ตอนที่ 14

2814 Words
ตอนที่ 14 ชายหนุ่มกำลังสนทนาเกี่ยวกับธุรกิจหลากหลายรูปแบบ ทั้งด้านรถยนต์ ด้านอสังหา ธุรกิจของเขาเติบโตขึ้นเรื่อยๆจนเป็นที่จับตามองของใครหลายๆคน เขาทั้งยังหนุ่มยังแน่น แถมฉลาดเป็นกรด ไม่แปลกเลยที่มีคนอยากทำธุรกิจร่วมกับเขามากมาย “หวังว่าจะได้ร่วมงานกันนะครับ” มอร์แกนจับมือชายวัยกลางคน ที่เพิ่งคุยกับเขาจบ “ยินดีมากครับ” ชายหนุ่มยกกาแฟจิบ เขารู้สึกเพลียนิดหน่อย เพราะเมื่อคืนใช้แรงเยอะ และยังต้องตื่นมางานนี้แต่เช้า งานที่ไม่มีชื่อเรียก งานนี้จะเชิญเฉพาะคนที่ฮ็อบส์เจ้าของงานคลาวไนท์ต้องการอยากให้มาพบเท่านั้น งานนี้จัดขึ้นเงียบๆ ฮ็อบส์ต้องการขยายธุรกิจของตัวเองให้กว้างขึ้นมากกว่าเก่า จึงจัดงานลับๆนี้ขึ้นทีหลัง มอร์แกนไม่ค่อยชอบงานนี้สักเท่าไหร่ เพราะเหมือนถูกยืมมือมาสร้างธุรกิจให้เขา “ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหมมอร์แกน” ฮ็อบส์เข้ามาหาเขาก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม เขาส่งยิ้มให้ “ครับ” “เห็นว่ามีโครงการใหญ่กับคุณทัน ตอนนี้ไปถึงไหนแล้วล่ะ” “เกือบสมบูรณ์แล้วครับ อีกไม่นานคงได้เห็นกัน” “ฉันชอบคุยกับวัยรุ่นยุคใหม่ๆนะ เหมือนได้เห็นตัวเองตอนยังเป็นวัยรุ่น ชีวิตมันไม่ง่ายเลยนะ” ฮ็อบส์พูดพลางจิบไวท์ในมือไปด้วย “ไททัน” เขาเอ่ยเรียกร่างสูงที่กำลังจะเดินออกไปด้านนอก ไททันหันกลับมามองยังต้นเสียง สายตาของเขามองเพื่อนร่วมโต๊ะที่นั่งตีหน้านิ่งแล้วรู้สึกไม่อยากเดินมาสักเท่าไหร่ เขาถอนหายใจทิ้งแล้วเดินมาหาฮ็อบส์ “จะไปไหน” “ผมอยากออกไปสูดอากาศข้างนอก” “นั่งด้วยกันก่อนสิ” ไททันนั่งลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงเขาจะอยากเดินออกไปมาก แต่ก็ต้องให้เกียรติเจ้าของงานด้วย “เห็นว่ากำลังก่อตั้งโรงแรมที่ต่างประเทศอีกหลายที่เลย เป็นยังไงบ้าง” “กำลังไปด้วยดีครับ ว่างๆก็เรียนเชิญนะครับ” เขามองไปยังมอร์แกนที่นั่งนิ่ง บรรยากาศน่าอึดอัดเสียจริง “วัยรุ่นสมัยนี้เก่งกันเสียจริง เหมือนขาดอะไรไปเลยนะ” ฮ็อบส์ทำท่าคิดก่อนจะเอ่ยออกมาในที่สุด “คลอเรน คลอเรนไปไหนกัน” เขาสาดสายตามองไปรอบๆงานก่อนจะเจอเป้าหมาย เขากวักมือเรียกเจ้าของชื่อ เขาเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาอย่างไม่ลังเล “อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยนะครับ” เขาเอ่ยเมื่อหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ “ได้ข่าวว่าทำหลายธุรกิจเลยนะ ทั้งโรงแรม ทั้งชิ้นส่วนรถยนต์ ต่อๆไปคงได้เห็นธุรกิจผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดแน่ๆ” “ก็คงจะไม่ได้ผุดจากผมคนเดียวหรอกครับ ไหนจะธุรกิจของไททัน ไหนจะธุรกิจของมอร์แกน เกรงว่าผมจะสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ” มอร์แกนและไททันยิ้มมุมปาก การมานั่งรวมกันของทั้งสามคนบนโต๊ะไม่ใช่เรื่องที่หน้ายินดีสักเท่าไหร่ “ยิ่งไททันกับมอร์แกนเป็นเพื่อนสนิทกันด้วยแล้ว จะทำอะไรผมคงต้องคิดให้มากๆ” คลอเรนมองไปยังชายหนุ่มทั้งสอง ที่ตอนนี้คงอยากขย้ำคอเขาเต็มที “ฉันคงต้องขอตัว ปล่อยให้วัยรุ่นเขาคุยกันดีกว่า” ฮ็อบส์ทิ้งระเบิดเอาไว้ก่อนจะลุกออกไปจากวงสนทนา ทั้งสามคนนั่งมองหน้ากันอย่างไม่ลดละสายตา “ทั้งสองคนยังเหมือนเดิมเลยนะ” คลอเรนพูดพลางยิ้มกวนประสาท “แต่นายเปลี่ยนไปมากเลยนะคลอเรน ไม่เจอกันตั้งเกือบสิบปีแน่ะ” ไททันเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “แต่กับบางคน ต่อให้เวลาผ่านไปนานขนาดไหน ก็ยังคงไม่เปลี่ยน” มอร์แก่นเอ่ยพลางมองไปยังไททัน “นี่ยังไม่เลิกทะเลาะกันอีกหรอวะ” คลอเรนยิ้มร่า ราวกับเด็กได้ของเล่นใหม่ “คนที่ถูกมองว่าผิดตั้งแต่แรก ก็ผิดไปจนตายนั่นแหละ” ไททันสาดคำพูดคืน ทำเอาชายหนุ่มเริ่มอารมณ์เสีย “คำพูดแกมันยังเชื่อได้อีกหรอวะ” มอร์แกนส่งสายตาดุดันไปยังไททัน คลอเรนมองเรื่องตรงหน้าราวกับเป็นเรื่องสนุก “ฉันไม่ได้ขอให้แกเชื่อนิ” มอร์แกนลุกขึ้นกระชากคอเสื้อของไททัน เขาไม่ตอบโต้ใดๆทั้งสิ้น “อย่าปากดีนักเลยไททัน” “ฉันก็ไม่อยากจะห้ามหรอกนะ” คลอเรนนั่งมองกอดอกมองเหตุการณ์ตรงหน้า “แต่ตอนนี้คนเริ่มมองเราเยอะเกินไปแล้วว่ะ” มอร์แกนปล่อยไททันเป็นอิสระก่อนนั่งลงที่เดิม เขากระดกไวท์จนหมดแก้ว “ทะเลาะกันเป็นเด็กไปได้ นานๆทีจะได้มาร่วมโต๊ะกันแบบนี้ อย่าทำให้เสียบรรยากาศสิวะ” คลอเรนพูดราวกับกำลังสอนเด็กที่อายุน้อยกว่า ทั้งสองคนดูไม่ได้ใส่ใจเขาสักเท่าไหร่นัก “ตอนนี้ฮ็อบส์กำลังจะสร้างเครือข่ายขนาดใหญ่ พวกแกรู้อะไรกับเรื่องนี้บ้าง” คลอเรนเริ่มพูดจริงจัง “ฉันไม่ยอมให้ใครมายืมมือฉันไปสร้างธุรกิจผิดกฎหมายหรอก” มอร์แกนออกความคิดเห็นบ้าง “แต่คนอย่างฮ็อบส์ ไม่มีทางหยุดง่ายๆหรอก เส้นสายใหญ่ยิ่งกว่าเรารวมกันซะอีก” ไททันพูดพลางมองไปยังฮ็อบส์ที่ยืนคุยกับคนอื่นๆอยู่ “ฉันก็แค่อยากเตือนเอาไว้ ฮ็อบส์ไม่ใช่คนที่จะหยุดอะไรง่ายๆ และถ้าแกสองคนยังทะเลาะกันอยู่แบบนี้ มีหวังตกเป็นเครื่องมือของฮ็อบส์ได้ง่ายๆ” คลอเรนว่า “ฉันไม่โง่หรอกน่า” มอร์แกนพูดขึ้น บางทีเขาก็เบื่อความมั่นอกมั่นใจของคลอเรนซะจริง “ฉันจะคอยดูก็ละกัน แล้วก็อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานซะล่ะ” คลอเรนพูด ถึงแม้จะเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ แต่เขาทั้งสามคนรู้จักกันดีที่สุด และยังเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ของทั้งสามคนต่างก็รู้จักกันดี แม้ความสนิทสนมจะหายไปมากแล้ว “พรุ่งนี้ฮ็อบส์คงคุยเรื่องนี้ และเราคงจะได้รู้ว่าใครอยู่ฝั่งเขาบ้าง” ไททันเอ่ยเสียงเรียบ เขาเองก็เสียพ่อแม่ไปแล้ว เขารับช่วงต่อธุรกิจจากทางบ้าน จากโรงแรมเพียงสองแห่ง เขาก็สามารถบริหารจนมันสามารถขยายไปได้อีกหลายประเทศ “ฉันขอตัวก่อนดีกว่า มีงานต้องทำอีกเยอะ หวังว่าพรุ่งนี้แกสองคนคงไม่ทะเลาะกันอีกนะ ถึงมันจะสนุกสำหรับฉันมากก็เถอะ แต่คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เพราะฉันหัวเราะเสียงดังไม่ได้ มันเสียภาพพจน์ว่ะ” คลอเรนพูดทิ้งท้าย ก็ยังไม่วายกวนประสาท มอร์แกนลุกขึ้นออกจากวงสนทนาไป ปล่อยให้ไททันนั่งอยู่เพียงลำพัง เขาถอนหายใจทิ้งอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะลุกออกไปบ้าง การกระทำของทั้งสามคนเมื่อครู่ถูกจับตามองอยู่ห่างๆ โดยใครบางคน ร่างระหงส์ของมิรันตากำลังนั่งมองรูปจากกล้องวงจรปิดที่ถูกส่งมาให้โดยชายนิรนาม “มอร์แกนส่งมาให้รึไง” เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น “ไม่ใช่หรอก ถึงเขาจะสงสัยฉัน แต่เขาไม่ส่งรูปมาให้ฉันแบบนี้หรอก ยิ่งถ้าเขามั่นใจว่าฉันทำจริงๆเขาคงบึ่งรถมายิงฉันที่หน้าบ้านแล้วล่ะ” “เธอจะทำยังไงต่อ” “ฉันไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่” “คนอย่างเธอไม่ค่อยพลาดนี่ กับผู้หญิงแค่คนเดียว” “มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกบูตัส นังอันนาเป็นลูกสาวของโรมัน ขนาดพ่อมันตายไปแล้ว ลูกยังตามมาหลอกหลอนไม่เลิก” หญิงสาวพูด ใบหน้าเธอเครียดอย่างเห็นได้ชัด “ฉันชักอยากเจอผู้หญิงคนนั้นแล้วสิ” ใบหน้าคมเข้มรูปร่างกำยำมองรูปในมือ บูตัสพูดพลางยิ้มไปด้วย “ได้เจอแน่ ตอนแรกฉันแค่อยากจะทำให้มันรู้ว่ามอร์แกนเป็นของฉัน แต่ตอนนี้ฉันอยากทำมากกว่านั้น ฉันอยากทำให้มันเจ็บปวดจนตายไปเลย” “ตอนนี้บริษัทนั่นก็ตกอยู่ในมือคลอเรนแล้ว หลังจากเหตุการณ์ครั้งก่อน ดูเหมือนคลอเรนกำลังหาตัวคนผิดมาลงโทษอยู่นะ เธอเล่นไปสร้างคามวุ่นวายที่โรมแรมมันขนาดนั้น มันคงไม่ปล่อยไว้หรอก เผลอๆรูปนี้ คลอเรนอาจเป็นคนส่งมาให้เธอก็ได้ ฉันว่าเธอจัดการตัวเองให้รอดก่อนไปจัดการอันนาดีกว่าไหม” “นี่บูตัส แกเป็นเพื่อนฉันจริงๆรึป่าวเนี่ย” มิรันตาพูดพร้อมกอดอกมองฝ่ายชาย “ฉันเตือนด้วยความหวังดี ในฐานะเพื่อน” “ไม่รู้ล่ะ แกต้องช่วยฉันกำจัดมันด้วย” “ไว้ฉันแวะมาหาใหม่ดีกว่า” ชายหนุ่มพูดพร้อมหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซต์ Harley Davidson Cosmic Starship เอาไว้ในมือ เขาหยิบเสื้อแจ็คเก็ตหนังมาคลุมก่อนจะโบกมือลาเพื่อนสาวแล้วเดินออกไป มิรันตาโยนรูปพวกนั้นทิ้งลงถังขยะ “ฉันไม่หยุดแค่นี้แน่ อันนา” ร่างเล็กกำลังเกาะห่วงยางลอยคออยู่ในสระน้ำภายในห้องอย่างสนุกสนาน มอร์แกนสั่งห้ามเธอออกนอกห้อง เธอเลยได้แต่ขลุกอยู่ในนี้ทั้งวัน บ่ายแก่ๆชายหนุ่มก็กลับมา “เสร็จแล้วหรอคะ” เธอตีน้ำพาร่างตัวเองไปยังขอบสระ “อือ สนุกใหญ่เลยนะ” “ก็คุณไม่ให้ฉันออกไปไหนนิ ฉันก็ต้องหาอะไรทำบ้าง” มอร์แกนถอดเสื้อผ้าออก เหลือแต่บ็อกเซอร์ก่อนจะกระโดดลงไป “คุณทำอะไรเนี่ย” “ฉันก็อยากเล่นน้ำกับเธอไง” เขาว่ายน้ำมาหาหญิงสาวก่อนจะกอดเธอเอาไว้ “วันนี้เราไปเดินเล่นที่ชายหาดกันไหม” มอร์แกนเอ่ยชวน เธออึกอักเล็กน้อย เพราะกลัวไปเจอแขกไม่ได้รับเชิญอย่างไททันและคลอเรนแล้วจะเกิดเรื่องอีก “ทำไมคิดนานจัง ไม่อยากไปหรอ” “ป่าวค่ะ ไปก็ได้ค่ะ” เธอตอบออกไป ชายหาดตั้งกว้างเธอคงไม่ซวยขนาดนั้นละมั้ง ชายหนุ่มเอาคางเกยไหล่หญิงสาวเอาไว้ เขากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น “เหนื่อยหรอคะ” “ป่าวหรอก ฉันแค่อยากกอดเธอเอาไว้” เธอยอมให้กอดแต่โดยดี เขาคงมีเรื่องเครียดอะไรสักอย่าง ถึงเธอจะช่วยอะไรไม่ได้อย่างน้อยก็เป็นที่พึ่งทางใจให้เขาได้ ตะวันเริ่มลับขอบฟ้า ทั้งสองเดินอยู่ริมชายหาด มอร์แกนจับมือเธอเอาไว้ตลอดทางราวกับกลัวว่าเธอจะหลงทางยังไงอย่างงั้น “บรรยากาศดีจัง คนไม่ค่อยเยอะด้วย” “ค่ะ ไม่วุ่นวายดีนะคะ” หญิงสาวยิ้มอย่างสุขใจ ตั้งแต่มาอยู่กับมอร์แกนแทบจะไม่มีวันไหนไม่เกิดเรื่องเลย ความสุขหายากจริงๆสินะ “เมื่อวานตอนขากลับฉันแวะซื้อกำไลข้อมือให้เธอด้วย” มอร์แกนสร้อยข้อมือจี้รูปหัวใจให้เธอ หญิงสาวเอื้อมมือจะหยิบดูแต่ชายหนุ่มชักมือกลับ “อยากได้รึป่าว” เธอพยักหน้ารับ “ตามมาเอาให้ได้สิ” ร่างสูงกึ่งเดินกึ่งวิ่งหนีเธอไป “คุณมอร์แกน” หญิงสาววิ่งตามร่างสูงไป เขาเดินเพียงไม่กี่ก้าวเธอก็ต้องวิ่งตามซะแล้ว “รอฉันด้วย” “ตามให้ทันสิ” เขาหัวเราะร่าราวกับได้แกล้งเด็ก หญิงสาวหยุดเหนื่อยหอบ ทำยังไงก็ตามร่างสูงไม่ทันเสียที “คุณขายาวกว่าฉันตั้งเยอะ” ชายหนุ่มเดินมาหาหญิงสาวที่กำลังเหนื่อยหอบอยู่ “ไม่แกล้งแล้วก็ได้ ยื่นมือมาสิ” หญิงสาวยื่นมือไปอย่างว่าง่าย เขาบรรจงสวมกำไลข้อมือให้เธอ “น่ารักจังเลยค่ะ” “ห้ามทำหายเด็ดขาด ไม่งั้นเธอโดนแน่” “รู้แล้วค่ะ” เธอทำหน้าล้อเลียนเขา “ทำอะไรกันอยู่นะหนุ่มสาวคู่นี้” เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น ทั้งคู่หันไปมองยังต้นเสียงก่อนจะพบกับฮ็อบส์ที่กำลังเดินเข้ามาหาพวกเขา “เดินเล่นกันอยู่น่ะครับ” มอร์แกนตอบ สีหน้าเขาดูไม่ดีนัก “หญิงสาวคนนี้หน้าคุ้นๆนะ” ร่างเล็กมองไปยังฮ็อบส์ที่กำลังมองหน้าเธออย่างสงสัย “ใช่คนที่มากับไททันในงานคลาวไนท์รึป่าว” เธอพยักหน้าให้น้อยๆ “มีอะไรรึป่าวครับ” “ฉันเห็นเด็กผู้หญิงคนนี้แล้วคิดถึงใครบางคน เลยอยากจะทำความรู้จักเธอหน่อย ที่จริงฉันอยากจะทำความรู้จักตั้งแต่งานคลาวไนท์แล้วล่ะ แต่ยุ่งๆ เลยไม่มีเวลา ไม่คิดว่าจะมาเจอที่งานนี้อีก” “ค่ะ” “สงสัยโชคชะตาจะพาให้เรามาเจอกัน ใช่ไหมหนูอันนา” หญิงสาวตกใจเล็กน้อย ตอนนั้นตอนที่อยู่กับทันเธอบอกเขาว่าเธอชื่อแองจี้นี่นา อย่างนี้เขาก็รู้แล้วว่าเธอโกหก แลวเขารู้ชื่อจริงๆของเธอได้ยังไง หรือเขาจำเธอเธอได้กันนะ “เอ๊ะ หรือว่าชื่อแองจี้กันนะ” ฮ็อบส์หัวเราะร่า เขาน่ากลัวเกินไปแล้ว “เราสองคนขอตัวก่อนนะครับ” มอร์แกนจับมือหญิงสาวก่อนจะพาเดินออกไป เธอมองไปยังฮ็อบส์ที่กำลังมองเธออยู่เหมือนกัน รอยยิ้มบนใบหน้าเขาช่างดูน่ากลัวเหลือเกิน ไม่เหมือนชายคนที่เธอเคยรู้จักอีกต่อไป มอร์แกนพาเธอกลับมายังห้อง เขามองเธอด้วยความสงสัย “แองจี้หรอ เธอเจอฮ็อบส์ที่งานคลาวไนท์ด้วยหรอ” อันนาพยักหน้าให้ “ค่ะ” “แล้วแองจี้คืออะไร” “ฉันบอกเขาว่า ฉัน..ชื่อแองจี้ค่ะ” “เฮอะ ทำไมล่ะ” “ฉันแค่ไม่อยากให้ใครมารู้จักฉัน แล้วฉันก็ไม่คิดว่าจะเจอเขาอีก” ชายหนุ่มกุมขมับ “แล้วเกิดอะไรขึ้นอีก” อันนาส่ายหัวไปมา “ไม่มีแล้วค่ะ เราคุยกันแค่แปปเดียว” “แล้วตอนนี้ฮ็อบส์รู้ชื่อเธอได้ยังไง” “ฉันไม่ทราบค่ะ” มอร์แกนเริ่มวิตกเข้าไปใหญ่ เขาต้องจำอันนาได้แน่ว่าเธอคือลูกของโรมัน ถ้าเป็นแบบนี้เขาก็จะยิ่งตามหาสาเหตุการล้มละลายของครอบครัวอันนาได้ยากยิ่งขึ้น “เธอเคยเจอเขามาก่อนรึป่าว” “ค่ะ...แต่ว่ามันนานมากแล้ว ก่อนที่พ่อฉันจะเสียน่ะค่ะ ฉันเคยเจอแค่ครั้งสองครั้งเองค่ะ” “ฉันอยากรู้เรื่องครอบครัวเธอหน่อย ช่วยเล่าให้ฟังอีกทีสิ” หญิงสาวพยักหน้า “ได้ค่ะ พ่อฉันเคยเป็นเจ้าของ RM Group ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น AU Group แล้ว ฉันเคยไปงานคลาวไนท์สองสามครั้ง เลยได้เจอคุณฮ็อบส์บ้าง แต่อยู่ๆธุรกิจพ่อก็เริ่มทรุดตัวลง แม่บอกว่าเรากำลังล้มละลาย ไม่นานพ่อฉันก็ถูกยิงตาย แม่บอกว่าเป็นคู่แข่งทางธุรกิจพ่อ มาลอบฆ่าพ่อ จนถึงตอนนี้ก็ยังจับตัวไม่ได้ ตอนนั้นฉันแค่ไม่กี่ขวบเองค่ะ จำอะไรไม่ค่อยได้ด้วย ฉันจำได้แค่ว่าฉันรู้จักผู้ชายอยู่คนหนึ่ง เขาอายุห่างฉันสี่ห้าปี เราเล่นด้วยกันบ่อยๆ แต่ก็นั่นแหละคะ หลังจากพ่อฉันเสีย เราก็ไม่เคยเจอกันอีกเลย” “จำชื่อเขาได้รึป่าว” “จำได้ค่ะ เขาชื่อมันตรา คุณเคยได้ยินชื่อนี้ไหมคะ” มอร์แกนมองไปยังทางอื่น ก่อนจะตอบออกมา “ไม่เคย” “นึกว่าคุณจะเคยได้ยินชื่อนี้บ้าง” “เธออยากเจอเขาหรอ” “ไม่หรอกค่ะ แค่อยากรู้ว่าเขาสบายดีรึป่าว” ดวงตากลมโตมองมายังเขา เธอส่งยิ้มให้เขาราวเด็กไร้เดียงสา “เธอหิวรึยัง” “ค่ะ” “เดี๋ยวฉันสั่งอาหารมาให้” ชายหนุ่มโทรสั่งอาหาร เขามองหญิงสาวที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์ที่โชฟา เป็นไปได้ที่ฮ็อบส์จะจำเธอได้ และส่งคนให้สืบเรื่องราวของเธอ เขาเองสงสัยว่าการตายของโรมันจะมีฮ็อบส์เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ แต่ที่แน่ๆตอนนี้อันนากำลังตกอยู่ในอันตราย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD