เสียงฮือฮาดังมาจากหน้าตึกกระจกของบริษัท
จนแม้แต่ประตูบานหนาในห้องผู้บริหาร
ก็ไม่อาจกลบได้
ธัตทานนท์ที่กำลังประชุมอยู่ชะงัก
หันมองทางหน้าต่างบานสูงอย่างไม่สบายใจ
เสียงพนักงานหญิงร้องเรียกกันตื่นเต้น
ยิ่งทำให้คิ้วเข้มของเขาขมวดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ
-“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เขาพึมพำกับตัวเอง
ก่อนจะก้าวยาว ๆ ออกจากห้องประชุม
โดยไม่รอคำตอบใคร
.
ทันทีที่เดินมาถึงโถงด้านหน้า
ภาพที่เห็นด้านล่างลานจอดรถ
กลับทำให้เขาหยุดหายใจไปชั่วขณะ
รถยุโรปคันใหม่สีขาวมุก แวววาว
ราวกับเพิ่งหลุดจากโชว์รูม
ถูกผูกโบว์ทองขนาดใหญ่
และที่สำคัญ…ป้ายหน้ากระจกกลับระบุชัด
“สุดพิเศษสำหรับ วันวา”
กรามแข็งเกร็งทันที
ความไม่พอใจปะทุขึ้นอย่างไม่อาจซ่อน
สายตาคมกริบกวาดหาตัวคนที่เกี่ยวข้อง
-เพียงคนเดียวในหัว
เมื่อพบวันวาที่กำลังยืนทำท่าทางงุนงง
ท่ามกลางเพื่อนร่วมงานด้านล่าง
เขาไม่รอแม้แต่วินาทีเดียว
เดินตรงผ่านกลุ่มพนักงานไปหาเธอทันที
“คุณวันวาครับ”
น้ำเสียงทุ้มต่ำถูกปรับให้ฟังดูปกติที่สุด
แม้แววตาจะแฝงความกดดัน
จนคนรอบข้างสัมผัสได้
“รบกวนมาที่ห้องทำงานผมทีครับ”
วันวาเงยหน้าขึ้นสบตาเขา
เพียงครู่เดียวก็รู้ทันที
ถ้าเรื่องนี้ เป็น ฝีมือธัตทานนท์…
เขาคงไม่มีทางเรียกเธอไปพบแบบนี้
หัวใจเธอหนักอึ้งราวมีหินถ่วง
เมื่อก้าวตามเขาไปยังลิฟต์เงียบ ๆ
เสียงซุบซิบรอบข้างยังดังตามหลัง
แต่ไม่มีคำไหนลอดเข้าสู่โสตประสาท
.
เมื่อเข้ามาในห้องทำงานผู้บริหาร
ธัตทานนท์หมุนตัวกลับมาปิดประตูบานใหญ่
เสียงล็อกดัง กริ๊ก ชัดถ้อยชัดคำในความเงียบ
เพียงเท่านั้นก็เพียงพอให้วันวารู้ว่า
พายุที่กำลังรออยู่ในห้องนี้…ไม่มีทางหลบหนีได้.
...
บรรยากาศในห้องทำงานส่วนตัว
ของประธานบริษัทเงียบงัน
จนแทบได้ยินเสียงหัวใจเต้น
เพดานสูงโปร่งและผนังกระจกใส
ที่มองเห็นวิวเมือง ยิ่งทำให้ความกดดัน
ถาโถมเข้ามาไม่หยุด
..
ธัตทานนท์ยืนพิงขอบโต๊ะทำงาน
มือทั้งสองกำแน่นจนเส้นเลือดบนหลังมือปูดชัด
แววตาคมกริบเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ
และความหึงหวงที่เก็บไม่อยู่
เขาสูดลมหายใจแรง ๆ
ราวกับพยายามสะกดอารมณ์
แต่เสียงที่เอ่ยออกมากลับต่ำและหนัก
“ใครส่งมา? …ใครส่งรถคันนั้นมาวาน”
มือหนาชี้ออกไปทางกระจกสูง
ที่มองลงไปยังลานจอดรถ
สายตาเขาวาววับเหมือนมีเปลวไฟลุกอยู่ข้างใน
.
วันวายืนนิ่งอยู่กลางห้อง ร่างบางดูสงบนิ่ง
แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกตึงเครียด
เธอรู้ทันทีตั้งแต่เห็นสีหน้าของเขา
ว่านี่ไม่ใช่เรื่องงาน แต่เป็นเรื่อง หัวใจ
น้ำเสียงที่พยายามคุมให้เรียบ
ดังออกมาแผ่วแต่มั่นคง
“ถ้าคุณเรียกฉันมาพบเพื่อถามเรื่องนี้…
คำตอบของฉันคือ ไม่ทราบค่ะ”
คำตอบสั้น ๆ ของเธอ
เหมือนราดน้ำมันลงบนไฟ
ทานน์กระแทกลมหายใจแรงจนได้ยินชัด
“ไม่ทราบ!!?”
เขาโน้มตัวมาข้างหน้า เสียงต่ำแต่เฉียบคม
“ไม่รู้ได้ยังไงวาน!!? รถทั้งคัน โบว์ทองทั้งผืน
ป้ายชื่อชัดขนาดนั้น อย่ามาบอกพี่ว่า ไม่รู้
—ตอบพี่มาสักทีสิ!”
เสียงสุดท้ายเกือบกลายเป็นการตะคอก
แม้ยังพยายามกดระดับเสียง
ไม่ให้เล็ดลอดออกไปนอกห้อง
.
วันวาสูดลมหายใจลึก
พยายามไม่ถอยแม้เขาจะก้าวเข้ามาใกล้
เธอกัดริมฝีปากเบา ๆ
ก่อนโต้กลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“พี่อยากได้คำตอบแบบไหนคะ?”
ดวงตากลมโตสบกับสายตาคมเข้มโดยไม่หลบ
“อยากให้วานตอบว่า ใช่ …
ตอบว่า วานมีคนอื่น วานคุยกับใครสักคน
แบบนั้นใช่ไหมคะ ที่พี่อยากฟัง?”
.
คำพูดนั้นเหมือนคมมีดตัดผ่านอากาศ
ห้องทั้งห้องราวกับหยุดนิ่ง
เหลือเพียงลมหายใจแรง ๆ ของชายหนุ่ม
ธัตทานนท์ชะงักไปชั่วขณะ
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะเมื่อครู่แข็งค้าง
ในแววตานั้นปรากฏทั้งความเจ็บปวด สับสน
และความรู้สึกที่ไม่มีชื่อ
ความเงียบปกคลุมห้องอย่างหนักหน่วง
—หนักพอจะทำให้ได้ยินเสียงหัวใจของทั้งคู่เต้น
สวนกันอย่างร้อนแรง.
___