ธัตทานนท์ และ วันวา
เดินเคียงกันออกมาจากลิฟต์
เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นหินอ่อน
ก้องกังวานไปทั่วโถงใหญ่
เพียงก้าวแรกที่พ้นประตูลิฟต์ออกมา
วันวาก็ต้องหยุดชะงักเล็กน้อย—
สายตาหลายสิบคู่จากพนักงานทั้งบริษัท
หันมามองพร้อมกันราวกับนัดหมายไว้
.
พนักงานทุกคนยืนเรียงแถวอยู่สองฝั่งของโถง
สีหน้ามีทั้งความตึงเครียดและความคาดหวัง
บางคนยิ้มแห้ง บางคนก้มหน้า
บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบที่กดดัน
จนได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของตัวเอง
.
วันวารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนบางอย่างในอก
หัวใจเต้นถี่ขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
เธอเหลือบมองรอบด้านด้วยความสงสัย
-นี่มันเรื่องอะไรกัน…
ทำไมทุกคนถึงมารวมตัวกันแบบนี้
__
ท่ามกลางแถวพนักงานที่แหวกเป็นทาง
คุณหญิงพาวิณี
ปรากฏตัวในชุดผ้าฝ้ายสบาย ๆ
แต่ตัดเย็บอย่างพิถีพิถัน
แม้จะเรียบง่ายแต่กลับดูมีระดับ
สมกับความเป็นคุณหญิงผู้มากบารมี
แสงไฟในโถงกระทบผืนผ้าสีอ่อน
ทำให้รัศมีของเธอยิ่งดูสง่างาม
ใบหน้าอ่อนโยนสุกใส มีรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก
ดวงตาอบอุ่นคู่นั้นทอดมองวันวาอย่างเมตตา
หญิงสาวรับรอยยิ้มอย่างเกรงใจ
เผลอยกมือไหว้อย่างสุภาพ
แม้ในใจยังเต้นแรงด้วยความไม่แน่ใจ
คุณหญิงพาวิณีพยักหน้าน้อย ๆ รับไหว้
ก่อนจะหันไปมองพนักงานทั้งห้องโถง
ด้วยสีหน้าที่นิ่งสงบ แต่เต็มไปด้วยอำนาจ
ที่ใครก็ไม่กล้าท้าทาย
__
เสียงคุณหญิงพาวิณี ดังชัดก้องไปทั่วโถง
ทุกถ้อยคำหนักแน่นแต่เปี่ยมด้วยความอ่อนโยน
“รถยุโรปคันใหม่ที่ทุกคนเห็น…
...ฉันเป็นคนสั่งให้วันวาเอง
ถือว่า เป็นการปลอบขวัญ
และขอให้ทุกคนทราบทั่วกัน
ว่าใครก็ตามที่เป็นคนลงมือทำให้วันวาหวาดกลัว
ให้เตรียมตัว เตรียมใจ
..รับผลของการกระทำได้เลย
และทุกคนต้องรับรู้ไว้..
วันวาคือคนพิเศษของฉัน”
.
คำประกาศสิทธิ์อย่างเปิดเผยนั้น
ทำให้โถงใหญ่ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงซุบซิบ
กลับเงียบกริบ พนักงานทุกคนหันมามองหน้ากัน
ก่อนจะค่อย ๆ พยักหน้าอย่างยอมรับ
โดยไม่กล้าเอ่ยคำใด
.
วันวายืนนิ่งในที่ของเธอ
ดวงตากลมเบิกกว้าง ริมฝีปากเม้มแน่น
หัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุอก
ความประหม่า ความตกใจ
และความอบอุ่นประดังเข้ามาพร้อมกัน
น้ำเสียงอ่อนโยนของคุณหญิงที่เอ่ยถึงเธอว่า
-“คนพิเศษ”
ทำให้เธอเผลอกัดริมฝีปากเพื่อกลั้นน้ำตา
.
ธัตทานนท์ยืนนิ่งอยู่ข้างกาย
เลือดในกายไหลพลุ่งพล่านราวจะพุ่งทะลุออกมา
เขารู้สึกทั้งผิดและโล่งใจในเวลาเดียวกัน
ผิด—ที่ไม่เคยเชื่อใจวันวา
ปล่อยให้ความหึงหวงครอบงำจนทำร้ายจิตใจเธอ
และโล่งใจ—ที่แม่ของเขา คนสำคัญที่สุดในชีวิต
ยอมรับวันวาอย่างเปิดเผยต่อหน้าทุกคน
.
ปลายนิ้วของทานน์กำแน่นแล้วคลาย
สายตาคมที่เคยเต็มไปด้วยความโกรธ
พลันอ่อนลงเมื่อเหลือบมองวันวา
เขาอยากเอื้อมมือไปจับมือเธอ
บอกเธอว่า “ขอโทษ”
แต่ก็รู้ดีว่าตอนนี้ สิ่งที่ควรทำที่สุด…
คือการยืนอยู่ข้าง ๆ เธอ ให้คนทั้งบริษัทเห็นว่า
เธอไม่ได้ยืนอยู่เพียงลำพัง
.
ในโถงใหญ่ที่เงียบสงัด
ความหมายของคำพูดคุณหญิงพาวิณี
ยังคงก้องกังวาน ไม่ใช่แค่การประกาศสิทธิ์
แต่เป็นการปกป้อง— เป็นเกราะที่ห่อหุ้มวันวา
และเป็นสัญญาณเตือนทุกคนว่า
ผู้หญิงคนนี้… คือคนสำคัญที่สุดของตระกูลนี้
..อย่างไม่มีข้อกังขา.