เริ่มเข้าสู่ยามค่ำ
แสงไฟสีส้มจากหลอดฟลูออเรสเซนต์
เหนือศีรษะส่องสว่าง
บางส่วนของออฟฟิศที่เงียบกริบ
ทั้งตึกใหญ่แทบไร้ผู้คน
เสียงลมแทรกจากช่องระบายอากาศ
เป็นเพียงเสียงเดียวที่ขับเน้นความวังเวง
.
ในห้องทำงานเล็กของฝ่ายบัญชี
วันวานั่งหลังตรงอยู่หน้าโต๊ะ
แสงจากหน้าจอคอมส่องสะท้อนใบหน้า
ที่เริ่มมีเงาความเหนื่อยล้า คิ้วเรียวขมวดมุ่น
ข้อมือขวากดเมาส์เลื่อนกราฟข้อมูลไปมา
เสียง ติ๊ก ของเมาส์สลับกับเสียงลมหายใจ
แผ่วเบาเป็นจังหวะเดียวในห้อง
.
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูสองครั้งดังขึ้น
วันวาเงยหน้าขึ้นเพียงเล็กน้อย
ก่อนเสียงคุ้นเคยเอ่ยแผ่วแต่ชัด
.
“จะมืดแล้วนะคะ…กลับบ้านก่อนไหม”
ธัตทานนท์ก้าวเข้ามาอย่างสุภาพ
ร่างสูงในชุดสูทสบาย ๆ
ตัดกับความเงียบงันรอบห้อง
กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ของเขา
ลอยตามแรงลมจากประตูเข้ามาทันที
.
วันวาไม่ทันคิด หันกลับไปที่หน้าจอ
ตอบอย่างลืมตัว
“พี่ทานน์คะ…พี่ช่วยวานดูเครื่องจักรตัวนี้หน่อย”
เธอยกมือเรียวชี้ไปยังกราฟซับซ้อนบนจอ
.
คำว่า พี่ทานน์ หลุดออกจากปากเธออย่างไม่รู้ตัว
แต่กลับทำให้หัวใจของเขาสะดุด
ดวงตาคมมีประกายบางอย่างวาบขึ้นทันที
เหมือนเวลาหยุดนิ่งไปเสี้ยววินาที
ธัตทานนท์
พยายามกลบเกลื่อนความยินดีที่พุ่งขึ้นกลางอก
รอยยิ้มบางแตะแค่ริมฝีปาก
เขาก้าวเข้ามาใกล้เธอ
“ตรงไหนคะ?”
น้ำเสียงนุ่มแต่แฝงความอบอุ่นแผ่วเบา
.
เขาก้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อมองหน้าจอ
กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากผมของวันวาแตะจมูก
ระยะห่างเพียงไม่กี่คืบ
ทำให้วันวารู้สึกถึงแรงเต้นของหัวใจตนเอง
เธอกลั้นหายใจเล็กน้อย
ก่อนเลื่อนเมาส์ให้เขาดูจุดที่ติดขัดบนกราฟ
แม้จะพยายามเพ่งไปที่จอ
แต่ความใกล้ชิดกลับทำให้บรรยากาศ
รอบตัวอุ่นขึ้นอย่างไม่ทันตั้งใจ
วันวาน้ำเสียงยังมั่นคง
“เครื่องจักรสองตัวนี่ค่ะ…ราคามันต่างกัน
ถ้าเป็นคนละรุ่นกันจริง ราคาก็พอเข้าใจได้
แต่บริษัทซื้อในราคาตัวละยี่สิบห้าล้านบาททุกตัว
ทั้งที่พอดูข้อมูลการขายย้อนหลังในเว็บ
ราคามันไม่ถึงเลยนะคะ”
.
ธัตทานนท์โน้มตัวลงมามองใกล้ขึ้น
กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ จากเขา
ทำให้หัวใจวันวาเต้นแรงกว่าปกติ
มือใหญ่เอื้อมไปจับเมาส์ต่อจากเธอ
เสียงเขาแผ่วต่ำราวกระซิบใกล้หู
“ขอพี่ดูหน่อยนะคะ…”
เมาส์เคลื่อนช้า ๆ บนแผ่นรอง
เส้นกราฟและตารางราคาปรากฏเต็มจอ
ความใกล้ชิดทำให้บรรยากาศในห้อง
เงียบกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งคู่พยายามนิ่ง
แต่ใจกลับสั่นแรง
จนแทบกลบเสียงคลิกเมาส์ไม่มิด
.
ธัตทานนท์เพ่งจอครู่หนึ่งก่อนเอ่ยช้า ๆ
“ใช่…เครื่องจักรสองตัวนี้ คนละรุ่นกันค่ะ
จริง ๆ มันต่างกันไม่มาก
เรียกว่าเป็นการอัปเกรดจะถูกต้องกว่า
ราคาก็ไม่หนีกันมากนะคะ”
.
วันวาหันมาสบตาเขา น้ำเสียงเรียบแต่คมกริบ
“แล้วที่บริษัทซื้อ…คือรุ่นไหนกันแน่คะ?”
เขาละสายตาจากจอไปยังเอกสารกองหนึ่ง
ที่วางบนโต๊ะข้างมือ
คิ้วเข้มขมวดแน่นทันที เมื่อเห็นรายละเอียด
น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเข้มกว่าทุกครั้งที่พูดด้วยกัน
“พี่ว่า…เป็นรุ่นที่ ยังไม่ อัปเกรด”
ความเงียบก่อตัวขึ้นในห้องทันใด
สองสายตาสบกันอย่างหนักแน่น
เหมือนต่างเข้าใจในสิ่งเดียวกันโดยไม่ต้องเอ่ยคำ
—นี่คือจุดรั่วไหลอีกจุดที่ถูกซ่อนเอาไว้
และมันกำลังเผยตัวต่อหน้าพวกเขาแล้ว
__
เสียงโทรศัพท์มือถือของวันวา
ดังแทรกขึ้นในห้องเงียบ
หน้าจอสว่างวาบกลางแสงไฟสีขาวจากจอคอม
วันวาหันไปหยิบทันที
“ฮัลโหล…เริ่มกันก่อนเลยนะนัชชา
วานคงไปช้านิดนึง ยังอยู่ที่ทำงานอยู่เลย
พอดีติดพันนิดหน่อย…
..อีกหนึ่งชั่วโมงเหรอ? …โอเค จะพยายามนะ”
เสียงหัวเราะเบา ๆ หลุดออกจากริมฝีปาก
ก่อนเธอกดวางสาย
.
ธัตทานนน์ที่ยืนพิงโต๊ะอยู่ข้าง ๆ
เงยหน้ามองไม่กะพริบ สายตาคมเข้ม
จับจ้องทุกรายละเอียดเหมือนอยากฟังทุกคำ
“มีนัดกับเพื่อนเหรอคะ?”
เสียงทุ้มต่ำถามขึ้นทันทีที่เธอวางสาย
.
วันวาเผลอตอบอย่างไม่ทันคิด
“ใช่ค่ะ นัดแฮงค์เอาท์กันที่…รูฟท็อปบาร์”
สิ้นคำพูด เธอชะงักไปเอง
สายตาก้มลงเหมือนพึ่งรู้ตัวว่า
หลุดบอกสถานที่ออกมาโดยไม่ตั้งใจ
รีบกลบเกลื่อนด้วยน้ำเสียงเรียบ
“เอ่อ…คงต้องรีบกลับแล้วค่ะ ค่ำลงจริง ๆ”
.
ธัตทานนท์เพียงพยักหน้ารับ
ริมฝีปากกระตุกยิ้มบาง ๆ จนแทบมองไม่ออก
ในอกกลับร้อนระอุด้วยความพอใจ
รูฟท็อปบาร์… คำนี้ดังก้องอยู่ในหัว
อย่างน้อยคืนนี้ เขาก็รู้แล้วว่าเธอจะไปที่ไหน