จบเท่านี้ เขายังต้องเอาแกลบกลบเมล็ดพันธุ์แล้วคลุมด้วยฟางอีกทบ สาดน้ำใส่แปลงแบบส่งๆ ก็ไม่ได้ ต้องรดแบบฝอยเท่านั้น
เป็นแค่ผักบุ้ง แต่ระดับความเอาแต่ใจเทียบเท่าซูเปอร์สตาร์แถวหน้า หลี่อี้เทียนคิดว่านี่คงเป็นการชดใช้กรรมที่เคยทำกับผู้คนในภพก่อนรูปแบบหนึ่ง
เพิ่งเคยลองเพาะปลูกเป็นหนแรกในชีวิต หลินจื้ออิงทั้งตื่นเต้นและกระตือรือร้นไปพร้อมกัน เมล็ดหัวผักกาดแดงนอนแอ้งแม้งในแต่ละหลุมอย่างเป็นระเบียบ สามีบอกนางว่าให้โรยผงกระดูกลงไปด้วยเพราะจะช่วยกระตุ้นการเติบโต จากนั้นก็นำผ้าชุบน้ำพอชื้นมาคลุมหน้าดินถือเป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนแรก ที่เหลือคือหมั่นมาดูเป็นระยะจนกว่าเมล็ดจะงอกก่อน ถึงค่อยทำขั้นตอนถัดไปได้
ครึ่งเดือนที่ผ่านมาชีวิตคู่พวกเขามักดำเนินไปในรูปแบบนี้ เรียบเรื่อยหากแต่ก็เกื้อกูลกันดี ชีวิตคนที่เพิ่งทะลุมิติมาจึงไม่อ้างว้างเท่าใดนัก
กว่าสองสามีภรรยาจะจัดการไถดินแลหว่านเมล็ดพันธุ์เสร็จ ดวงอาทิตย์ก็ขึ้นเลยศีรษะไปเล็กน้อย พวกไก่ป่าพากันหลบแดดในเล้าตั้งแต่สองชั่วยามก่อน หลี่อี้เทียนจึงชักชวนภรรยากลับบ้านพักผ่อนบ้าง
แม้จะเหนื่อยจากการปลูกผักกลางแจ้งมา ทว่าหลินจื้ออิงไม่ยอมขาดตกบกพร่องเรื่องอาหารการกิน เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ตรงรี่ล้างเนื้อตัวแล้วเข้าครัว เตรียมมื้อกลางวันเป็นหมี่ผัดอย่างง่ายสองจาน
“เจ้าทำอาหารอร่อยทุกอย่างเช่นนี้ ข้าต้องอ้วนขึ้นเป็นแน่”
เสียงทุ้มว่าขึ้นหลังจากกินเกลี้ยงจาน สมัยยังมีชีวิตเป็นซูเปอร์สตาร์ เขาต้องควบคุมเรื่องการกินไม่เคยได้ตามใจปาก พอมาอยู่ที่นี่ เจอของรสเลิศเลยเผลอเจริญอาหารมันเสียทุกมื้อ
“ถ้าถูกปากท่านพี่ ข้าก็ดีใจแล้วเจ้าค่ะ เติมอีกหรือไม่เจ้าคะ?”
“น้องหญิง เจ้าอย่าขุนข้า” ชายหนุ่มรีบยกมือปรามทันที
“ท่านพี่กินลูกท้อปิดท้ายนะเจ้าคะ” เห็นอีกคนปฏิเสธอาหารจึงเสนอแนะผลไม้ให้แทน ผู้เป็นสามียังไม่ทันตอบอะไร ลูกท้อหั่นพร้อมรับประทานก็วางลงตรงหน้าแล้ว หลี่อี้เทียนคิดในแง่ดีว่าผลไม้ดีต่อสุขภาพและไม่ทำให้อ้วน เช่นนั้นจงกินมันเข้าไปโดยไม่ต้องรู้สึกผิด
กลิ่นหอมอ่อนๆ แตะปลายจมูก เมื่อส่งชิ้นหนึ่งเข้าปาก รสหวานอมเปรี้ยวพลันแผ่กระจายไปทั่ว ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะสายพันธุ์หรือดินอุดมด้วยแร่ธาตุ หากนี่คือยุคปัจจุบันคุณภาพลูกท้อจัดเป็นสินค้าเกรดพรีเมียมส่งออกได้อย่างสบายๆ สมกับที่ลงแรงตีสนิทไก่ป่าเพื่อได้สิทธิ์เข้าเก็บลูกท้อในที่ดินของตัวเอง
“ท่านพี่เจ้าคะ”
“หืม?”
“พวกเราจะขายผลท้อทันหรือเจ้าคะ?”
หลังจากสร้างความคุ้นเคยและตีสนิทกับไก่ จนสามารถเข้าพื้นที่ตัวเองได้อย่างที่ควรจะเป็นแล้ว พวกเขาก็เก็บลูกท้อกันมาล้นตะกร้าสองใบ สามีบอกว่าจะนำไปขายในวันพรุ่งนี้ แต่จำนวนผลที่มีมันค่อนข้างมาก นางเกรงว่ามันจะเน่าเสียก่อนขายหมด
“อ้อ กังวล ข้าตั้งใจจะเอาบางส่วนไปถามราคากับร้านของตระกูลเหอดูก่อน ถ้าราคาเหมาะสมก็ขายให้ไป แต่ถ้าทางร้านให้ราคาไม่ดีเราก็ขายกันเองที่ตลาด เจ้าพร้อมเหนื่อยกับข้าหรือไม่เล่า?”
“ท่านเป็นสามีข้า ข้าต้องช่วยท่านสิเจ้าคะ ข้าไม่ให้ท่านเหนื่อยคนเดียวหรอกเจ้าค่ะ” รอยยิ้มอ่อนหวานแต้มบนใบหน้ามน หลินจื้ออิงกล่าวด้วยความบริสุทธิ์ใจ ทว่าเขากลับรู้สึกเหมือนโดนเด็กแอ๊วอย่างไรชอบกล
“อิงเอ๋อร์มีน้ำใจนัก” คนฟังรู้สึกมันเขี้ยวปนเอ็นดู มือใหญ่วางบนศีรษะทุยแล้วขยี้ผมอีกฝ่ายจนยุ่งเหยิง
“ข้าได้ยินผู้คนบ่นว่าร้านของตระกูลเหอกดราคา”
“ผลท้อมีสรรพคุณทางยาไม่น้อย เขาอาจให้ราคาดีก็เป็นได้ แต่ถ้าไม่ ก็ทำตามที่ข้าว่า” ร่างสูงลุกไปหยิบตะกร้าที่บรรจุผลท้อมาวางบนโต๊ะ มือคว้ามันขึ้นมาหนึ่งลูกพลางครุ่นคิด
“พวกนี้แปรรูปได้หลายอย่าง ท่าทางพรุ่งนี้เราคงยุ่งทั้งวัน”
ลองประเมินถึงสิ่งจำเป็นสำหรับการแปรรูป แล้วพบว่ายังขาดอยู่หลายอย่าง ไว้พรุ่งนี้หลังจากนำของไปขายค่อยหาซื้อที่ตลาดเพิ่มเติม